Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับรกและอื่นๆ - Coggle Diagram
ภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับรกและอื่นๆ
ความหมาย ภาวะรกค้างและล้วงรก
โดยทั่วไปรกและเยื่อหุ้มจะตลอดออกมาหลังจากทารกเกิด 5-15 นาที แต่บางครั้งไม่สามารถคลอดออกมาได้ ซึ่งถ้าไม่คลอดภายหลังเกิด 30 นาที เรียกว่ารกค้าง (retained placenta)
ความหมายภาวะช็อกทางสูติศาสตร์
ภาวะช็อก ภาวะที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้รับเลือดไปเลื้องไม่พอ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ขาดออกซิเจนจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ ทีทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ในทางสูติศาสตร์แบ่งชนิดของภาวะช็อก
ภาวะช็อกจากประสิทธิภาพการบีบตัวของของหัวใจลดลง (cardiogenic shock) เป็นภาวะที่เกิดจากทำงานล้มเหลวของหัวใจด้านซ็ายทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงไม่สามารถบีบตัวได้แรงพอเกิดเลือดคั่งที่หัวใจซีกซ้อยและปอดซึ่งมักเกี่ยวข้องกับภาวะ coagulation defects, pulmonary embolism, thrombophlebitis และ amniotic fluid embolism
ภาวะช็อกจากการเปลี่ยนแปลงความตึงตัวของหลอดเลือด (vasogenic shock) เป็นภาวะที่เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือกมีผลให้เพิ่มความจุของหลอดเลือดและแรงต้านทางของหลอดเลือดส่วนปลายลดลง ทำให้ระบบไหลเวียนในร่างกายผิดปาติและเกิดภาวะช็อกได้หลายรูปแบบได้แก่
ภาวะช็อกจากการติดเชื้อในเลือด ( bacteriemic shock or Septic shock) เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อในเลือด ที่พบบ่ายคือเชื้อ gram negative เมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดจะกระตุ้นให้มีการหลั่งสารบางอย่างเช่น kinin,histamine,serotonin,catecholamine เป็นต้น โดยระยะแรก kinin,histamine จะทำให้หลอดเลือกขยายตัว และแรงต้านทางของหลอดดลือดส่วนปลายลดลง เลือดไหลกลับหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง ต่อมา serotonin, catecholamine จะกระตุ้น alpha receptor ทำให้แรงต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลายสูงขึ้น เลือดถูกดึงกลับเข้าสู่หัวใจ และ catecholamine ยังทำให้หลอดเลือดที่ปอดหดตัว เกิดภาวะน้ำท่วมปวด เนื่อเยื่อขาดเลือดไปเลี่ยง ภาวะนี้อาจมาจากภาวะติดเชื้อต่างๆ ทั้งก่อนหรือหลังคลอด การแท้งติดเชื้อ ภาวะกรวยไตอับสบ ภาวะเยื่อหุ้มถุงน้ำอักเสบ
ภาวะช็อกจากระบบประสาท catecholamine เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของหลอดเลือดในสมองโดยขัดขวางการส่งสัญญาณจากศูนย์ควบคุมการทำการทำงานของหลอกเลือดที่จะไปกรตุ้นประสาท sympathetic (มีหน้าที่ทำให้หลอดเลือดหดรัดตัว) จึงทำให้หลอดเลือดขยายตัวและแรงต้านทานของหลอดเลือดาส่วนปลายลดลง เลือดไหลกลับหัวใจลดลง สาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับ ผลข้างเคียงจากยาที่ได้รับในการให้ยาสลบทางไขสันหลัง (spinal anesthesia) ภาวะมดลูกปลิ้น ความไม่สนดุลของเกลือแร่จากโซเดียวต่ำ นอกจากนี้อาจเกิดจากการมีความกดดันทางอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความเจ็บปวดรุนแรง ความกลัว ความวิตกกังวล เครียด หรือตื่นเต้นเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการขยายของหลอดเลือกแดงฝอย และหลอดเลือดดำฝาย ความจุของหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ปริมาณเลือดที่มีตามปกติจะน้องลง ทำให้ควาดันโลหิตต่ำ แต่อาการไม่รุงแรง หายเองได้ในเวลาไม่นาน
ภาวะช็อกจากปฎิกิริยาแพ้อย่างรุงแรง (Anaphylactic shock) เป็นภาวะช็อกที่เกิดจากร่างกาย มีปฏิกิริยาแพ้อย่างรุนแรงต่อสารแปลกปลอมที่เข้าสุ้ร่่างกายและมีผลต่อการหลั่งสารที่มีผลต่อหลอกเลือด เช่น histamine, serotonin, bradykinin และprostaglandins เป็นต้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบหดรัดตัว แต่หลอกเลือกขยายตัวและมีการซึงผ่านของสารน้ำจากหลอดเลือดเข้าสู่ช่องว่างระหว่างเซลล์ทำให้ปริมาณเลือดที่ไหลเวียนลดลงและความดังเลือดลดลง สาเหตุอาาจมาจากการแพ้ยาปฎิชีวนะ เลือดหรือซีรั่ม เป็นต้น
ภาวะช็อกจากปริมาณเลือกน้อย (hypovolemic shock) เป็นภาวะที่เกิดจากปริมาณเลือดพลาสม่าหรือน้ำในร่างกายลดลง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภฺ์นอกมกลูก ภาวะเลือดออกก่อนคลอดรกลอกตัวก่อนกำหนด รกเกาะต่ำ มดลูกฉีกขาดตกเลิือดหลังุคลอด และการผ่าตัดทางสูติศาสตร์โดยทั่วไปการเสียเลือดต่ำกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนเลือดทั้งหมดมักไม่มีการ และอาการแสดง
ลักษณะของรกค้าง แบ่งได้ตังต่อไปนี้
รอลอกตัวสมบูรณ์ แต่คลอดไม่ได้เพราะอาจเนื่องจากหดรัดตัวที่ผิดปกติของมดลูด เช่น constriction ring และปากมดลูกแข็งเกร็ง (cervical cramp) เป็นต้น
รกติดแน่นจากการฝังตัวลึกกว่าปกติ (Placenta adherens) ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ระดับ
Placenta accreta villi จะฝังตัวลงไปในชั้นเยื่อบุมดลูกแต่ไม่ผ่านลงไปในชั้นกล้างเนื้อมดลูก
Placenta increta villi จะฝังตัวลงไปในชั้นกล้ามเนื้้อมดลูก
Placenta percreta villi จะฝังตัวลงไปในชั้นกล้ามเนื้อมดลูกจะทะลุผนังมดลูกและอาจงอกเข้าไปในอวัยวะอื่นในอุ้งเชิงกรานที่อยู่ติดกับมดลูกด้วย
รกลอกตัวไม้สมบูรณฺ์ การที่รกลอกตัวจากผนังมดลูกเพียงบางส่วนจะมีเลือกออกจากบริเวณนั้นอีกส่วนหนึ่งของรถที่ไม่่ลอกตัวจะทำให้การหดรัดตัวและการคลายตัวไม่ดี จะมีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆจนกว่ารกลอกตัวหมดและคลอดออกมา
สาเหตุ
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจมีปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดดังนี้
รกมีความผิดปกติ เช่นมีรกน้อย รกมึขนาดใหม่และแบน รกเกาะแน่น หรือรกฝังตัวลึกกว่าปกติ
มดลุกมีลักณะผิดปกติ เช่นมีผนังกั้นภายในโพรงมดลูก (bicornuateuterus)
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี อาจเนื่องมาจากคลองล่าช้า ผู้คลอดได้รับยาแก้ปวดมากเกินไปเกินไปอ่อนเพลีย การได้รับยาสลบ กระเพาะปัสสาวะเต็ม รกจึงไม่ลอกตัวหรือลอดตัวไม่สมบูรณ์
สายสะดือขาดเนื่องจากการทำคลอดรกผิดวิธี
การทำคลอดรกไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่เกิดจากการคลึงมดลูกก่อนที่รกจะลอกตัว หรือการให้ยา methergin ก่อนทำคลอดรก ทำให้เกิดการหดเกร็งของมดลูก (constriction) หรือปากมดลูกแข็งเกร็ง (cervical cramp)
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย ได้แก่การตรวจการหดรัดตัวของมดลูก การตรวจสอบกระเพาะปัสสาวะจำนวนเลือดที่เสียจากการคลอด ระยะเวลาที่รอรกคลอด สัญญาชีพ การตรวจรก
การตรวจทางห้องปฎิบัติการหรอกการตรวจพิเศษ ได้แก่การใช้อัลตร้าซาวน์ตรวจสอบมดลูกภายหลังรกคลอกในกรณีที่สงสัยว่ารกไม่ครบ การตรวจเลือดดูภาวะซีด
การซักประวัติ ประวัติการแท้และการขุดมดลูก การดกเลือด หรือรกค้างในครรภ์ก่อน
วินิจฉัยตามอาการและอาการแสดง
ผลต่อมารดา
ทำให้ตกเลือด และ Hypovolemic shock
ผลต่อมารดา
หากได้รับการช่วงเหลือไม่ถูกต้อง อาจนพไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุงแรงและเป็นอันตรายต่อชีวีต เช่น ระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ระบบหายใจล้มเหลว ไตวาย สมองบวมรวมถึงการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลวด้วย และอาจส่งผลถึงหลังคลอดเกิด Sheehan’syndrome จากเนื้อเยื่อของต่อม pituitary ตาย
ผลต่อทารก
กรณีที่มารดาเกิดภาวะช็อกก่อนคลอด ทารกในครรภ์อาจเกิดภาวะ fetal distress ได้และถ้ามารดาเกิดหลังคลองส่งผลต่อการสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก ไม่สามารถดูดมนแม่ได้เพราะน้ำนมมีน้อย
การรักษา
กรณีมีรกค้างแพทย์จะตัดสินใจล้าวรก
หลักสำคัญในการรักษาคือ การป้องกันการเกิด การประเมินและค้าหาสาเหตุ รักษาตามสาเหตุแก้ไขภาวะช็อก และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นดังนี้ (นันทพร แสนศีริพันธ์,2561)
ภาวะช็อกจากประสิทธิภาพการบีบตัวของหัวใจลดลง ควรเพิ่มการทำงานของหัวใจเพื่อเพิ่มปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจและป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่นให้ออกซิเจน ให้ยากกระตุ้น การทำงานของหัวใจ เป็นต้น
ภาวะช็อกจากการติดเชื้อในเลือด ควรให้ยาปฎิชีวนะที่เหมาะสม
ภาวะช็อกจากการเสียเลือดและน้ำ ควรรักษาสมดุลของปริมาณการไหลเวียนของเลือดให้เพียงพอ เช่น การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ เป็นต้น
ภาวะช็อกจากการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของเลือดในสมองครวเพิ่มประมาณการไหลเวียนของเลือด เช่นให้ยาที่ส่งเสริมการหดรัดตัวของเส้นเลือด เป็นต้น
อากาคและอาการแสดง
ความดันโลหิตลดลง pulse pressure แคบเข้า
มีการเปลี่นแปลงของการหายใจ การหายใจระยะจะหายใจดื้น ต่อมาเมื่ออาการรุงแรงจะหายใจลึกและหอบ เกิดอาการขาดออกซิเจน
ชีพจรเบาเร็วประมาณ 100-120 ครั้ง/นาที ในรายที่รุนแรงมากจะเร็วกว่า 120 ครั้ง/นาที
อาการซีดจะสังเกตสีหน้าเผือด เยื่อบุต่าง ๆ ซีดขาว ผิวหนังเย็นซีด และเหงื่นแตก อุณภูมิต่ำมีอาการการสับกระส่าย กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย ถ้ารุงแรงมากอาจไม่มีปัสสาวะ แต่ภาวะจากการติดเชิ้อ (septic shock) จะมีปัสสาวะออกมาก อุณภูวิสูงเนื่องจากมีการติดเชื้อ นอกจากอาการรุนแรงมากปัสสาวะจะเริ่มออกน้อยลง
มีอาการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว ถ้าเป็นมากกระดับความรู้สึกตัวลดลง เลอะเลือน