Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

โรคระบบทางเดินหายใจ, นางสาวกัญญารัตน์ ภู่ปัญญาชน เลขที่ 6 รหัส 63123301008…

- - - - เกิดหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป แล้วเกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูก
      - เกิดอาการคัน น้ำมูกไหล จาม คัดจมูก
      - โรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีอาการแสดงทางจมูก
    - - URI เกิดจากเชื้อไวรัส (Coryza viruses)
      - เชื้อเข้าสู่จมูกและคอทำให้เยื่อจมูกบวม แดง มีการของหลั่งเมือกออกมา แม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1สัปดาห์
      - การติดเชื้อของจมูกและคอ (Upper respiratory tract infection)
      - Exudate ข้น, เป็นหนอง เรียก Purulent inflammation
      - Exudate เป็นน้ำ, มูกใส เรียก Catarrhal inflammation
    - - เป็นโรคที่ทำให้เกิดเป็นก้อนในจมูกมากที่สุด
      - ปัจจัยที่ทำให้เกิด
        
        โรคภูมิแพ้
        
        ภาวะอื่น เช่น การแพ้ยา การอุดตัน ความผิดปกติของ mucopolysaccharide
        
        การติดเชื้อที่จมูก
      - เกิดจากเยื่อบุจมุกอักเสบ บวมขึ้นเรื่อยๆ มีน้ำคั่งกลายเป็นก้อนในจมูก
    - - รูเปิด sinus เล็กลง เมื่ออักเสบ อาจตีบ ตันได้ง่าย
      - exudate มักขังอยู่ภายใน
        เป็นหนอง เรียก empyema เป็น mucous เรียก mucocele
      - เกิดจากมีเชื้อโรคเข้าไปทำให้เยื่อบุอักเสบ อาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา
      - สาเหตุ
        
        การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจตอนบน
        
        การติดเชื้อของฟัน โดยเฉพาะฟันกรามน้อย ฟันกรามแถวบน
        
        โรคติดเชื้ออื่น เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โรคไอกรน
        
        การว่ายน้้ำ ดำน้ำ
        
        การกระทบกระแทกอย่างแรงบริเวณใบหน้า
        
        มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก เช่น เมล็ดผลไม้ ก่อการอุดตันในจมูก
      - เป็นการอักเสบของโพรงข้างจมูก
        
        ชนิด
        
        เรื้อรัง
        
        เฉียบพลัน
      - sinuses มี 4 คู่
        
        Sphenoidal sinus
        
        Maxillary sinus
        
        Ethmoidal sinus
        
        Frontal sinus
  - - - โรคภูมิแพ้
      - การได้รับสารเคมี สารพิษบางอย่าง เช่น ควันบุหรี่
      - การใช้เสียงมากเกินไป เช่น คนที่ร้องเพลง ตะโกน
      - การเกิดกรดไหลย้อนในกระเพาะอาหาร
      - การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย
  - - - เป็นทางผ่านอากาศ
      - ให้ความชื้นแก่อากาศที่จะเข้าปอด
      - อุ่นอากาศที่จะผ่านเข้าสู่ปอด
      - ทำความสะอาดอากาศ
- - - - มีอาการหายใจลำบากมาก ได้ยินเสียงวี๊ดเกิดขึ้น
        อากรนี้หายได้เองหรือกลับไปเป็นปกติได้ หรือหายเมื่อได้รับยาขายหลอดลม
      - ทางเดินหายใจมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆมากเกินไป ทำให้หลอดลมหดเกร็ง มีเสมหะเพิ่มขึ้น
      - สาเหตุ มี 2 ชนิด
        
        Extrinsic asthma
        
        antigen กระตุ้นให้สร้าง IgE มาเกาะที่ Mast cell
        เมื่อ Mast cell แตก จะหลั่งสารเคมีออกมา
        
        ทำให้หลอดลมบวม หดเกร็ง มีสารคัดหลั่ง(Secretion)
        
        แพ้สารภายนอก เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ อาหาร
        
        Intrinsic asthma
        
        เกิดจากการติดเชื้อของทางเดินหายใจหรืออื่นๆ
        เช่น การออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ อากาศเย็น อากาศเป็นพิษ มีออกซิเจนในกระแสเลือดน้อย
        
        ขณะมีอาการหอบหืด หลอดลมจะตีบลง เนื่องจาก
        
        การหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบทางหลอดลม
        
        เยื่อบุหลอดลมหนากว่าปกติ
        
        มีเสมหะเป็นมูกเหนียว
    - - พบมากในช่วงอายุ 20-40 ปี
      - สาเหตุ
        
        การอุดกั้นของหลอดลม ; มีสิ่งแปลกปลอม เนื้องอกหรือมะเร็งมากดหลอดลม
        
        มีไอเรื้อรัง เสมหะเป็นหนองมาก กลิ่นเหม็น
        ถ้าตั้งทิ้งไว้จะแยกออกเป็น 3 ชั้น
        
        ชั้นล่างสุดคือหนอง
        
        ชั้นกลางเป็นของเหลวใส
        
        ชั้นบนเป็นฟอง
        
        จากการติดเชื้อของปอด ; ปอดอักเสบ วัณโรคปอด ไอกรน
      - ภาวะที่หลอดลมขนาดเล็กเกิดการพองตัวอย่างถาวร
        เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุผิว ผนังของหลอดลม
        
        ทำให้มีการติดเชื้ออักเสบได้ง่าย
      - ได้ยินเสียง Crepitation และ rhonchi
        อาจพบนิ้วปุ้ม (clubbing of fingers)
      - Rhonchi
        เป็น continuous sound เสียงที่ได้ยินชัดเมื่อหายใจออก
        เกิดจาการที่มีลมผ่านเข้าไปในส่วนของทางเดินหายใจที่แคบกว่าปกติ อาจเกิดจากการอุดตัน เสมหะ หลอดลมหดเกร็ง หรือถูกกดจากภายนอก เช่น เนื้องอก หรือภาวะภูมิแพ้
      - Crepitation
        เป็น cracking sound ได้ยินชัดที่สุดตอนท้ายของการหายใจ
        เกิดจากการมีลมผ่านไปในท่อทางเดินหายใจที่มีน้ำ หรือ เสมหะอยู่
    - - มีการหลั่งเมือก (เสมหะ) ออกมามากกว่าปกติ ทำให้หลอดลมตีบแคบลง และลมหายใจเข้าออกได้ยากลำบากขึ้น
      - อาการ
        
        ไอ
        
        มีเสมหะ
        
        อาจมีอาการติดต่อทุกวันนาน 6 month
        / ปีละ 3 month ติดต่อกัน 2 years
      - สาเหตุ
        
        กาติดเชื้อเรื้อรัง
        
        ภูมิแพ้
        
        ฝุ่นละออง
        
        สูบบุหรี่เป็นเวลานาน
    - - การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเจริญเติบโต สร้างเนื้อเยื่อเล็บ
        (อาจรวมถึงกระดูก ข้อของนิ้วบริเวณนั้น) ร่างกายมีสาร
        Vascular Endothelial Growth Factor (VEGF) เพิ่มมากกว่าปกติ
      - หลอดเลือดฝอยส่วนปลายของร่างกาย เกิดการขยายตัว และเพิ่มจำนวน
      - การสร้างเนื้อเยื่อเล็บผิดปกติ
    - - ทำให้พื้นที่ผิวในปอด ซึ่งเป็นที่รับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายมีขนาดเล็กลง ต้องหายใจเร็วขึ้น เพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพียงพอ
      - สารไนโตรเจนไดออกไซด์ในควันบุหรี่ จะทำลายเนื้อเยื่อในปอด,
        ถุงลม ให้ฉีกขาด และรวมตัวกลายเป็นถุงลมขนาดใหญ่
      - โรคที่เนื้อปอดค่อยๆเสื่อมสมรรถภาพจากการได้รับควันบุหรี่
    - - เกิดจากการหอบ เหนื่อย สาเหตุจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ปรสิต สิ่งแปลกปลอมการสูดดมสารเคมี การสำลักเศษอาหาร น้ำย่อยจากระเพาะอาหาร
      - Lobar pneumonia เป็นปอดบวมที่เกิดจากกลีบใดกลีบหนึ่ง เกิดจากเชื้อ Pneumococci
        
        Bronchopneumonia เป็นรอบๆหลอดลมส่วนปลาย กระจายไปมากกว่ากลีบใดกลีบหนึ่งของปอด
      - สาเหตุ
        
        เชื้อแบคทีเรีย
        
        ปวดบวมจากการสำลัก
        (สำลักอาหาร หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอด)
        
        เชื้อไวรัส
        
        สาเหตุอื่น เชน ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี
        
        ทำให้เกิดอาการบวมจากรังสี และบวมจากสารพิษ สารเคมี เช่น ปอดบวมจากการสูดเเอมโมเนียหรือไอกรด
    - - สาเหตุ
        
        การบาดเจ็บต่อเนื้อปอด ระบบหลอดเลือดของปอด (ปวดบวมน้ำเหตุอื่นซึ่งไม่ใช่หัวใจ, noncadiogenic pulmonary edema)
        
        LV ล้มเหลว เลือดบีบออกจากระบบไหลเวียนในปอดได้ไม่ทัน (ปอดบวมน้ำเหตุหัวใจ, cardiogenic pulmonary edema)
      - ภาวะที่มีการคั่งของสารน้ำในถุงลมของเนื้อปอด ทำให้แลกเปลี่ยนก๊าซตามปกติไม่ได้
        ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
    - - เกิดขึ้นกับเนื้อปอดปริมาณมาก ทำให้ขาดออกซิเจน
      - ติอเชื้อง่าย เนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ เช่น เสมหะ สิ่งแปลกปลอม
      - ภาวะถุงลมแฟบที่ไม่เคยขยายตัว
        หรือเคยขยายตัวแล้วกลับแฟบลงภายหลัง
    - - เป็นเยื่อบาง ละเอียดอ่อน เปียกชื้น เป็นมันลื่น หุ้มผิวภายนอกของปอด
        
        -เยื้อหุ้มปอดมี2 ชั้น ระหว่าง2 ชั้นมีของเหลวอยู่เล็กน้อย เพื่อลดเเรงเสียดสีระหว่างเยื้อหุ้มโพรงว่าง เรียกว่า ช่องระหว่างเยื้อหุ้มปอด
    - - เป็นการสะสมของของเหลวระหว่างชั้นของเยื่อหุ้มปอดกับภายในช่องอก
      - มี 2 ประเภท
        
        น้ำที่เป็นของเหลวใส (Transudative pleural effusion)
        
        เกิดจากหัวใจล้มเหลว ไตวาย ตับแข็ง
        
        น้ำที่เป็นของเหลวขุ่น เกิดจากการอักเสบ เช่น
        
        การติดเชื้อในปอด วัณโรค มะเร็งปอด
    - - Open Pneumothorax
        
        ภาวะลมคั่งในช่องเยื่อหุ้มปอดชนิดที่มีบาดแผลเป็นแบบ sucking chest wound
        
        ลมเข้าได้ และออกได้
        
        ไม่มี mediastenal shift
      - Tension Pneumothorax
        
        เกิดจากมีแผลฉีกขาดที่ผนังอกทะลุเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอด บาดแผลมีลักษณะเฉียงแหลม ขอบแผลกระรุ่งกระริ่ง
        
        ลมเข้าได แต่ออกไม่ได้
        
        มี mediastenal shirt
    - - เกิดจาก Mycobacterium tuberculosis
        ซึ่งเป็น acid fast bacilli
        
        เชื้อในเสมหะกระจายโดยการหายใจ
        
        ก่อโรคในสัตว์ติดต่อมาถึงคนได้โดยการบริโภคนมที่ไม่มีผ่านการฆ่าเชื้อ
      - Post Primary Pulmonary Tuberculosis
        
        เกิดโรคหลังได้รับเชื้อมาก่อนส่วนใหญ่ จะเกิดเชื้อที่สงบอยู่ในอวัยวะต่างๆจาการแพร่กระจายครั้งแรก เกิดจาการแบ่งตัวเพิ่มขึ้น
        
        รอยโรคที่เนื้อปอดมักเป็นบริเวณ apex or subapical ของปอดกลีบบน เนื่องจากบริเวณนี้มีความดันออกซิเจนสูง
        
        รอยโรคต่างจาก Primary Tuberculosis คือมักไม่มีการกระจายไปหลอดน้ำเหลือง
        
        ลักษณะของรอยโรคเป็น tubercle และ casesation
      - Primary Pulmonary Tuberculosis
        
        เกิดในรายที่รับเชื้อวัณโรคในครั้งแรก
        
        ต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด (hilar lymph node) จะเกิดโรคด้วย ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต มีเนื้อตาย caseous
        
        ตำแหน่งที่เชื้อเข้าไปทำให้เกิดรอยโรคครั้งแรก มักเป็นบริเวณเนื้อปอดที่อากาศถ่ายเทได้มากที่สุด ได้แก่ ส่วนล่างของปอดกลีบบน, ส่วนบนของปอดกลีบล่าง