Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลหญิงที่มีเลือดออกระยะการตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
การพยาบาลหญิงที่มีเลือดออกระยะการตั้งครรภ์
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะแท้ง
ความหมาย
การแท้ง (abortion or miscarriage) หมายถึง การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก็ก่อน ในช่วงเวลาที่ทารกไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ การกำหนดสิ้นสุดการตั้งครรภ์มีความแตกต่างกัน ในต่างประเทศใช้การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนอายุครรภ์ก็ 20 สัปดาห์ และ/หรือน้ำหนักของทารกน้อยกว่า 500 กรัม
ชนิดของการแท้ง
.3 การแท้งไม่ครบ/การแท้งไม่หมด (incomplete abortion)
การแท้งที่พบชื้นส่วนของการตั้งครรภ์ออกมา โดยบางส่วนเป็นชิ้นส่วนทารกและบางส่วนเป็นชิ้นส่วนของรกหลุดออกมา
อาการและอาการแสดง
ปวดท้องน้อยและมีเลือดออกมากทางช่องคลอด ตรวจภายในมักพบปากมดลูกเปิดและอาจพบชื้นส่วนเนื้อเยื่อของการตั้งครรภ์อยู่บริเวณปากมดลูก
การรักษา
ขูดมดลูก ในกรณี ที่พบว่ามีขึ้นส่วนของรกหรือเยื่อหุ้มทารกค้างอยู่ในมดถูกในรายที่มีเลือดออกน้อยอาจเหน็บชา misoprosto (PGE, ) ทางช่องคลอด ที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหดรัดตัวของมดถูก เพื่อขับสิ่งที่ค้างอยู่ใน โพรงมดถูกออกมา
การแท้งที่เกิดขึ้นเอง (spontancous sbortion)
เป็นภาวะที่มีเลือดออกจากโพรงมดถูกก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ โดยมีหรือไม่มีการหดรัดตัวของมดลูก ปากมดลูกยังไม่เปิด และไม่มีชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์ออกมา
อาการ
มีเลือดแดงสดหรือคล้ำปริมาณเล็กน้อย อาจปวดท้องน้อยร่วมด้วยหรือไม่มีก็ได้ อาจมีอาการปวดหลังหรือรู้สึกปวดหน่วงอุ้งเชิงกราน
การวินิจฉัย
การรักษา
1) แนะนำให้นอนพักผ่อน ห้ามลุกขากเตียง 24 - 48 ชั่วโมง งางให้ยานอนหลับ เช่น ฟโนบาร์บิทอล (phenobarbital) ก่อนนอนในกรณีที่ไม่สามารถนอนหลับได้
2) ถ้ามีอาการปวดท้อง อาจให้ยาระงับปวด เช่น พาราเซตามอล (paracetamol)
3) กรณีที่ตั้งครรภ์ไตรมาสที่หนึ่งของการตั้งครรภ์อาจตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ (pregnancy tcst) โคยดูผลฮอร์ โมน B ICG เป็นระยะ ๆ เป็นการประเมินว่ายังตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษาพยาบาลต่อไป
4) อาจใช้โพรเจสเทอโรนรักษาในรายที่พบว่ามีความบกพร่องของคอร์ปัสลูเทียม(corpus luteum) ทั้งในรูปแบบฉีดเข้ากล้ามหรือรับประทาน แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าช่วยลดอัตราการแท้งได้
1.2 การแท้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (inevitable/imminent bortion)
อาการและอาการแสดง
ปริมาณเลือดออกทางช่องคลอดมากกว่าแท้งคุกคาม มีอาการปวดเกร็งท้อง และอาจมีประวัติถุงน้ำคร่ำแตก ตรวจภายในพบปากมดลูกเปิดหรือมีถุงน้ำคร่ำแตก การตรวจหน้าท้อง อาจคลำขนาดมดลูกเท่าอายุครรภ์หรือเล็กกว่าขึ้นอยู่กับว่าชิ้นส่วนของทารกหลุดออกมาหรือยัง
เป็นภาวะที่มีเลือดออกจากโพรงมดถูกก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ และไม่สามารถตั้งครรภ์ต่อไปได้
การรักษา
1) รับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล
2) ถ้ามีอาการปวดท้องมากให้ยาแก้ปวด เช่น มอร์ฟิน (morphine) เจาะเลือดหาความเข้มข้นของเลือด ถ้าซีดมากให้เลือด
3) ทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงโดยพิจารณาจากอายุครรภ์ ถ้าอายุครรภ์น้อยกว่า 12สัปดาห์ ใช้วิธีการขยายปากมดลูกร่วมกับการขูดมดลูกหรือใช้เครื่องดูดสุญญากาศ ถ้าอายุครรภ์มากกว่า12 สัปดาห์ อาจใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก เช่น ออกซิโตซิน (oxytocin) 10 ยูนิตใน 5% DINSS1,000 มิลลิลิตรเข้าทางเส้นเลือดดำ
1.4 การแท้งครบ/การแท้งหมด (complete abortion)
เป็นการแท้งที่ตัวทารกและรกออกมาครบ
อาการและอาการแสดง
เลือดออกทางช่องคลอดลคลง มีถุงเยื่อหุ้มการตั้งครรภ์หลุดออกมากรบ อาการปวดจะหายไป อาจมีเลือดออกกะปริบกะ ปรอย 2-3 วัน ตรวจภายในพบปากมดลูกปิดหรืออาจเปิดอยู่เล็กน้อยหากเพิ่งแท้งมาไม่นาน
การรักษา
ภายหลังแท้งครบไม่จำเป็นต้องขูดมดลูก แนะนำให้พัก ให้ยาวิตามินและยาเสริมธาตุเหล็กบำรุงร่างกาย ถ้ำแท้งภายหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ อาจให้ยาระงับการหลั่งน้ำนม และแนะนำให้สังเกตอาการเลือดออกทางช่องคลอด อาการปวดท้อง ถ้ามีอาการผิดปกติเช่นนี้ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด
1.5 การแท้งค้าง (missed abortion)
แต่รกและตัวทารกยังคงค้างอยู่ในโพรงมดลูกนานหลายวันเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน
อาการและอาการแสดง
1) มีประวัติขาดประจำเดือน
2) อาการคลื่นไส้อาเจียน กัดตึงเต้านมหายไป
3) อาจมีหรือไม่มีเลือดออกทางช่องคลอด ลักษณะเลือดออกทางช่องคลอดอาจเป็นสีแดงหรือน้ำตาล
4) ฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้ยิน ดลำมดลูกได้ขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์
5) ตรวจภายในพบปากมดลูกปิด
การวินิจฉัยโรค
1) จากประวัติอาการและอาการแสดง
2) ตรวจปัสสาวะเพื่อหาฮอร์โมน BhCG ได้ผลลบ
3) ฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้ยิน
4 ตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงพบถุงน้ำเล็กกว่าอายุครรภ์ มีการเกยกันของกะโหลกศีรษะทารก (spalding's sign) และไม่พบการเต้นของหัวใจทารก
ภาวะแทรกซ้อนจากการแท้งค้าง ถ้ำมีภาวะแท้งค้างนานเกิน 4 สัปดาห์ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ดังนี้
เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากเนื้อเยื่อที่ตายเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย
ภาวะการแข็งตัวของเลือดบกพร่อง เนื่องจากระดับไฟบริโนเจน (fibrinogen) และเพลตเล็ท (plateles) ลดน้อยลงจากการที่ทรอมโบพลาสติน (thromboplastin) จากรกเข้าสู่กระแสเลือดแม่ทำให้เกิดการทำลายระบบการแข็งตัวของเลือด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ เรียกว่าDIC (disseminated intravascular coagulation) ซึ่งจะมีอาการเลือดออกที่จมูก หรือเหงือก หรือมีเลือดออกมากเมื่อได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
การรักษา
1) เจาะเลือดตรวจหาระยะเวลาการแข็งตัวของเลือด (coagulation time) ได้แก่ partialthromboplastin time, prothrombin time, thrombin time และ platelet
2 ให้สารน้ำหรือเลือด ในกรณี ที่มีการเสียเลือด
3) เมื่อตรวจแล้วพบว่าผลการแข็งตัวของเลือดปกติ ทำให้สิ้นสุดการตั้งครรภ์ ในรายที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์ ใช้วิธีการขูดมดลูก (dilalation and curettage) ถ้าอายุครรภ์มากกว่า 12สัปดาห์อาจใช้วิธีเหน็บยาโพรสตาแกลนดิน (prostaglandin E2 หรือ misoprostol หรือ cytotec) ในช่องกลอดเพื่อให้ปากมดลูกนุ่มและเปิดขยาย หลังจากนั้นทำการขยายปากมคลูกร่วมกับการขูดมดลูกในกรณีที่ทารกยังออกมาไม่หมด
การแท้งชำเป็นอาจิณ/การแท้งเป็นนิจ (habitual abortion)
การแท้งเองติดต่อกันตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป
สาเหตุ
1) ความผิดปกติของฮอร์โมน คือ ระดับฮอร์ โมนโพรเจสเทอโรน เอสโทรเจน ไทรอกซิน น้อยกว่าการตั้งครรภ์ปกติ
2) ความผิดปกติของโคร โมโซมของพ่อ แม่
3) การติดเชื้อ การอักเสบเรื้อรังของช่องทางคลอด
4) การไม่เข้ากันของหมู่เลือด เอ บี โอ
5) ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรค systemic Iupus crythematosus (SLE) ทำให้ระบบการทำงานเป็นอันตรายต่อตัวอ่อน ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือดผิดปกติส่งผลให้ทารกเสียชีวิต
6) ความผิดปกติของมคลูก เช่น มีมดลูกสองอันทำให้มดถูกไม่สามารถขยายได้ หรือมีเนื้องอกที่ โพรงมดลูก หรือ มีความผิดปกติของปากมดลูก เช่น ปากมดลูกเปิดขยายกว้างกว่าปกติ(incompetent cervix)
การทำแท้ง (induced abortion) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
2.1 การทำแท้งเพื่อการรักษา (therapeutic/ legal abortion)
ไม่ผิดกฎหมายตามมาตรา 301 และ 302 ในกรณีที่วินิจฉัยว่าการตั้งครรภ์นั้นจะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้ตั้งครรภ์ เช่น โรคหัวใจ โรคเลือด หรือสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคจิต หรือการตั้งครรภ์เกิดจากการข่มขืนกระทำชำเราในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 13 ปี
อาการและอาการแสดง
1) มีประวัติการขาดประจำเดือน และประวัติการทำแท้งผิดกฎหมาย
2) มีเลือดออกทางช่างคลอด อาจจะเป็นเลือดปนหนองและมีกลิ่นเหม็น
3) มีไข้สูง หนาวสั่น ชีพจรเต้นเร็ว
4) มีอาการปวดท้องกดเจ็บทั่วท้องและอาจมีอาการแสดงของเยื่อบุช่องท้องอักเสบได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน
การวินิจฉัยโรค
1) จากประวัติการขาดประจำเดือน ประวัติการทำแท้ง อาการและอาการแสดง
2) การตรวจเลือด พบฮีโมโกลบินต่ำ เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น ในรายที่รุนแรงมีเกร็ดเลือด
3) การตรวจปัสสาวะ อาจพบเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ
4) การเพาะเชื้อจากปากมดลูก พบเชื้อแบคที่เรีย เช่น anaerobic และ aerobic
5) ถ่ายภาพรังสีหน้ท้องพบวัตถุที่ใช้ในการทำแท้ง หรือตรวจพบว่ามีอากาศในช่องท้องในรายที่มดลูกหรือลำไส้ทะลุ
ภาวะแทรกช้อนการแท้งติดเชื้อ
1) เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน จากการติดเชื้อคลอสทริเดียม ( clostridium perfingens)ทำให้เกิดการแตกของเม็ดเลือดแดง ผู้ป่วยจะถ่ายปัสสาวะสีดำเข้มแบบน้ำโคล่า
2) การแข็งตัวของเลือดบกพร่อง แต่การเกิดจากสาเหตุแท้งติดเชื้อนี้เกิดจาก cndotoxin หรือ bacteria มีฤทธ์ทำลาย cndothelial cel! ของหลอดเลือดทาง intrinsic pathway ทำให้การไหลเวียนของเลือดในบริเวณเส้นเลือดฝอยช้าลง เป็นผลให้มีการกระตุ้นการแข็งตัวของเลือด เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ใน microcirculation ทำให้อวัยวะส่วนนั้นขาดเลือดและเสียหน้าที่ การเกิดลิ่มเลือดทำให้มีการใช้ platclets และ coagulation factor ไปมาก ร่างกายสร้างทดแทน ไม่ทันจึงเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ
การรักษา
1) ให้สารน้ำเข้าหลอดเลือดดำ เช่น Acelar หรือ Ringer Iactate เพื่อแก้ไขภาวะไม่สมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
2) ในกรณีที่ปวดท้องมากให้มอร์ฟิน (morphine) หรือ เพทิดีน (pcthidine)
3) ถ้าผู้ป่วยเสียเลือดมากและผลฮโมโกลบินน้อยกว่า 10 กรัมต่อเดซิลิตรให้เลือด
4) ในรายที่เกิดภาวะช็อกจัดให้นอนราบ ให้ออกซิเจนและวัดความดันของเส้นเลือดดำ(central venous pressure) ซึ่งปกติอยู่ในระดับ 5 - 15 เซนติเมตรน้ำ
5) ให้ยาปฏิชีวนะตามผลการเพาะเชื้อ เช่น ถ้ำเป็น gram -positive anaerobic และaerobic ให้ penicillin G. sodium 4 - 5 ล้านยูนิดเข้าหลอดเลือดดำทุก 4 -6 ชั่วโมง หรือ ampicillin 2กรัม เข้าหลอดเลือดดำทุก 4 -6 ชั่วโมง ถ้าเป็น gram - ncgative acrobic ให้ gentamycin 1-1.5มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เข้าหลอดเลือดดำทุก 8 ชั่วโมง
6) ถ้าผลการแข็งตัวของเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่งทำการขูดมดลูกภายหลังให้ยาปฏิชีวนะแล้ว 4-6 ชั่วโมง
7) ให้ยากันบาดทะยัก tctanus antitoxin 3,000 หน่วยเข้ากล้าม (ภายหลังจากทดสอบแล้วว่าไม่แพ้ยา)
8) ถ้าให้การรักษาแล้วอาการ ไม่ดีขึ้น พิจารณาตัดมดลูกและปีกมดถูกทั้งสองช้าง
สาเหตุของการแท้ง
สาเหตุด้านมารดา
1.1 อายุ หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี และมีอายุมากกว่า 40 ปี มีโอกาสแท้งมากกว่าหญิงวัยเจริญพันธุ์ ถ้าอายุมากกว่า 45 ปี มีโอกาสเกิดการแท้งสูงมากกว่าร้อยละ 50
1.2 การติดเชื้อ การติดเชื้อไรรัสบางชนิดหรือแบคที่เรียเป็นสาเหตุของการแท้งได้ เช่น การติดเชื้อซิฟิลิส เชื้อกลาไม
1.3 ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานและไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ หรือโรคไทรอยด์ (Thyroid disease)
1.4 ภาวะทุพโภชนาการ ภาวะอ้วนหรือผอมเกินไปมีผลต่อการเพิ่มอัตราการแท้ง
1.5 ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ ได้แก่ ความผิดปกติของปากมดลูกที่ขยายกว้างกว่าปกติ(incompetent cervix) ความพิการแต่กำเนิดของมดลูก เช่น มีมดลูกสองอัน
1.6 แรงกระทบกระเทือน เช่น การร่วมเพศที่รุนแรง การเกิดอุบัติเหตุทำให้เกิดการ
1.7 ภาวะทางด้านอารมณ์ หญิงตั้งครรภ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์หรือได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ทำให้เพิ่มอัตราการแท้งได้
1.8 การได้รับสารพิษ หรือได้รับขาบางชนิด ได้แก่ สารตะกั่ว ยารักษาโรคมะเร็ง เช่นmethotrexate
1.9 สารเสพติดบางชนิด เช่น บุหรี่ หญิงตั้งกรรภ์ที่สูบบุหรี่มากกว่า 14 มวนต่อวัน มีโอกาสเกิดการแท้งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของกลุ่มที่ควบคุม
1.10 immunological factors เช่น การ ไม่เข้ากันของหมู่เลือด เอ บี โอ (ABO) อาจมีส่วนทำให้เกิดการแท้งได้
สาเหตุด้านทารก/รก
2.1 กลุ่มที่มีความผิดปกติของจำนวนโครโมโซม (aneuploidy) พบได้ร้อยละ 50 - 60 ส่วนใหญ่แท้งก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ โดยพบโครโมโซมบางคู่เกินมา 1 ตัว เรียกว่า ไตรโซมี่ (risomy) เป็นต้น
2.2 กลุ่มที่มีจำนวนโครโมโซมปกติ (cuploidy) ส่วนใหญ่จะเกิดการแท้งภายหลังอายุครรภ์ 12สัปดาห์และพบได้บ่อยในสตรี ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี นอกจากนี้อาจเกิดจากความผิดปกติของไข่ที่ผสมแล้วแต่ไม่มีตัวทารก (blighted ovum)
3 สาเหตุด้านบิดา
บิดาที่มีอายุมากกว่า 40 ปีมีโอกาสที่จะเกิดการแท้ง ได้มากกว่าร้อยละ 20 และบิดาที่มีอายุน้อยกว่ามีโอกาสเกิดการแท้งร้อยละ 12