Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Overt Diabetes Mellitnss A2 - Coggle Diagram
Overt Diabetes Mellitnss A2
น้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี
ความดันโลหิตสูงหลังการตั้งครรภ์
(Gestational Hypertension)
Preterm Labour
คลอดก่อนกำหนด
Low Transverse Cesarean section
ประวัติของผู้ป่วย
สตรีตั้งครรภ์ อายุ 32 ปี
GA 36+6 wks.
CC : Chief complain
เจ็บครรภ์คลอด 5 ชม.
ก่อนมาโรงพยาบาล
PI : Present Illness
2 วันก่อนมา รพ. มีมีน้ำเดินออกมาจากช่องคลอดปริมาณเล็กน้อยกลั้นไม่ได้
15 ชม. ก่อนมา รพ. มีมีมูกเลือดออกจากช่องคลอด
5 ชม. ก่อนมา รพ. เจ็บครรภ์ถี่และรุนแรงขึ้นทุกๆ 6-7 นาทีนาน 1-2 นาที ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาล
PH : Past history
DM,HT ตรวจเจอตอนตั้งครรภ์
ได้รับยา
ประวัติการตั้งครรภ์ :
G1 Term Normal Labor Last child 4 ปี
G2 Abortion GA 6 wks. แท้งเอง
ได้รับการขูดมดลูกที่ รพ.มหาราช
Dx.Obstructed labor due to Fetal macrosomia with Gestational Hypertension with Overt Diabetes Mellitus with Preterm labor delivery with Emergency C/S
G3P1A1L1 / G3P0-1-1-1 Last child 4 ปี
น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 98.3 kg. ส่วนสูง 165 Cm.
BMI ก่อนตั้งครรภ์ 36.1 Kg/m2 (Obesity)
น้ำหนักหลังตั้งครรภ์ 114 kg. BMI ปัจจุบัน 41.8 Kg.
Total weight gain 15.7 Kg. (น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าเกณฑ์มาตรฐาน)
มีไขมันมาสะสมที่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อมดลูก
ช่องทางคลอดเเคบ
Cephalopelvic disproportion
ภาวะช่องเชิงกรานไม่ได้สัดส่วนกับศรีษะทารก
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ :
ตรวจ Urine Sugar 2+
ผล GCT = FBS 227 mg/dl.
ผล OGTT = 133 , 229 , 203 , 192 mg/dl. ตามลำดับ
Obstructed labor due Fetal macrosomia
เกิดจากการคลอดติดขัด เนื่องจากทารกตัวโต
EFW : 4,000 gms.
Cephalopelvic disproportion
ภาวะช่องเชิงกรานไม่ได้สัดส่วนกับศรีษะทารก
การผ่าตัด Low Transverse Cesarean section
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดนำทารกออกทางหน้าท้อง
ภาวะเเทรกซ้อนด้านมารดา
ภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึก ได้แก่ สำลักอาหารและน้ำเข้าปอด
กดการหายใจ ในรายที่ใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะส่วนของร่างกาย
ซึ่งเป็นสาเหตุการตายมากที่สุด
ให้นอนราบ 8-12 ชม.
ติดเชื้อ การติดเชื้อเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะการติดเชื้อที่มีความรุนแรง การติดเชื้อในโรงพยาบาล ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยตัดสินใจผ่าตัดอย่างรวดเร็วและให้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ครอบคลุมเชื้อหลายชนิด
Cefazolin 1 gms. V q 8 hr. ระวังเรื่องไข้ มี BT > 37.5 C
การตกเลือด ซึ่งอาจเสียเลือดมากจากการฉีกขาดของแผลผ่าตัด และการเกิดอันตรายต่ออวัยวะในช่องท้อง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ท่อไต ลำไส้ จึงควรเตรียมเลือดให้พร้อมและให้สารน้ำและเกลือแร่ชดเชยเลือดที่เสียไป
5%DN/2 1,000 ml + Synto 20 u V 120 cc/hr.
ระวังเรื่อง Hct. Keep > 30 %
เลือดออกทางช่องคลอด
ภาวะแทรกซ้อนด้านทารก
การขาดออกซิเจนแรกเกิดมากกว่าการคลอดทางช่องคลอด
2.อันตรายจากการผ่าตัด เช่น ถูกมีดผ่าตัดกระดูกหักข้อเคลื่อนErb’s palsy เป็นต้น
ข้อบ่งข้อชี้
ข้อบ่งชี้สมบูรณ์ (absolute indication)
รกเกาะต่ำ โดยเฉพาะชนิดคลุมปิดปากมดลูกทั้งหมด (placenta previa totalis)
ทารกอยู่ในภาวะเครียด (fetal distress) ที่ไม่สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้เร็ว
ภาวะสายสะดือพลัดต่ำที่ทารกยังมีชีวิตอยู่และปากมดลูกยังเปิดไม่หมด
การคลอดติดขัด (mechanical dystocia) เช่น การผิดสัดส่วนระหว่างทารกในครรภ์กับเชิงกราน
ข้อบ่งชี้โดยอนุโลม (relative indication)
เคยผ่าตัดที่ผนังมดลูก
ตกเลือดก่อนคลอด
โรคแทรกซ้อนทางอายุศาสตร์ เช่น เบาหวาน Hypertensive disorder in pregnancy (PIH)
ครรภ์แฝดที่ทารกไม่ได้อยู่ในท่าศีรษะทั้งคู่
ขั้นตอนการผ่าตัด
การเตรียมผู้คลอด
แจ้งให้ผู้คลอดทราบถึงสาเหตุและความจำเป็นในการผ่าตัดช่วยคลอด พร้อมทั้งลงนามในใบยินยอมรับการผ่าตัดและการรักษา
ควรให้ผู้คลอดงดน้าและอาหารอย่างน้อย 6- 8ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
เจาะ Lab เช่น Hct. , Blood group , U/A เตรียมเลือดให้พร้อมใช้อย่างน้อย1-2ยูนิต
ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
ใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้
การให้ยาระงับความรู้สึกซึ่งการเลือกวิธีการให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของวิสัญญีแพทย์และผู้คลอดตกลงร่วมกัน
การพยาบาลหลังทำการผ่าตัด
ประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาทีใน 1 ชั่วโมงแรก ทุก 30 นาทีในชั่วโมงที่สองหลังจากนั้นประเมิน ทุก 1 ชั่วโมงจนอาการคงที่
ในรายที่ได้รับยาระงับความรู้สึกแบบ spinal block ดูแลให้นอนหงายราบอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดอาการปวดศีรษะจากการรั่วของน้ำไขสันหลัง
ประเมินผลผ่าตัดว่ามีเลือดซึมบริเวณกอซที่ปิดแผลหรือไม่ แนะนำมารดาว่าไม่ควรให้แผลถูกน้ำ
ดูเเลสายสวนปัสสาวะ ไม่ให้หักพับงอ และไหลลงถุง
ประเมินอาการปวดแผล
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกต่อตามแผนการรักษาของแพทย์
ให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด เช่น การ early ambulation การสังเกตอาการของการตกเลือดหลังคลอด
ความดันโลหิตสูงหลังการตั้งครรภ์
(Gestational Hypertension)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.เสี่ยงต่อการเกิด ภาวะตกเลือดหลังผ่าตัดคลอดระยะ 24 ชม.แรก
V/S ทุก 15 นาที 4 ครั้งทุก 30 นาที 2 ครั้ง ทุก 1 ชม.
สังเกตอาการเสียเลือด เช่น ซีด เหงื่อ ออก ตัวเย็น ใจสั่น ปวดมดลูก
BP น้อยกว่า 90/60 mmHg ชีพจรเบาเร็ว รีบรายงานแพทย์
ดูแลให้ได้รับสารน้ํา 5%DN/2 1000 cc +Synto 20 U v 120 cc/hr. ตามแผนการรักษา
ดูเเลให้ได้รับการพักผ่อนนอนหลับ
2.ไม่สุขสบายเนื่องจาก ปวดแผลผ่าตัดและปวดมดลูก
ประเมินระดับความปวด โดยใช้คะแนน ความปวด (Pain score)
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า Fowler’s position หลังครบนอนราบ 12 ชั่วโมง
ดูเเลให้รับประทานยา บรรเทาปวด Paracetamol (500 mg) 1 tap oral prn. q 4-6 hr. ตามแผนการ รักษาของแพทย์
แนะนําการเคลื่อนไหว เปลี่ยนอิริยาบถเเละให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง
3.มารดาหลังคลอด เสี่ยงต่อภาวะน้ําตาลในเลือด สูง/ต่ำเนื่องจากเป็น GDMA2
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะ Hypoglycemia เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น Pulse เร็วและสังเกตอาการของภาวะ Hyperglycemia เช่น ปัสสาวะบ่อย หิวน้ําบ่อย
ตรวจระดับน้ําตาลในเลือดทุก 4 ชั่วโมง Keep 80 - 200 mg/dl
แนะนํามารดาหลังคลอดในการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหาร การวางแผนครอบครัว
4.เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อในระยะหลังผ่าตัดคลอด เนื่องจากมีแผลบริเวณหน้าท้องและโพรงมดลูก
V/S ทุก 15 นาที 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 2 ครั้ง ทุก 1 ชม. จนกว่าจะคงที่
สังเกตลักษณะของแผลผ่าตัดว่ามีปวดบวม แดง ร้อนหรือมีสิ่งคัดหลั่งผิดปกติหรือไม่
3.แนะนําดูเเลแผลไม่ให้เปียกน้ําห้ามเปิด แกะ เกาแผล
ให้ยา cefazolin 1 gm V q 8hr.x 4dose ตามแผนการรักษา
เปลี่ยนผ้าอนามัยทุกครั้งที่ชุ่มและล้างมือ หลังเปลี่ยนผ้าอนามัย
5.มารดามีความวิตก กังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย ของบุตร
สร้างสัมพันธภาพกับมารดาและประเมินความวิตกกังวล
เปิดโอกาสให้มารดาระบายความรู้สึก วิตกกังวล ซักถามข้อสงสัยพร้อมรับฟังปัญหาและร่วมรับรู้ความรู้สึกวิตกกังวล
อธิบายเหตุผลและแผนการรักษาพยาบาลให้ทราบ เพื่อลดความวิตกกังวล