Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาHepatitis, 60C26BB0-BFFF-4930-8F72-44826C0D6CBA, 11, ดาวน์โหลด -…
กรณีศึกษาHepatitis
กรณีศึกษา
ข้อมูลทั่วไป
ผู้ป่วยเพศ หญิง อายุ70 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนา พุทธ
ระดับการศึกษา ประถมศึกษาปีที่ 4 สถานภาพ สมรส อาชีพ ว่างงาน
สิทธิค่ารักษาพยาบาล สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
การวินิจฉัยโรค Hepatitis
ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสุขภาพของผู้รับบริการ
อาการสำคัญปวดท้อง จุกแน่นใต้ลิ้นปี่ มีไข้ 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน 6 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ ถ่ายอุจจาระไม่ออก ปวด ท้องซื้อยาแก้ปวดที่ร้านขายยามารับประทาน อาการปวดทุเลาลง
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ เบื่ออาหาร ปวดท้อง จุกแน่น
ใต้ลิ้นปี่มากขึ้น ไม่ร้าวไปไหนรับประทานยาแก้ปวดไม่ทุเลา ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาล
โรคตับอักเสบ
พยาธิสภาพ
โรคซึ่งเกิดจากเซลล์ตับได้รับบาดเจ็บจนเกิดเป็นการอักเสบ เนื้อตับเสื่อมและถูกย่อยด้วยตัวมันเอง เอนไซม์จากตับจะหลั่งออกมา เซลล์ตับที่ถูกทำลายจะถูกจับกินและสลายไป หน้าที่ของตับลดลง
-
สาเหตุ
1.ตับอักเสบจากติดเชื้อโรค เรียก Infectious hepatitis เชื้อโรคที่ทำให้เกิดตับอักเสบ คือ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อวรัส HAV,HBV,HCV,HDV,HEV เชื้อรา และ เชื้อปรสิต หากเกิดการอักเสบนานๆ จะเกิดฝีที่ตับได้
2.ตับอักเสบจากพิษแอลกอฮอล์ จากการขัดขวางการเผาพลาญไขมันในตับทำให้ไขมันสะสมมากขึ้นที่ตับ (Fatty liver)
4.ตับอักเสบจากสารพิษและยาทำให้มีการตายของเซลล์ตับ การอักเสบจากสารเหล่านี้ เรียกว่า Toxic hepatitis(ผู้ป่วยบอกว่าเมือปวดท้องซื้อยาแก้ปวดมารับประทานเอง ยาแก้ปวดที่ได้รับอาจจะเป็นยาพารเซตามอลซึ่งเป็นพิษต่อตับ)
3.ตับอักเสบจากการที่มีไขมันสะสมในตับที่ไม่ได้เกิดจาการดื่มแอลกอฮอล์ ในที่สุดจะเป็นตับแข็ง(ผู้ป่วยอยู่ในภาวะอ้วน และมีไขมันพอกที่ตับ)
ปัจจัยเสี่ยง
1.กลุ่มคนที่กินยาที่เป็นพิษต่อตับ
2.หากอายุยิ่งสูง จะมีโอกาสเกิดตับอักเสบมากขึ้น
3.เพศชาย มีอัตราการเกิดโรคที่สูงกว่าเพศหญิง
4.กลุ่มคนเคยมีประวัติหรือเป็นโรคเกี่ยวกับตับ เช่น โรคตับแข็ง โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น
5.กลุ่มคนมีภาวะโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง เป็นต้น
6.กลุ่มคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ โรคเอสเอลอี เป็นต้น
7.กลุ่มคนที่ดื่มเครื่องดื่มสุราเป็นประจำ
8.กลุ่มคนที่ขาดสารโปรตีน คนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ นม และ ไข่ เป็นต้น
9.กลุ่มที่ภาวะอ้วนลงพุงและมีอาการของกลุ่มเมตาบอลิก ทำให้เกิดการสะสมไขมันที่ตับ
(ผู้ป่วยซื้อยาแก้ปวดมารับประทานเอง มีภาวะอ้วน ไขมันพอกที่ตับ)
การวินิจฉัยโรค
1.ประเมินจากสังเกตอาการดับกล่าว ร่วมกับ การตรวจร่างกาย เช่นการดู เคาะ คลำ เป็นต้น(ตรวจร่างกายพบliver can be palpated 7 FB BRCM (liver span 20 cm) )
2.การตรวจเลือด
2.1ตรวจเลือดสมรรถภาพตับ (Liver Function test) เอนไซม์ SGOT(AST) & SGPT(ALT) สูงกว่าปกติ ค่า มากกว่าร้อยจน ถึงเป็นพัน ๆ ค่าของบิลิรูบิน (Bilirubin) สูงกว่าปกติด้วย
(ผลตรวจของผู้ป่วยSGOT (AST) =140 U/L SGPT(ALT)=121 U/L Alk.Phosphatase= 291 U/L Total Bilirubin 5.75 mg/dL )
2.2ตรวจเลือดว่าเป็นไวรัสชนิดใด เช่น IgM Anti HAV HBsAG ; IgM Anti Hbc etc. Anti HCV
3.ผลตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น CT abdomen เป็นต้น (ผู้ป่วยได้รับการตรวจ CT abdomen ผลคือFinding: Diffuse marked decrease attenuation of the liver parenchyma (-33 HU) IMP: Hepatomegaly with fatty liver )
-
-
อาการและอาการแสดง
1.มีไข้ต่ำๆ
2.ปวดเมื่อยตัว และกล้ามเนื้อ
3.เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
4.คลื่นไส้อาเจียนโดยหาสาเหตุไม่ได้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ
5.ปวดท้องส่วนบน ปวดใต้ชายโครงขวา
6.ดีซ่าน ตัวตาเหลือง
7.ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีดผิดปกติ
()
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
-
-
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 2 มีภาวะซีดเนื่องจากการไขกระดูกทำงานลดลงจากการสร้างฮอร์โมนจากตับสูญเสียหน้าที่
การประเมินผล
- มีภาวะตัวตาเหลือง
- V/S อุณหภูมิ36.8 °C ชีพจร 88 ครั้ง/นาที การหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 120/85 มิลลิเมตรปรอท O2sat 98%
เกณฑ์การประเมิน
- ตัวตาไม่เหลือง
- v/s อยู่มนเกณฑ์ปกติ v/s อยู่มนเกณฑ์ปกติ T 36.4-37.4 °C HP 90-140/60-90 mmHg RR 16-22 ครั้ง/นาที PR 60-90 ครั้ง/นาที O2sat 95-100%
- Hb 12-16 g/dL
- Hct 37-47 %
- MCH 80-95 fL
- MCH 27-31 pg
- RDW 12.2-14.8 %
-
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกและประเมิน อาการซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ ปวดศีรษะ ปลายมือปลายเท้าซีด สังเกตอาการเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน เช่น เวียนศีรษะ ตาพร่ามัว ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บหน้าอก เพื่อประเมินอาการภาวะโลหิตจางและให้การพยาบาลได้
2.วัดสัญญาณชีพ ทุก 4 ชม. เพื่อประเมินอาการผู้ป่วย
3.ดูแลให้พักผ่อนบนเตียง ระมัดระวังป้องกันการพลัดตก หกล้ม จาการที่ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย
4.ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ CBC เพื่อติดตามภาวะซีด
ข้อมูลสนับสนุน
-
-
-
-
-
-
A: ผู้ป่วยเป็นโรคตับอักเสบซซึ่ง Kupffer cells ในตับ ทำหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติหรือเม็ดเลือดแดงที่แก่จัด ให้ตับสูญเสียหน้าที่การทำลายเม็ดเลือดแดงผิดปกติได้ และไขกระดูกทำงานลดลงจากการสร้างฮอร์โมน ขาดโปรตีนและวิตามิน
-
-
-
-
-
-
-