Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้คลอดที่มี ภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้คลอดที่มี
ภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด
Uterine rupture
สาเหตุ
มดลูกแตกเอง
มดลูกแตกจากการได้รับการกระทบกระเทือน
ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ
มดลูกแตกจากรอยแผลเดิม
มารดาเคย C/S ส่วนใหญ่เกิดในไตมาสที่ 3
มักแตกระหว่างเจ็บครรภ์คลอด
ส่วนใหญ่พบในแผลชนิด classical type
หมายถึง การฉีกขาด การแยก การแตก หรือการทะลุของมดลูกขณะตั้งครรภ์ ขณะเจ็บครรภ์คลอด หรือขณะคลอด หลังจากที่ทารกโตพอที่จะมีชีวิตอยู่ได้ หรือหลังจากอายุครรภ์ ๒๘ สัปดาห์ ซึ่งไม่นับการแตกของมดลูกที่ไม่ได้ตั้งครรภ์
ชนิด
complete uterine ruptured
มีการฉีกขาดของมดลูกทั้ง 3 ชั้นของผนังมดลูก
แตกทะลุชั้นเยื่อบุช่องท้องทำให้เปิดต่อกับช่องท้อง ส่วนใหญพบทารกมีสภาพเสียชีวิต
incomplete uterine ruptured
มีการฉีกขาดของเยื่อบุมดลูดทั้ง 3 ชั้นแต่ไม่ทะลุชั้นเยื่อบุช่องท้อง peritoneum
มักเกิดกับรอยแผลเก่าบนผนังมดลูก อาจไม่พบเลือดออก อาจพบเมื่อ C/S ส่วนใหญ่ทารกมีชีวิต
ผลกระทบ
มารดา
ผู้คลอดอาจมีอาการแสดงของการเสียเลือดจนช็อก
อาจเกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบได้
ทารก
ทารกจะมีการขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง
พยาธิสภาพ
มักเกิดบริเวณมดลูกส่วนล่าง (Lower uterine segment) จากการที่มดลูกหดรัดตัวถี่และรุนแรงในขณะตั้งครรภ์และเจ็บครรภ์คลอด มดลูกส่วนล่างยืดขยายออกและบางมากจนกระทั่งเห็นมดลูกเป็นสองลอนทางหน้าท้อง เรียกว่า pathological retraction ring หรือ Bandl’s ring
อาการและอาการแสดง
ก่อนมดลูกแตก
เจ็บปวดบริเวณท้องน้อยอย่างรุนแรง
กระสับกระส่าย PR เบาเร็ว RR ไม่สม่่ำเสมอ
การคลอดไม่ก้าวหน้า PV พบ Cx อยู่สูงขั้นจากการถูกดึงรั้งขึ้นไป
หัวทารกเป็น caput succedaneum
Bandl’s ring
tetanic contraction
fetal distress อาจพบ FHS ไม่สม่ำเสมอ
อาจมีเลือดออกทางช่องคลอด
เมื่อมดลูกแตกแล้ว
FHS เปลี่ยนแปลง, หายไป
คลำพบส่วนของทารกชัดเจนขึ้น
อาการเจ็บครรภ์จะหายไปทันที
มีเลือดออกทางช่องคลอดจำนวนเล็กน้อย ไหลไปท้องแทน
ท้องโป่งตึงและปวดท้องอย่างรุนแรงจากเลือด
PV พบส่วนนำลอยอยู่สูงขึ้นจากเดิม
มีภาวะ Hypovolemic shock
ผู้คลอดจะเจ็บบริเวณหน้าอก ร้าวไปไหปลาร้า
เพราะเลือดในช่องท้องไปดันกระบังลม
การรักษา
ให้เลือดและยาปฏิชีวนะ
ถ้ามีภาวะช็อค ให้ Ringer’s lactate solution
เตรียม C/S พร้อมช่วยชีวิตทารก
กรณีแตกไม่มากและผู้คลอดต้องการมีบุตรอีกอาจเย็บซ่อมแซม
แต่บางรายที่เย็บซ่อมแซมไม่ได้อาจตัดมดลูก
การพยาบาล
เมื่อมดลูกแตกแล้ว
ดูแลให้ได้รับ O2 100%
NPO ให้สารน้ำตามแผนการรักษา
ประเมิน FHS ทุก 5 นาที
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสeหรับการผ่าตัดคลอด
ดูแลให้ได้รับ ATB
ปลอบโยนให้กำลังใจ
ควรเน้นการป้องกัน
เฝ้าดูแลความก้าวหน้าของการคลอดอย่างใกล้ชิด
ให้หญิงตั้งครรภ์ที่เคย C/S เว้นระยะตั้งครรภ์ 2 ปี
ประเมินภาวะเสี่ยงมดลูกแตก
สังเกตเมื่อพบอาการผิดปกติให้รายงานแพทย์ทันที
การประเมินสภาพ
ก่อนมดลูกแตก
tetanic contraction
PV อาการแสดงก่อนมดลูกแตก
FHS ไม่สม่ำเสมอ
หลังมดลูกแตก
มีภาวะ Hypovolemic shock
ปวดท้องอย่างรุนแรง
PV พบส่วนนำลอยอยู่สูงกว่าเดิม
Prolapse of Cord
ภาวะสายสะดือพลัดต่ำ หมายถึง ภาวะที่สายสะดือเคลื่อนลงมาอยู่ต่ำกว่าส่วนนำของของทารกอาจอยู่ในช่องคลอด หรือโผล่ออกมานอกปากช่องคลอด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังจากมีการแตกของถุงน้ำคร่ำ
สาเหตุ
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
ตั้งครรภ์แฝดเด็กหรือแฝดน้ำ
ทารกมีขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์
ส่วนนำไม่กระชับกับช่องทางคลอด
ถุงน้ำแตกก่อนกำหนด
การคลอดก่อนกำหนด
สายสะดือยาวกว่าปกติ
รกเกาะต่ำทำให้สายสะดืออยู่ใกล้กับปากมดลูก
ชนิด
Occult (Hidden) prolapse of cord
สายสะดือเคลื่อนต่ำลงมาพอที่จะถูกส่วนนำของทารกกดได้
Forelying cord
เคลื่อนต่ำลงมาจนถึงปากมดลูก ตรวจภายในจะสามารถคลำพบสายสะดือได้
Complete prolapse of cord
พลัดออกมาจนพ้นปากมดลูก กรณีที่ถุงน้ำแตกสามารถมองเห็นสายสะดือโผล่พ้นออกมาจากปากช่องคลอด
การป้องกัน
มารดาที่มีภาวะเสี่ยงไม่ควรเบ่งก่อนเวลาที่
เหมาะสม หรือให้รีบมาโรงพยาบาลทันทีที่ถุงน้้ำแตก
ในการเจาะถุงน้ำ เจาะในเวลาที่มดลูกมีการหดรัด
ตัว ปล่อยน้ำให้ไหลออกมาช้า ๆ ฟัง FHS ทันที
ที่ถุงน้ำคร่ำแตกเอง ควรPVเพื่อประเมินว่ามี Prolapse of Cord
ประเมินความก้าวหน้าของการคลอดด้วย
ควรจัดให้นอนท่า Semi – Fowler’s position,
ลดกิจกรรมลุกเดิน
ประเมินลักษณะการเต้นของหัวใจทารกชนิด
Variable deceleration
ผลกระทบ
ต่อมารดา
มักเกิดจากการได้รับยาสลบจากการช่วยคลอด
หากทารกเสียชีวิตมารดาจะประสบกับภาวะเศร้าโศก
ต่อทารก
ทารกขาดออกซิเจนและถึงแก่ชีวิตได้
อาการและอาการแสดง
ชนิด Complete prolapse cord มารดามีความรู้สึกขัดตุงบริเวณช่องคลอดภายหลังจากถุงน้ำแตก
PV พบสายสะดือพลัดต่ำกว่าส่วนนำของทารก โดยอาจตรวจพบการเต้นของหัวใจทารกบริเวณสายสะดือ
ชนิด Occult prolapse cord ไม่พบสายสะดือโผล่ออกมาหรือคลำไม่ได้ แต่จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของFHS -> Variable deceleration
การพยาบาล
ซักประวัติ
ดูแลมารดาอย่างใกล้ชิด, เตรียมการช่วยเหลือ
ในกรณีที่ทารกเสียชีวิตแล้ว พยาบาลจะต้อง
ช่วยประคับประคองด้านจิตใจให้กับมารดา
การรักษา
จัดให้มารดานอนในท่ายกก้นสูง Trendelenburg , Knee – chest
สวมถุงมือ Sterile แล้วดันส่วนนำไม่ให้กดทับบริเวณ
สายสะดือจนกว่าการคลอดจะสิ้นสุดลง
ห้าม
ดันสายสะดือที่โผล่พ้นออกจากช่องคลอดกลับเข้าไปใหม่ ควรใช้ผ้า Sterile นุ่มๆ ชุบ NSS อุ่น ๆ คลุมบริเวณสายสะดือที่โผล่ออกมา
พยายามให้ทารกคลอดออกมาให้เร็วที่สุด
ให้ออกซิเจนแก่มารดา 8 – 10 ลิตร/นาที
หากทารกเสียชีวิตแล้ว ->คลอดเอง, ใช้คีมช่วย
ภาวะช็อกทางสูติศาสตร์
การกู้ชีพในหญิงตั้งครรภ์
คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งต่อมารดาและทารกในครรภ์หลักการที่สำคัญคือต้องให้การรักษาเพื่อให้มารดารอดชีวิตก่อนเสมอ
หลักการ
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงทับซ้าย
ดมออกซิเจนความเข้มข้น 100%
ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด
มองหาสาเหตุที่แก้ไขได้
Airway and breathing
gastroesophageal sphincter หลวม อาจสำลักอาหารเข้าปอดได้ระหว่างการช่วยหายใจด้วยการบีบ ambu bagแพทย์จึงควรทำการกดกระดูกcricoid (cricoid pressure)ไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการสูดสำลัก
Circulation
ตำแหน่งกดหน้าอกมักอยู่สูงกว่าตาแหน่งปกติขึ้นไปเล็กน้อยอันเกิดจากมดลูกโตมาบิดเบือนตำแหน่งวางมือเพื่อทำการกดหน้าอก
Defibrillation
ให้ทำการช้อคไฟฟ้าได้ในกรณีที่จำเป็น
Fetal distress
Fetal distress หมายถึง ภาวะที่ทารกในครรภ์ได้รับออกซิเจน หรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
อาการและอาการแสดง
มีขี้เทาปนออกมากับน้ำคร่ำในท่าที่มีศีรษะเป็นส่วนน า
มีการเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจทารก/ไม่สม่ำเสมอ
ทารกในครรภ์ดิ้นอย่างรุนแรงและมากขึ้น -> Acute fetal distress
4.ทารกในครรภ์เริ่มดิ้นน้อยลง -> Chronic fetal distress
ผลกระทบ
มารดา
เกิดปัญหาด้านจิตสังคมในระยะคลอดที่มารดาอาจจะต้องเผชิญ
ทารก
ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเป็นเวลานาน จะนำไปสู่การเกิดความพิการของสมองหรือมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ
สาเหตุ
ด้านมารดา
เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
มารดามีความดันโลหิตต่ำ มีความดันโลหิตลดลงเมื่อเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วหรือช๊อคจากโรคหัวใจ มีภาวะซีด
ประสบกับภาวะทุพโภชนาการ หรือมีการขาดน้ำ
ร่างกายมารดามีภาวะเป็นกรด
ด้านมดลูก
มดลูกมีการหดรัดตัวที่รุนแรงมากผิดปกติ หรือเกิดจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดบริเวณมดลูก (Vascular degeneration)
ด้านรก
หลอดเลือดที่บริเวณรกเสื่อมสภาพ หรือขาดเลือดไปเลี้ยงหรือมีการลอกตัวของรกก่อนกำหนด
ด้านสะดือ
สายสะดือถูกกดทับ หรือบิดเป็นเกลียว หรือเกิดการพับงอ
ด้านทารก
ทารกมีการติดเชื้อ พิการแต่กำเนิด มีภาวะซีด หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดในครรภ์แฝด
การวินิจฉัย
การฟังเสียงหัวใจทารก (FHR)
การสังเกตลักษณะของน้ำคร่ำ
การสังเกตการดิ้นของทารก
การบันทึกการเต้นของหัวใจทารกด้วยเครื่อง Monitor
การรักษา
เจาะ Fetal scalp blood sampling เพื่อประเมินภาวะ Acidosis
นอนตะแคง
ให้ Oxygen mask ในปริมาณ 6 – 10 ลิตร / นาที
บันทึกFHSด้วยเครื่อง Monitor ตลอดเวลา
กรณีที่มารดาได้รับ Oxygocin ควรหยุดการให้ทันที
รีบทำคลอดตามความเหมาะสม
การพยาบาล
สังเกตลูกดิ้น
ซักประวัติตั้งแต่ในระยะตั้งครรภ์จนถึงระยะก่อนคลอด
เมื่อถุงน้ำคร่ำแตกจะต้องฟังFHSทันทีและสังเกตลักษณะของน้ำคร่ำ
รกค้าง รกติด มดลูกปลิ้น
รกค้าง รกติด
รกค้าง
สาเหตุ
การขาดกลไกการลอกตัว
รกปกติ แต่มดลูกไม่มีการหดรัดตัว
แม้มดลูกจะมีการหดรัดตัวได้ดีตามปกติ
แต่รกผิดปกติ
การขาดกลไกการขับดัน
รกลอกตัวแต่ไม่อาจผ่านออกมาจากโพรงมดลูกส่วนบนได้
เกิดจากการหดรัดตัวของมดลูกผิดปกติ
รกลอกตัวแล้ว และผ่านโพรงมดลูกออกมาอยู่ในช่องคลอด แต่มารดาไม่เบ่ง
สาเหตุส่งเสริม
การทำคลอดรกก่อนรกลอกตัวสมบูรณ์
มีประวัติรกค้าง
เคยทำหัตถการที่ส่งเสริมให้เกิดรกค้าง C/S,ขูดมดลูก, ผ่าตัดมดลูก
มดลูกมีลักษณะผิดปกติ
การประเมินสภาพ
ไม่มีอาการแสดงของรกลอกตัว
มดลูกหดรัดตัวไม่ดีหลังคลอด
กรณีที่มีเศษรกค้าง
มีเลือดออกทางช่องคลอดจำนวนมาก
มารดามีอาการแสดงของภาวะช็อก
ผลกระทบ
มารดา
ตกเลือดหลังคลอด
เกิดการติดเชื้อหลังคลอดได้
มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการถูกตัดมดลูกทิ้ง
เนื่องจากรกฝั่งตัวลึกกว่าปกติ
อาจถูกตัดมดลูก
ทารก
ได้รับความอบอุ่นจากมารดาล่าช้า
การเสริมสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารกล่าช้า
รกค้าง คือ รกไม่คลอดภายใน 30 นาทีหลังจากทารกคลอด
การพยาบาล
ซักประวัติเกี่ยวกับสาเหตุส่งเสริม
ที่ทำให้เกิดภาวะรกค้าง
ตรวจดูอาการแสดง (signs) ของรกที่ลอกตัวสมบูรณ์
ช่วยเหลือการคลอดรกที่ยังค้างอยู่ในโพรงมดลูก
รายงานแพทย์ เพื่อพิจารณาช่วยคลอดรกโดยการล้วงรก
การรักษา
ให้ยาช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ให้ยาเพื่อให้เกิดการคลายตัวของปากมดลูก
ให้ยาแล้วไม่ได้ผล -> ล้วงรก
รกติด
เป็นภาวะที่รกไม่สามารถลอกตัวได้ตามปกติ เนื่องจากมีการฝังตัวของเซลล์ trophoblast
ชนิด
placenta accreta
trophoblast ฝังตัวลงไปตลอดชั้น spongiosa ของเยื่อบุมดลูกอาจทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน แต่ไม่ถึงชั้นกล้ามเนื้อ
placenta increta
trophoblast ฝังตัวลึกผ่านลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อมดลูกแต่ไม่ถึง serosa
placenta percreta
trophoblast ฝังตัวลึกทะลุชั้นกล้ามเนื้อมดลูกจนถึง serosa
Uterine inversion
คือ ภาวะที่มดลูกปลิ้นตลบเอาผนังด้านในออกมาอยู่ด้านนอกหรือโผล่ออกมาทางช่องคลอด
ชนิด
Incomplete inversion
ส่วนที่ปลิ้นยังไม่พ้นปากมดลูก
complete inversion
มดลูกปลิ้นโดยส่วนที่ปลิ้นพ้นปากมดลูก
Prolapsed of inverted uterus
มดลูกปลิ้นแบบสมบูรณ์และเคลื่อนต่ำลงมานอกปากช่องคลอด
สาเหตุ
การทำคลอดรกไม่ถูกวิธี
มีพยาธิสภาพที่มดลูก
รกเกาะแน่นแบบ Placenta accrete
สายสะดือสั้นจนดึงรั้ง
การเพิ่มแรงดันภายในช้องท้องอย่างรวดเร็วและรุนแรง
การรักษา
ให้oxygen เป็น mask with bag 8-10 LPM
ให้สารน้ำเป็น RLS 120 cc/hr.
ดันมดลูกกลับเข้าสู่โพรงมดลูก ใช้ยาชา/ยาคลายกล้ามเนื้อ
เมื่อมดลูกกลับเข้าที่เดิมแล้วฉีด Methergin หรือ Oxytocin
ให้มดลูกหดรัดตัว
อาการและอาการแสดง
ยอดมดลูกเป็นแอ่งคล้ายปล่องภูเขาไฟ
PV จะคลำได้ก้อนเนือบริเวณปากมดลูกช่องคลอด
หรือก้อนโผล่ออกมานอกช่องคลอด
มีอาการปวด ช็อก ตกเลือดทางช่องคลอดอย่างเฉียบพลัน
และมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
ถ่ายปัสสาวะขัดหรือรู้สึกถ่วงที่ช่องคลอด ปวดอุ้งเชิงกราน
การพยาบาล
ป้องกันการเกิดมดลูกปลิ้น โดยทำคลอดอย่างระมัดระวังและถูกวิธี
ประเมินชนิดของมดลูกปลิ้นอย่างรวดเร็ว
การช่วยเหลือเพื่อป้องกันภาวะ shock
ภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด
สาเหตุและพยาธิสรีรภาพ
น้ำคร่ำจะพลัดเข้าสู่กระแสเลือดมารดา
ถุงน้ำคร่ำแตก
มีทางเปิดต่อกัน
มดลูกมีการหดตัว
ทารกตายในครรภนานเกิดการเปื่อยทำให้หลอดเลือดเกิดการฉีกขาดด้วยน้ำคร่ำ
รกรอกตัวก่อนกำหนด
อาการและอาการแสดง
ระยะที่1 hemodynamiccollapse
หายใจลำบากแน่นหน้าอก
เขียวตามปลายมือปลายเท้า ใบหน้า และลำตัวเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด
หัวใจและปอดหยุดทำงานBP ต่ำ PR เร็ว อาจมีอาการชักเกร็ง
ระยะที่ 2coagulopathy
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ตกเลือดหลังคลอด ตรวจพบเกร็ดเลือดต่ำ
การแข็งตัวของเลือดยาวนาน เกิดภาวะ DICและเสียชีวิตในที่สุด
Amniotic Fluid Embolism (AFE) เป็นภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรมที่มีความรุนแรง คือภาวะที่มีน้ำคร่ำรั่วแล้วมีการพลัดเข้าไปในกระแสเลือดทางมารดา ไปอุดกลั้นบริเวณหลอดเลือดดดำที่ปอดซึ่งเกิดขึ้นทันที
การรักษา
ไม่มีการรักษาโดยเฉพาะแต่จะรักษาตามอาการ
ให้ออกซิเจน 100%
ป้องกันระบบการต่างๆทำงานล้มเหลวช่วยฟื้นคืนชีพ ให้สารน้ำ ให้ยาตามแผนการรักษา
ป้องกันและแก้ไขภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติและภาวะตกเลือด
กรณีมีภาวะตกเลือดหลังคลอดจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
อาจให้ prostaglandins
หรือตัดมดลูก
กรณีไม่สามารถควบคุมเลือดออกได้
รักษาภาวะDICด้วยยา heparin
การพยาบาล
ภาวะนี้เกิดขึ้นแบบทันที ต้องให้การพยาบาลที่รวดเร็ว
ประเมินสภาพหลังคลอดอย่างใกล้ชิด
เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพให้พร้อมใช้งานทุกครั้ง
ดูแลจจัดท่า ให้ O2 100% ให้ยาสารละลายทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
เตรียมช่วยคลอดอย่างด่วนเร่ง
ให้ข้อมูล ประคับประคองด้านจิตใจของสามีครอบครัวและญาติ
Postpartum Hemorrhage
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
4T
Toneความผิดปกติของการหดรัดตัวของมดลูก
Traumaการฉีกขาดของช่องทางคลอด
Tissueเกี่ยวข้องกับรก เยื่อหุ้มรก หรือชิ้นส่วนของรกตกค้างภายในโพรงมดลูก
Thrombinการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
อาการแสดง
อาจจะมีเลือดออกเรื่อยๆจนมารดามีภาวะช็อก
ผลทางห้องปฏิบัติการ
อัตราการเต้นของหัวใจจะเร็วขึ้นชีพจรเร็วขึ้นและเบาลงความดันโลหิตลดตํ่าลงเรื่อยๆ (ตอนแรกอาจสูงขึ้น)
การเสียเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 500 มิลลิลิตรจากการคลอดทางช่องคลอดหรือการเสียเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 500 มิลลิลิตรจากการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง หรือร้อยละ 1 ของน้ำหนักตัวของมารดาหลังจากคลอดระยะที่สามสิ้นสุดลง หรือความเข้มข้นของเลือดลดลงร้อยละ 10 ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
แบ่งเป็น 2 ระยะ
Early or immediatePPH พบมากที่สุด ตกเลือดภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
Late or delayedPPH ตกเลือดภายหลัง 24 ชั่วโมงจนถึง6 สัปดาห์หลังคลอด
ผลกระทบ
ต่อทารก
ทารกเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกในสมอง
ศีรษะของทารกได้รับอันตรายจากการรับทารกไม่ทัน
เสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือขาด
แนวทางการป้องกันและรักษา
4 Rs
Recognition and Preventionรับรู้ถึงปัจจัยเสี่ยง
Readinessเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
Responseดูแลรักษาเมื่อเกิดได้อย่างรวดเร็ว
Reporting and Learningการรายงาน และการเรียนรู้
การประเมินปัจจัยเสี่ยง
B-BUBBLE
Black ground and Body condition
Breast and Lactation
Uterus
Bladder
Bleeding or Lochia
Episiotomy
Precipitous Labor
การพยาบาล
ประเมิน,ซักประวัติ
PV
ประเมิน UC
การรักษา
ดูแลตามอาการ
การให้ยา
มักจะให้ ATB และให้ยา Methergin ป้องกันการตกเลือด
การผ่าตัด
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
แรงต้านทานของเนื้อเยื่อช่องทางคลอดไม่ดี
การหัดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกและกล้ามเนื้อหน้าท้องแรงผิดปกติ
ผู้คลอดครรภ์หลัง
ผู้คลอดที่มีเชิงกรานกว้าง
เคยมีประวัติคลอดเฉียบพลันหรือคลอดเร็ว
ผู้คลอดไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดจากการคลอดหรือไม่รู้สึกอยากเบ่งซึ่งพบได้น้อยมาก
ทารกตัวเล็ก
ผู้คลอดไวต่อการใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
อาการและอาการแสดง
มีีอาการเจ็บครรภ์อย่างมาก มดลูกมีการหดรัดตัวอย่างรุนแรงและถี่มากกว่า 5 ครั้ง ในเวลา10 นาที ตรวจภายในพบปากมดลูกเปิดขยายเร็ว ครรภ์แรกปากมดลูกเปิดขยายมากกว่าหรือเท่ากับ5 เซนติเมตร/ชั่วโมง ครรภ์หลัง ปากมดลูกเปิดมากกว่าหรือเท่ากับ 10 เซนติเมตร/ชั่วโมง
คือ การคลอดที่เกิดขึ้นเร็วผิดปกติ ใช้เวลาตั้งแต่เจ็บครรภ์จนถึงคลอดน้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 ชั่วโมง หรือระยะที่ 2 ของการคลอดใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาที หรือมีการเปิดขยายของปากมดลูกในระยะปากมดลูกเปิดขยายเร็ว ๕ เซนติเมตร/ชั่วโมง ในครรภ์แรก และมากกว่า10 เซนติเมตร/ชั่วโมงในครรภ์หลัง
ภาวะแทรกซ้อน
มารดา
เนื้อเยื่อบริเวณช่องทางคลอดฉีกขาด
ติดเชื้อที่แผลฝีเย็บ
ตกเลือดหลังคลอด
อาจเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดตันในหลอดเลือด
มดลูกแตกจากการหดรัดตัวของมดลูกอย่างรุนแรง
มีการคั่งของเลือดภายใต้ชั้นผิวหนังที่ฉีกขาด
ทารก
เลือดออกในสมอง
อาจเกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อแขนถูกดึงมากเกินไป
อาจเกิดภาวะขาดออกซิเจน
ทารกได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการกระทบกระแทกเพราะช่วยคลอดไม่ทัน