Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลหญิงที่มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์ (่ไทรอยด์ผิดปกติ) - Coggle Diagram
การพยาบาลหญิงที่มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์ (่ไทรอยด์ผิดปกติ)
ความหมาย
ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติ (thyroid dysfunction) หมายถึงภาวะที่ต่อมไทรอยด์มีการสร้างไทรอยด์ฮอร์โมนมากหรือน้อยกว่าปกติซึ่งมีผลต่อเมตาบอลิซึมของร่างกายและระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องประเภทความผิดปกติของของต่อมไทรอยด์ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติ (Hyperthyroidism)
ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์น้อยกว่าปกติ (Hypothyroidism)
สาเหตุ
โรคของต่อมไทรอยด์ชนิด Graves disease ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะภูมิต้านทานในร่างกายตนเอง (autoimmune) ทำให้มีแอนติบอดีไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้างและหลั่งฮอร์โมนออกมามากกว่าปกติสาเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไทรอยด์อักเสบแบบกึ่งเฉียบพลัน (subacute thyroiditis)
ไทรอยด์อักเสบหลังคลอด (postpartum thyroiditis)
คอพอกเป็นพิษชนิดหลายปุ่ม (toxic multinodular goiter)
เนื้องอกชนิดไม่ร้ายของต่อมไทรอยด์ที่เป็นพิษ (toxic adenoma)
พยาธิ
ต่อมไทรอยด์ทำงานโดยการควบคุมของไฮโปทาลามัสซึ่งหลั่งฮอร์โมน TRH ไปกระตุ้นต่อมพิทูอิทารีให้หลั่งฮอร์โมน TSH เพื่อไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้างและหลั่งฮอร์โมน triodothyronine (T3) และ tyroxine (T4) ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติที่เกิดจากต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Graves disease) เซลล์ของต่อมไทรอยด์จะถูกกระตุ้นจากแอนติบอดีจากปฏิกริยาภูมิต้านทานในร่างกายตนเองจะทำให้ขนาดของต่อมไทรอยด์โตขึ้นภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ฮอร์โมน้อยกว่าปกติเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอกซิน (thyroxine) น้อยลงเนื่องจากมีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์เช่นมีการอักเสบเรื้อรัง (chronic autoimmune thyroiditis) จาก Hashimoto disease โดยเซลล์ของต่อมไทรอยด์จะถูกทำลายโดยแอนติบอดีหรือเม็ดเลือดขาว (lymphocytes) เป็นต้นนอกจากนี้ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์น้อยกว่าปกติอาจพบได้ในผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยสารกัมมันตรังสีไอโอดีน (radioactive iodine) ได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์หรือได้รับสารไอโอดีนจากอาหารไม่เพียงพอ
อาการเเละอาการแสดง
ต่อมไทรอยด์โต (Goiter)
เหงื่อออกมากกว่าปกติหิวบ่อยรับประทาน
ผิวหนังอุ่นแดงชิ้น
ขี้ร้อนหงุดหงิดตกใจง่าย
หัวใจเต้นเร็ว
รู้สึกใจสั่นกระวนกระวายมือสั่น
ความดันโลหิตสูง
นอนไม่ค่อยหลับชีพจรขณะหลับสูงกว่า 100 ครั้ง / นาที
มีภาวะวิกฤตของต่อมไทรอยด์ (thyroid storm)
การทำงานของหัวใจล้มเหลว (congestive heart failure)
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
(ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (thyrotoxicosis) ที่ควบคุมไม่ได้และภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์น้อยกว่าปกติ (hypothyroidism) มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และทารกได้โดยภาวะการทำงานของต่อม
ไทรอยด์มากกว่าปกติมีผลทำให้เกิดภาวะคลื่นไส้อาเจียนมากกว่าปกติในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (hyperamicsis gravidarum) การแท้งบุตรการคลอดก่อนกำหนดภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (preeclampsia) ทารกมีภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนมีโอกาสเกิดต่อมไทรอยด์เป็นพิษ แต่กำเนิดการเจริญเติบโตช้าในครรภ์และทารกตายในครรภ์ส่วนภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ต่ำกว่าปกติมีผลทำให้เกิดการแท้งบุตรและการคลอดก่อนกำหนด
การตรวจวินิจฉัย
การทำงานของต่อมไทรอยด์ในหญิงตั้งครรภ์ใช้การตรวจระดับฮอร์โมนกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ (TSH) ในการตรวจคัดกรองเบื้องต้นและตรวจวินิจฉัยโรคของต่อมไทรอยด์จากระดับฮอร์โมน TSH และ free T4 ดังนี้ (Society for Maternal-Fetal Medicin
ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติอะตรวจพบระดับของ free thyroxine สูงกว่าปกติ (> 1.8 mg / dL) และมีระดับของฮอร์โมน TSH ต่ำกว่าปกติ (-0.45 mU / L) ค่าปกติของ TSH ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เท่ากับ 2.5 mUL ตรวจร่างกายชีพจรเร็วมากกว่า 100 ครั้ง / นาทีใจสั่นผิวหนังอุ่นความดัน systolic สูง pulse pressure กว้างมากกว่า 40 มม. ปรอทต่อมไทรอยด์โตการตรวจภาวการณ์ทำงานของต่อมไทรอยด์โดยใช้การวัดจำนวนออกซิเจนที่ร่างกายใช้ในขณะพักและงดอาหารมาแล้วอย่างน้อย 10-14 ชั่วโมงค่าจะสูงขึ้น
ภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ฮอร์โมน้อยกว่าปกติจะตรวจพบระดับของ free thyroxine ต่ำกว่าปกติและมีระดับของฮอร์โมน TSH สูงกว่าปกติ (0.4-4.5 microunitml) ค่าปกติของ free thyroxine ในสตรีตั้งครรภ์จะเท่ากับสตรีทั่วไปคือ 0.7-1.8 mg / dL
การรักษา
PTU + wbc on หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติต้องได้รับการรักษาด้วยยา, propylthiouracil (PTU) 50-300 มก. ต่อวัน (50-150 มก. ทุก 8 ชม.)
ยานี้ไม่ได้ขัดขวางการปลดปล่อยฮอร์โมนที่เก็บไว้ในต่อมไทรอยด์ออกมาในกระแสเลือดผลของยาจึงเห็นช้าอาจนานหลายสัปดาห์หรือนานหลายเดือนอาการข้างเคียงที่อันตรายของ PTU คือทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำ (agranulocytosis) ผู้รับประทานยานี้อาจมีอาการเจ็บคอเป็นไข้บางรายอาจมีผื่นขึ้นตามตัวถ้ามีอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์
methimazole (MMI) 5-20 mg ต่อวันหรือ carbimazole 40 mg ต่อวันเพื่อควบคุมให้มีระดับ total T4 12-18 microgram / dL, free T4 2.0-2.5 mg / dL และ TSH 0.1-0.4 mU / L กรณีระดับไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นปกติอาจหยุดรับประทานยาได้ในช่วงอายุครรภ์ 30-34 สัปดาห์เพื่อป้องกันภาวะไทรอยด์่ำ (hypothyroidism) ในทารกแรกเกิดยานี้จะผ่านรกได้มากกว่า PTU มีผลต่อทารกในครรภ์ได้มากทำให้เกิดความพิการของกะโหลกศีรษะ (scalp defect)
การผ่าตัดต่อมไทรอยด์จะทำเมื่อไม่สามารถรักษายาได้เช่นมีอาการแพ้ยาต้านไทรอยด์การผ่าตัดกรณีจำเป็นมักทำในไตรมาสที่ 2 เพราะถ้าทำในไตรมาสที่ 1 อาจทำให้เกิดการแท้งถ้าทำในไตรมาสที่ 3 อาจคลอดก่อนกำหนด
้าการรักษาภาวะไทรอยด์ไม่ได้ผลอาจมีอาการของต่อมไทรอยด์วิกฤตคือภาวะที่ต่อมไทรอยด์หลั่งไทรอยด์ออกมาในระดับสูงมากในกระแสเลือดอย่างทันทีทันใดจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากต่อมไทรอยด์ได้รับการกระทบกระเทือนเช่นการผ่าตัดการติดเชื้อภาวะเครียด ฯลฯ จะมีอาการไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียสมีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางเช่นสับสนไม่รู้สึกตัวมีอาการของระบบทางเดินอาหารเช่นถ่ายอุจจาระเหลวตลอดเวลามีหัวใจเต้นเร็วจนอาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้ถ้าพบอาการดังกล่าวแพทย์จะให้การรักษาโดยให้ยา PTU ในขนาดสูง 800 มก. ทันทีและให้ 200 มก. ทุก 8 ชั่วโมงพร้อมกับให้ saturated solution of potassium iodide 5 หยดรับประทานทุก 8 ชั่วโมงและให้การรักษาแบบะคับประคองตามอาการเช่นภาวะขาดน้ำไข้สูง
การพยาบาล
ซักประวัติการตั้งครรภ์เกี่ยวกับภาวการณ์ทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติในครรภ์ก่อนว่ามีหรือไม่เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติได้อีกในครรภ์ต่อไป
แนะนำการวางแผนการตั้งครรภ์แก่หญิงที่มีภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์เป็นพิษเพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
บอกให้หญิงตั้งครรภ์ทราบว่าภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติอาจกำเริบขึ้นได้ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์และในช่วง 1 ปีหลังคลอดแนะนำการสังเกตอาการแสดงต่างๆของโรคและรับการตรวจรักษาเพื่อควบคุมไทรอยด์ฮอร์โมนให้อยู่ในช่วงปกติและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
แนะนำให้รับประทานยาตามแผนการรักษาเช่น PTU, methimazole เพื่อควบคุมไทรอยด์ฮอร์โมนให้อยู่ในช่วงปกติโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับยาในระยะคลอดควรรับประทานยาต่อไปในระยะหลังคลอดเพื่อป้องกันอาการ hyperthyroidism กำเริบในช่วง 3 เดือนแรกถึง 1 ปีหลังคลอดจาก Graves disease หรือ postpartum thyroiditis
กรณีได้รับการรักษาด้วยยา methimazole (tapazole) แนะนำไม่ให้รับประทานร่วมกับยาต่างๆเช่น digoxin, warfarin, propranolol, theophyline เพราะจะทำให้มีอาการข้างเคียงมากขึ้นและไม่แนะนำให้รับประทานยา methimazole ในระยะให้นมบุตรกรณีจำเป็นต้องรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนเป็นยา PTU ซึ่งสามารถรับประทานได้ในช่วงให้นมบุตร
หญิงตั้งครรภ์ที่มีประวัติได้รับสารกัมมันตรังสีไอโอดีนเพื่อการรักษาภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติและได้รับการรักษาด้วยยา levothyroxine (LT4) แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยาในการควบคุมไทรอยด์ฮอร์โมนให้อยู่ในช่วงปกติก่อนตั้งครรภ์หรือในช่วงแรกของการตั้งครรภ์