Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hypothyroidism - Coggle Diagram
Hypothyroidism
ความหมาย
เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเนื่องจากต่อมธัยรอยด์สร้างและหลั่งธัยรอยด์ฮอร์โมน ออกมาไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติขึ้น ภาวะนี้เกิดขึ้นได้ทุกกลุ่มอายุ ในกรณีที่เกิดขึ้นในเด็กเรียกว่า cretinism และในกรณีที่เกิดในผู้ใหญ่ เรียกว่า myxedema
สาเหตุในเด็ก
เกิดจากภาวะขาดไอโอดีน เนื่องจากมารดาเป็นโรคคอพอกประจำถิ่น เด็กที่เกิดจากสาเหตุนี้ เรียกว่า endemic cretinism
เกิดจากต่อมไทรอยด์เจริญไม่ได้เต็มที่ ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ได้ตั้งแต่แรกเกิด (congenital cretinism/Congenital hypothyroidism)
อาการและอาการแสดง
ในทารก
ทารกที่เกิดมาแล้วต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติหรือไม่มีต่อมไทรอยด์ อาจปรากฎอาการบางอย่าง เช่น สำลักบ่อย, หน้าบวมฉุ, ลิ้นมีขนาดใหญ่คับปากและยื่นออกมา, ตัวเหลืองตาเหลือง เป็นต้น หากอาการของโรคกำเริบขึ้น จะมีปัญหาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและแคระแกร็น โดยในระยะนี้ เด็กจะมีอาการท้องผูก มวลกล้ามเนื้อน้อย ซึม ไม่ร้องกวน และนอนหลับมากเกินไป ต้องคอยปลุกขึ้นมาให้นม ถ้าทารกยังไม่ได้รับการรักษาต่อไป (แม้จะเกิดอาการไม่รุนแรง) เด็กจะมีรูปร่างตัวเตี้ยแคระ พุงป่อง สมองทึบ ปัญญาอ่อน หูหนวก เป็นใบ้ ซึ่งเรียกว่า “สภาพแคระโง่” (Cretinism) หรือ “เด็กเครติน” (Cretin) ซึ่งทางภาคเหนือจะเรียกว่าโรคเอ๋อ โดยชนิดที่เกิดจากการขาดสารไอโอดีนเนื่องจากมารดาเป็นโรคคอพอกประจำถิ่นจะเรียกว่า “สภาพแคระโง่ประจำถิ่น” (Endemic cretinism) ส่วนชนิดที่เกิดจากต่อมไทรอยด์เจริญได้ไม่เต็มที่ ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ได้ตั้งแต่แรกเกิดจะเรียกว่า “สภาพแคระโง่แต่กำเนิด” (Congenital cretinism)
ในเด็กและวัยรุ่น
โดยทั่วไปจะมีอาการคล้ายในผู้ใหญ่ แต่อาจจะมีอาการอื่นเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น ฟันแท้ขึ้นช้ากว่าปกติ, เจริญเติบโตช้า (ส่งผลให้มีรูปร่างเตี้ย), เข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์ช้า, การเรียนรู้ช้า เป็นต้น
การวินิจฉัยโรค
แพทย์จะทำการซักประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยและการรักษาโรคในอดีต ประวัติการใช้ยาต่าง ๆ และจะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการอ่อนเพลีย ตัวบวมฉุ หน้าบวม คิดช้าและทำอะไรช้ากว่าที่เคย ผิวหนังหยาบแห้งและเย็น ผมบางและหยาบ ผมร่วง ขนคิ้วร่วง ชีพจรเต้นช้า (อาจต่ำกว่า 50 ครั้ง/นาที) อาจตรวจพบอาการคอโตหรือไม่ก็ได้ ส่วนในทารกอาจตรวจพบอาการตัวอ่อนปวกเปียก ซีด ดีซ่าน ผิวหยาบแห้ง ลิ้นโตคับปาก ท้องป่อง สะดื่อจุ่น
หากสงสัยแพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม โดยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับทีเอสเอชและฮอร์โมนไทรอยด์ (ผู้ที่มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานจะจัดว่าป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ ส่วนผู้ที่ระดับฮอร์โมนไทรอยด์อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่มีระดับทีเอสเอชสูง ก็จัดว่าป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ด้วยเช่นกัน โดยจะเรียกว่า “ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำแบบไม่มีอาการ” (Subclinical hypothyroidism)) ซึ่งมีรายละเอียดการตรวจดังนี้
การตรวจทีเอสเอช (Thyroid-stimulating hormone : TSH) เป็นการตรวจหลักที่ใช้ในการวินิจฉัยไฮโปไทรอยด์ เนื่องจากอาการของไฮโปไทรอยด์ในขั้นแรกนั้นระดับฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์จะยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่การตรวจนี้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ก่อน (ตรวจพบโรคได้ก่อนที่ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรค) แพทย์จึงมักให้ผู้ป่วยตรวจทีเอสเอช ก่อน เพราะเมื่อผู้ป่วยประสบภาวะขาดไทรอยด์ ต่อมใต้สมองจะเร่งผลิตทีเอสเอชให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ แต่ระดับทีเอสเอชที่เพิ่มขึ้นนี้จะเกิดขึ้นก่อนระดับฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ลดต่ำลง
การตรวจฮอร์โมนไทรอยด์ ในกรณีที่ผู้ป่วยป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์อันเนื่องมาจากความผิดปกติของต่อมใต้สมองหรือไฮโปทาลามัส ซึ่งจะมีระดับทีเอสเอชต่ำกว่าปกติ แพทย์จะตรวจด้วยวิธีพิเศษที่เรียกว่า “การตรวจทีอาร์เอช” (Thyrotropin releasing hormone: TRH) ซึ่งเป็นการตรวจที่จะช่วยระบุได้ว่าภาวะขาดไทรอยด์นั้นเกิดความผิดปกติของต่อมใต้สมองหรือไฮโปทาลามัส (ในการตรวจแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่อมไร้ท่อจะทำการฉีดฮอร์โมนดังกล่าวให้แก่ผู้ป่วย)
อาจมีการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การตรวจเอกซเรย์ปอดเพื่อดูภาพหัวใจ (อาจพบว่ามีภาวะหัวใจโต เนื่องจากมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจหรือน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด), การตรวจสแกนต่อมไทรอยด์ (เป็นการตรวจที่อาจช่วยวินิจฉัยตำแหน่งของอาการป่วยได้), การตรวจเอกซเรย์สมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ร่วมกับการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติมในกรณีที่แพทย์สันนิษฐานว่าสาเหตุของโรคน่าจะมาจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อไฮโปทาลามัส (Hypothalamus)
การรักษา
ยาเลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “ไทรอกซีน” (Thyroxine) หรือชื่อทางการค้าที่รู้จักกันดี คือ “เอลทรอกซิน” (Eltroxin™) ซึ่งเป็นยาสำหรับรับประทาน วันละ 1-3 เม็ด โดยยาเลโวไทรอกซีนนี้จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนในร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ เมื่อผู้ป่วยกินยานี้เข้าไปได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์จะเริ่มดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่เพิ่มขึ้นจากการป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ ผู้ป่วยจึงควรกินยาเลโวไทรอกซีนไปตลอดชีวิต แต่ขนาดยาที่ใช้ในการรักษาอาจเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งภายหลังจากให้ยารักษาไปแล้วแพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจดูอาการและตรวจระดับฮอร์โมนทีเอสเอชในเลือดเป็นระยะ ๆ เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย แพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมเพื่อรักษาไฮโปไทรอยด์ โดยจะตรวจดูระดับฮอร์โมนทีเอสเอชหลังจากให้ยาผู้ไปแล้วประมาณ 2-3 เดือน
การพยาบาล
-
-
คัดกรอง/คนหาเด็กที่มีความผิดปกติ โดยกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ตรวจคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในเด็กแรกเกิดทุกคน โดยการตรวจ TSH พยาบาลจึงต้องอธิบายครอบครัว ให้เซ็นใบเจาะเลือด ก่อนเจาะเลือดทารกส่งตรวจทุกครั้ง
การดำเนินโรค
สำหรับทารกแรกเกิด ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ก่อนอายุได้ 1 เดือน (ก่อนมีอาการชัดเจน แต่พบจากการตรวจเลือด) เด็กจะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นปกติทั้งทางร่างกายและสมอง แต่เด็กจะต้องกินยาทุกวัน ห้ามหยุดยา
การป้องกัน
ในทารกการป้องกันไม่ให้เกิดสภาพ cretinism สามารถทำได้โดยการตรวจระดับฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ (TSH) และฮอร์โมนไทร็อกซีนในเลือดของทารกแรกเกิด ถ้าพบว่ามีภาวะขาดไทรอยด์จะได้ให้การรักษาแต่เนิ่นๆ ช่วยให้เด็กเจริญเติบโตเป็นปกติได้ ดังนั้น จึงแนะนำให้มีการตรวจเลือดทารกแรกเกิดทุกเด็กเจริญเติบโตเป็นปกติได้ จึงแนะนำให้มีการตรวจเลือดทารกแรกเกิดทุกคน (ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการขาดสารไอโอดีน ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้สูง