Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ระบบหายใจ, image, image, image, image, image, image, image, image, image,…

- - - - มูกใส = catarrhal inflammation
      - ข้น/หนอง = purulent inflammation
  - - - การติดเชื้อที่จมูก
      - โรคภูมิแพ้
      - ความผิดปกติของ mucopolysaccharide
      - การแพ้ยา การอุดตัน
  - - - ติดเชื้อระบบหายใจส่วนต้น (upper respiratory tract infection)
        
        ระยะแรกทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบและอักเสบต่อเนื่องเข้าไปถึงไซนัส => ต่อมามีการติดเชื้อแบคทีเรียด้วย
        
        ถ้าติดเชื้อรุนแรง อาจะมีการทำลายเยื่อบุจมูกและเยื่อบุไซนัสทำให้มีการบวมและผังผืด => เกิดการอุดตันระหว่างไซนัสกับโพรงจมูก ทำให้การอักเสบเป็นการอักเสบเรื้อรัง
      - การติดเชื้อของฟัน
        
        โดยเฉพาะฟันกรามน้อยและฟันกรามบน (อาจเกิดการอักเสบที่ maxillary sinus สาเหตุจากฟันผุ)
      - โรคติดเชื้อ = ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โรคไอกรน
      - การว่ายน้ำ / ดำน้ำ
        
        เกิดการสำลักเข้าในจมูกและไซนัส อาจมีเชื้อโรคเข้าไปด้วย ทำให้เกิดการอักเสบ
        
        สารคลอรีนเป็นสารเคมี ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุไซนัส
      - การกระทบกระแทกอย่างแรงบริเวณใบหน้า
        
        ทำให้ไซนัสแตกหัก บวม ช้ำ หรือมีเลือดออก
      - มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก
        
        ก่อให้เกิดการอุดตันโพรงจมูก
- - - - transudative pleural effusion = น้ำในเยื่อหุ้มปอดที่เป็นของเหลวใส
        
        เกิดจาก หัวใจล้มเหลว ไตวาย ตับแข็ง
      - น้ำในเยื่อหุ้มปอดที่เป็นของเหลวขุ่น
        
        เกิดจากการอักเสบ เช่น การติดเชื้อที่ปอด วัณโรค มะเร็งปอด
  - - - ทำให้เยื่อหุ้มปอดเปิด ติดต่อกับอากาศโดยตรง ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบากและมีภาวะขาดออกซิเจน
      - ขณะหายใจเข้า
        
        อากาศจากภายนอกไหลเข้าช่องเยื่อหุ้มปอดทางบาดแผล
        
        ขณะหายใจออก
        
        อากาศถูกดันออกจากช่องเยื่อหุ้มปอดเล็กน้อย ทำให้มีอากาศค้างเพิ่มมากขึ้น
        
        ช่องเยื่อหุ้มปอดด้านพยาธิสภาพแฟบ
      - ไม่มี mediastenal shift
    - - บาดแผลมีลักษณะเฉียงแฉลบหรือขอบแผลกระรุ่งกระริ่ง
        
        ปากแผลทำใหน้าที่คล้ายลิ้นหรือประตูที่เป็น one way valve ทำให้ปอดแฟบ mediastinum เคลื่อนไปด้านตรงข้าม
        
        เลือดดำไหลกลับลดลง และกดปอดด้านตรงข้าม
      - หายใจเข้า
        
        ลมผ่านแผลรั่วเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอด
        
        หายใจออก
        
        แรงดันในช่องเยื่อหุ้มปอดลดลง ทำให้ปากแผลปิดช่องเยื่อหุ้มปอด
        
        ลมออกสู่ภายนอกไม่ได้
      - มี mediastenal shift
- - - - เกิดจากเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย เยื่อบุคอหอยอักเสบมากขึ้นจะถูกคลุมด้วย exudate
      - beta streptococcus A
        
        ไม่มีน้ำมูกหรือไอ
        
        มีไข้สูง เจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว
        
        คออแดง ต่อมทอนซิลมรหนอง ลิ้นไก่บวม ต่อมน้ำเหลืองโต
- - - - เกิดจากการอักเสบของกล่องเสียง ก่แให้เกิดความเจ็บปวด เสียงหาย หรือเสียงเปลี่ยนไปจากเดิม
      - สาเหตุ
        
        การติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย
        
        โรคภูมิแพ้
        
        การได้รับสารพิษหรือสารเคมี
        
        การใช้เสียงมากเกินไป
        
        การเกิดกรดไหลย้อน
      - กรณีที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
        
        laryngoepiglottitis
        
        พบในเด็ก เกิดจาก hemophilus influenza
        
        เยื่อบุ epiglottis และ vocal cord บวมมาก
        
        ทำให้หายใจไม่ออก
        
        croup/laryngotracheobronchitis
        
        ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ เวลาหายใจมีเสียงดัง = stridor
        
        หายใจดังครุ๊ป ขณะหายใจ
        
        เกิดจาก upper airway obstruction
    - - เป็นตุ่มนูนที่ vocal cord เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง ทำให้เสียงแหบ
- - - - เกิดจากการติดเชื้อเรื้อรัง ภูมิแพ้ และการสูบบุหรี่เป็นเวลานาน ทำให้เยื่อบุหลอดลมหนาและมี mucous secreting gland จำนวนมาก
      - มีการหลั่งเสมหะออกมามากกว่าปกติ ทำให้หลอดลมตีบ หายใจเข้าออกลำบาก
      - มีอาการไอมีเสมหะติดต่อกันมากกว่า 6 เดือน
    - - มีการหดเกร็งของหลอดลม มีเสมหะเพิ่มขึ้น
      - มีการหายใจลำบากมาก ด้ยินเสียงวี๊ดเกิดขึ้น (wheezing and severe dyspnea)
        
        หายได้เอง
        
        หายเมื่อได้รับยาขยายหลอดลม
      - สาเหตุ
        
        extrinsic asthma
        
        เกิดจากการแพ้สารภายนอก จะมีการกระตุ้นให้สร้าง IgE มาเกาะติด mast cell เมื่อ mast cell แตกออก จะหลั่งสารเคมีออกมา
        
        ทำให้หลอดลมบวม หดเกร็ง และมีสารคัดหลั่ง
        
        intrinsic asthma
        
        ปริมาณ IgE ไม่สูง
        
        มักเกิดการติดเชื้อของทางเดินหายใจ
      - หลอดลมตีบ
        
        มีการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ระยะแรกเกิดในหลอดลมใหญ่ ถ้าเป็นนานๆและรุนแรงจะเกิดในหลอดลมเล็กและ bronchiole
        
        เยื่อบุหลอดลมจะหนาขึ้น เนื่องจาก มี inflammatory cell เป็น eosinophil และ neutrophil
        
        มี mucous gland และ globlet cell เพิ่มขึ้น
        
        มีเสมหะเป็นมูกเหนียว และมี eosinophil ติดอยู่ตามผนังหลอดลมหรืออุดอยู่ในแขนงหลอดลมเล็ก
    - - ภาวะที่หลอดลมเกิดการพองตัวอย่างถาวรและเกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุผิวและผนังหลอดลม ทำให้มีการติดเชื้อ
      - สาเหตุ
        
        เกิดจากการติดเชื้อของปอด
        
        มีสิ่งแปลกปลอมอุดกั้นหลอดลม
      - อาการ
        
        ไอเรื้อรัง เสมหะเป็นหนองจำนวนมากและมีกลิ่นเหม็น
        
        ถ้าตั้งเสมหะทิ้งไว้จะแยกเป็นสามชั้นคือ ชั้นล่างสุดเป็นหนองข้น ชั้นกลางเป็นของเหลวใส ชั้นบนเป็นฟอง
        
        มักได้ยินเสียง crepitation หรือ rhonchi
- - - - เป็นภาวะที่ถุงลมแฟบโดยไม่ขยายตัวเลยหรือเคยขยายตัวแล้วกลับมาแฟบภายหลัง
      - ถ้าเกิดขึ้นกับเนื้อปอดปริมาณมากจะทำให้ขาดออกซิเจน
      - ทำให้ติดเชื้อเนื่องจากเกิดการอุดตันทางเดินหายใจ
    - - ภาวะที่มีการคั่งของสารน้ำในถุงลม ทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ตามปกติ เกิดภาวะการหายใจล้มเหลว
      - สาเหตุ
        
        เกิดจากหัวใจซีกซ้ายล้มเหลว ทำให้ไม่สามาถบีบเลือดออกจากระบบไหลเวียน
        
        เกิดจากการบาดเจ็บต่อเนื่อปอด
    - - เกิดจากสารไนโตรเจนไดออกไซด์ในควนบุหรี่ทำลายเนื้อเยื่อในปอดและถุงลมปอดให้ฉีกขาดและรวมตัวกันกลายเป็นถุงลมโป่งพอง
      - ทำให้การรับออกซิเจนเข้าร่างกายน้อยลง เพราะพื้นที่ผิวเนื้อเยื่อภายในปอดเล็กลง จึงต้องหายใจเร็วขึ้นเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพียงพอ
    - - เป็นการอักเสบของเนื้อปอด มีการบวม หนองขัง
      - สาเหตุ
        
        เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ปรสิต
        
        ไวรัส
        
        respiratory syncytial virus , parainfluenza , influenza , adenovirus มักเกิดมากในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
        
        แบคทีเรีย
        
        streptococcus pneumoniae , enteric bacilli
        
        การสูดดมสารเคมี
        
        การสำลักเศษอาหารหรือน้ำย่อย
        
        เกิดการสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมจนทำให้เกิดปอดบวมอย่างรุนแรง = mendelson's syndrome
      - อาการ
        
        หอบเหนื่อย
      - ประเภท
        
        lobar pneumonia = บวมที่ปอดกลีบใดกลีบหนึ่ง มักเกิดจากเชื้อ pneumococci
        
        bronchopneumonia = เป็นรอบๆหลอดลมส่วนปลาย กระจายไปมากกว่าหนึ่งกลีบ
    - - เกิดจาก mycobacterium tuberculosis และเชื้อในเสมหะก็กระจายโดยการหายใจ
      - ประเภท
        
        primary pulmonary tuberculosis = รับเชื้อวัณโรคครั้งแรก
        
        เกิดต่อมน้ำเหลืองโตและมีเนื้อตาย เชื้อเข้าไปในบริเวณที่อากาศถ่ายเทมากที่สุด คือ ส่วนล่างของปอดกลีบบนและส่วนบนของปอดกลีบล่าง
        
        เมื่อเชื้อเข้าไปจะถูกจับกินโดย alveolar macrophage ถ้าเชื้อไม่ตายจะมีการเพิ่มจำนวนและเกิดการอักเสบเฉียบพลัน
        
        macrophage รวมกลุ่มแล้วเกิดเป็น tubercle ประกอบด้วย เนื้อตายและ caseous รอยโรคจะหายได้เอง
        
        บริเวณที่ถูก macrophage จับกินจะแทนทีโดย fibrous tissue
        
        1 more item...
        
        post pulmonary tuberculosis = รับเชื้อมาก่อน
        
        มักเป็นบริเวณ apex / subapical
        
        ไม่มีการกระจายไปต่อมน้ำเหลือง
        
        ลักษณะของรอยโรคเป็น tubercle และ caseation
- - - - ทำให้หลอดเลือดฝอยส่วนปลายของร่างกายเกิดการขยายตัวและเพิ่มจำนวน
        
        ทำให้ปลายนิ้วพองขยาย