Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด, นางสาวนภัสศุภางค์…
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด
ชนิดเขียว
เลือดเลี้ยงปอดน้อย อาจมีภาวะสมองขาดออกซิเจนเฉียบพลัน
Tetralogy of Fallot (TOF)
อาการ
ภาวะหัวใจวาย
เขียวทั่วร่างกาย
นั่งยองๆ อาการเขียวมากขึ้นร่วมหอบลึก
ผิดปกติ 4 อย่าง
ตีบของลิ้นpulmonary (pulmonic stenosis)
ผนังระหว่างงVentricleมีรูรั่ว (VSD) ขนาดใหญ่
ตำแหน่งลิ้นAorticเลื่อไปขวา
(overriding aorta หรือ dextroposition of the aorta
การหนาตัวของ right ventricular
(right ventricular hypertrophy)
Pulmonic atresia (PA) ลิ้นพัลโมนารี
Tricuspid atresia (TA) ลิ้นไตรคัสปิดตัน
เลือดไปเลี้ยงปอดมาก อาการเขียว ภาวะหัวใจวาย
Transposition of great arteries(TGA)
มีการสลับของหลอดเลือดแดงใหญ่(Aorta,Pulmonary artery)AortaออกจากRight VentricleและPulmonary arteryออกจากLeft Ventricle
อาการ
เขียวตั้งแต่แรกเกิด ถ้ามีVSD ร่วม จะมีอาการเหนื่อยหอบ รวมถึงหัวใจวายด้วย
การพยาบาล
มีภาวะสมองขาดออกซิเจนอย่างเฉียบพลันเนื่องจากสมองขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน
ดูแลไม่ให้เด็กร้อง โดยการทำให้สงบ
ดูแลให้ออกซิเจน
ดูแลให้ยาที่ทำให้สงบตามแผนการรักษา
จัดท่านอนคางชิดอก
2.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองขาดออกซิเจนได้ง่าย
ควบคุมและจำกัดกิจกรรม
ดูแลไม่ให้เกิดอาการท้องผูก
สังเกตอาการเริ่มของภาวะสมองขาดออกซิเจน
เขียว หอบเหนื่อยมากขึ้น หายใจเร็วและแรงขึ้น
ดื่มน้ำมากๆ และมีการบัทึกI/O
ติดตามHct.
ดูแลให้ยาเสริมธาตุเหล็กตามแผน
มีโอกาสเกิดการอุดตันของหลอดเลือดฝอยในร่างกาย โดยเฉพาะหลอดเลือดฝอยที่สมอง เนื่องจากภาวะเลือดข้น
เปลี่ยนท่าพลิกตะแคงอย่างน้อยทุก 2 hr.
ดูแลดื่มน้ำให้เพียงพอ และบันทึกI/O
บันทึกV/S ทุก 4 hr.
ฟังเสียงปอดเป็นระยะๆ
สังเกตุอาการผิดปกติ เช่น แขนขาเย็น มีปวดหรือชา
มีโอกาสเกิดฝีในสมองเนื่องจากความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดทำให้เลือดบางส่วนส่งไปปอดไม่ได้
บันทึกV/Sทุก 4 hr.
รายที่สงสัยให้ประเมินอาการทางระบบประสาทด้วย เช่น อาเจียน เห็นภาพซ้อน
ดูแลให้ยาแบบประคับประคอง
ในรายที่เป็นให้Antibiotic
ให้คำแนะนำพ่อแม่ในการป้องกันการติดเชื้อที่ผิว
ชนิดไม่เขียว
กลุ่มที่มีการไหลลัดของเลือดจากหัวใจซีกซ้ายไปขวา
VSD(Ventricular Septal Defect)
พบบ่อยที่สุดในเด็ก มีรูรั่วที่ผนังกั้น Ventricleจากซ้ายไปขวา
มีการรั่วของเลือดจากซีกซ้ายไปขวา ทำให้เลือดแดงและดำผสมกัน เลือดแดงเลยต้องกลับไปฟอกที่ปอด ทำให้ปอดทำงานหนังขึ้นด้วย
อาการ
เหนื่อง่ายโดยเฉพาะเวลาดูดนม การเจริญเติบโตช้า ติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย
ASD(Atrial Septal Defect )
มีรูรั่วผนังกั้นระหว่างAtrium คือ เลือดจากหัวใจห้องบนมีการรั่วจากซ้านไปขวา ทำให้เลือดแดงต้องกลับไปฟอกที่ปอดอีก ทำให้ปอดทำงานหนัก
เด็กที่เป็นอาการมักไม่แสดงให้เห็น
PAD(Patent Ductus Arteriosus)
เลือดไปปอดมาก เกิดจาก หลอดเลือดยังมีการเปิดอยู่หลังเด็กเกิด ทำให้มีการติดต่อกันระหว่างAortaและPulmonary artery
สาเหตุ
เด็กคลอดก่อนกำหนด
ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ
ติดเชื้อ(ติดเชื้อหัดเยอรมัน ช่วง 1-3m ทำให้หัวใจพิการได้)
อาการ
เหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย ติดเชื้อง่าย ดูดนมก็เหนื่อย การเติบโตช้า
กลุ่มที่มีการอุดกั้นการไหลของเลือด
Aortic stenosis (AS)
เกิดการตีบของลิ้นAorticหรืออุดกั้นของLeft Ventricle
ทำให้การบีบตัวส่งเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่สะดวก
อาการ
เพลีย เจ็บหน้าอก
Pulmonary Stenosis (PS)
อาการ
หัวใจวายได้ เจ็บหน้าอก หรือบางรายหมดสติได้
เกิดการตีบที่ลิ้น Pulmonary หรืออุดกั้นทางออกของRight Ventricle
ทำให้การบีบตัวของเลือดดำที่ส่งไปปอดไม่ดี
Coarctation of the Aorta (CoA)
มีการตีบแคบของAorta
ทำให้เลือดที่ไหลจากAortaไปเลี้ยงส่วนบนและลงสู่ล่างได้ไม่ดี ทำให้ความดันโลหิตของแขนสูงกว่าขา
อาการ
หายใจเร็วและแรง ดูดนมช้า ชีพจรที่ขาเบา
การพยาบาล
1.เนื้อเยื่อของร่างกายอาจได้รับออกซิเจนไม่พอเนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานหัวใจลดลง
จำกัดกิจกรรมและให้พักผ่อนให้เพียงพอ
จัดท่านอนศีรษะสูง
ให้ได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ
เลี่ยงอาหารรสเค็ม ทานอาหารอ่อนๆ
ให้ได้รับยาดิติตาลิสตามแผนการรักษา
ก่อนให้ต้องจับPRก่อนทุกครั้งเพื่อดูการเต้นของหัวใจ
ยาตัวนี้ทำให้หัวใจบีบตัวเร็วขึ้น การเต้นช้าลง
วัดV/Sทุก 4 hr.
ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
2.อาจมีอาการหมดสติเนื่องจากได้รับออกซิเจนไม่พอจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยเสมอ
แนะนำให้ผู้ป่วยเล่นกิจกรรมที่ต้องออกแรงเพื่อให้เลือดมีการสูบฉีด
ถ้าผู้ป่วยเป็นลม
ปลดเสื้อผ้าให้สูงเพื่อให้ปอดขยาย
สังเกตและบันทึกPRและBP
นอนหงาน ยกเท้าสูง
เสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงปอดมาก
ดูแลช่องปากและฟันให้สะอาด
ดุแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมและสะอาด
ดูแลให้ยาปฏิชีวะนะตามแผนการรักษา
มีโอกาสเกิดการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจเนื่องจากมีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดที่ทำให้เกิดการลัดของเลือด
ดูแลช่องปากและฟันให้สะอาด
ดูแลให้ได้รับAntibiotic ก่อนทำหัตถการที่ฟัน
สังเกตและประเมินของภาวะเยื่อบุหัวใจอักเสบ
เพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
เสี่ยงต่อการเจริญเติบโตไม่สมวัยหรือต่ำกว่าเกณฑ์เนื่องจากดูดนมหรือทานอาหารได้น้อย
ให้เด็กได้ทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ และมีแคลอรี่สูง
ทานอาหารให้ครบ 3มื้อ
ดูแลให้นมตามปกติ โดยให้น้อยๆแต่บ่อย
ให้ผู้ป่วยได้พักก่อนทานเพื่อให้ได้มีการสะสมพลังที่จะให้การดูดนมหรือเคียวอาหาร
ชั่งน้ำหนักเพื่อประเมินดูภาวะโภชนาการ
รายที่เบื่ออาหาร ดูดนมไม่ได้บ่อยครั้ง ให้รีบรายงานแพทย์
มีโอกาสพัฒนาการล่าช้าเนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย การเคลื่อนไหวน้อย หรือบางรายมีอาการหายใจลำบาก
ประเมินดูพัฒนาการของเด็ก
มีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาการของเด็ก
ให้ข้อมูลกับพ่อแม่เกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก
พ่อแม่กังวลเกี่ยวกับความผิดปกติของหัวใจอละหลอดเลือดตั้งแต่กำเนิดบุตร
ให้ข้อมูลกับพ่อแม่เกี่ยวสุขภาพลูก
อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับความผิดปกติที่เกิดขึ้น
สนับสนุนให้พ่อแม่กอดลูกเท่าที่จะทำได้ เพราะทำให้สัมพันธภาพดีขึ้น
โรคหัวใจที่เกิดภายหลัง
Infective endocarditis(IE) ติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ
มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
(Streptococcus viridans, Staphylococcus aureus)
อาการ
เพลีย เหนื่อยง่าย เสียงหัวใจเป็นMurmur ม้ามโตกดไม่เจ็บ
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวะนะ
ตรวจสอบแหล่งการติดเชื้อ
ติดตามการเจาะเลือดส่งเพาะเชื้อในเลือด
การพยาบาล
1.มีการติดที่เยื่อบุทางเดินหายใจ
ดูแลให้Antibioticทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ดูแลให้พักผ่อนเพียงพอเพื่อลดการทำงานหัวใจ
ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ อาหารอ่อนย่อยง่าย
บันทึกV/S ทุก 4 hr.
สังเกตอาการข้างเคียงAntibiotic
อาจเกิดการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจซ้ำได้
ดูฉลความสะอาดและพักผ่อนให้เพียงพอ
แนะนำให้พ่อแม่หรือผู้ป่วยดูแลช่องปาก
ทานยาAntibioticเพื่อป้องกันก่อนทำหัตถการ
สังเกตอาการติดเชื้อ
Rheumatic Heart Disease (RHD)
โรคหัวใจรูห์มาติค
เกิดตามหลังไข้รูห์มาติคซึ่งมีการติดเชื้อ อาจทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจ ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจวาย ตลอดถึงรั่วหรือตีบได้
Rheumatic Fever ไข้รูห์มาติค
เกิดอักเสบที่เนื้อเยื่่อเกี่ยวพัน มักเกิดตามหลังคออักเสบด้วยเชื้อ
β-hemolytic streptococcus group
ภาวะหัวใจวายและลิ้นหัวใจถูกทำลาย
อาการ
major criteria
หัวใจอักเสบ(Carditis) ปวดตามข้อ(polyarthritis) ผื่นแดง(erythema marginatum)
minor criteria
ไข้ต่ำ ปวดตามข้อ เคยเป็นไขเรูห์มาติค
การรักษา
ให้ยาAntibioticกำจัดเชื้อ
ยาต้านการอักเสบของหัวใจและข้อ
นอนพัก อาการหะวใจวายให้พักจนกว่าจะควบคุมได้แล้วค่อยๆเพิ่มการเคลื่อนไหว
ให้ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวายให้การรักษาโดยให้ยา Digitalis
การพยาบาล
มีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจเนื่องจากติดเชื้อ
β-hemolytic Streptococcus group A
ดูแลให้Antibioticตามแผนการรักษาดูแลให้ยาPenisolone เมื่อมีภาวะหัวใจวาย ลดอักเสบกล้ามเนื้อหัวใจ
ดูแลพักผ่อนให้เพียงพอ
ให้ทานอาหารอ่อน
Check V/S ทุก 4 hr.
ติดตามฟังเสียงฟู่หัวใจเป็นระยะๆ
มีการอักเสบของข้อเนื่องจากมีการติดเชื้อ
β-hemolytic Streptococcus group A
ให้ยาAspirinเพื่อลดการอักเสบปวดที่ข้อ
ดูแลให้ได้พักข้อและช่วยเหลือการทำกิจกรรมต่างๆ
ระวังอุบัติเหตุ
สังเกตและบันทึกการอักเสบของข้อ
เกิดการกลับเป็นซ้ำของRheumatic Feverโดยมีการติดเชื้อ
β-hemolytic Streptococcus group A
ให้ได้รับAntibioticตามแผนการรักษา
รักษาความสะอาดขงช่องปากและฟัน
เลี่ยงใกล้ชิดกับผู้ที่คล้ายแสดงการติดเชื้อ
สังเกตอาการผิดปกติและพบแพทย์ตามนัด
ข้อวินิจฉัย
1.เสี่ยงต่อการติดเชื้อβ-hemolytic Streptococcus group Aซ้ำและการติดเชื้อเยื่อบุหัวใจจากโรคหัวใจรูห์มาติคมาก่อน
เสี่ยงต่อเนื้อเยื่อของร่างกายออกซิเจนเนื่องจากมีภาวะหัวใจวาย เพราะมีการอักเสบของหัวใจและลิ้นหัวใจ
มีความเครียดต่อการถูกจำกัดให้พักอยู่บนเตียงและอยู่โรงพยาบาลนาน
พ่อแม่กังวลต่อการเจ็บป่วยของลูกและดูแลเมื่อลูกกลับบ้าน
การพยาบาลเด็กที่มีภาวะหัวใจวาย
สาเหตุ
หัวใจทำงานหนักมากขึ้นเนื่องจากเลือดในหัวใจเพิ่มขึ้นมากจากการรั่วไหล
กลุ่มเลือดไหลลัดจากหัวใจทางขวา
กลุ่มรั่วของลิ้นหัวใจ
กลุ่มเลือดไปเลี้ยงที่ปอดมาก
หัวใจทำงานหนักมากขึ้นเนื่องจากมีความดันในVentricleสูงกว่าปกติจากการอุดกั้นทางออกของVentricle
ผิดปกติที่กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้การทำงานของหัวใจลดลง
จังหวะการเต้นผิดปกติ ทำให้เลือดไหลออกน้อยลง
อาการ
ขวาวาย
บวม(ตา แขน หน้า), ตับม้ามโต, หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง อึดอัดแน่นท้อง
ซ้ายวาย
น้ำคั่งปอด,เลือดคั่งปอด,หน้าอกบุ๋ม,หายใจลำบาก ฟังเสียงได้ยิน crepitation
การรักษา
Ianoxin
เพิ่มแรงบีบของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เต้นช้า อัตราการเต้นลด ทำให้Cardiac output เพิ่ม ทำให้ลดการคั่งในหลอดเลือดฝอย
ทำให้มีการขับปัสสาวะมากขึ้น ลดแรงต้านหลอดเลือด ทำให้หัวใจไปเลี่ยงส่วนต่างๆได้มากขึ้น
การพยาบาล
1.เลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายลดลง ผลมาจากหัวใจผิดปกติ
นอนศีรษะสูงและให้ได้รับออกซิเจนเพียพอ
ให้ได้รับยาดิจิตาลิสตามแผน
ทานอาหารจืดเลี่ยงเค็ม
สังเกตและบันทึกV/S mุก4 hr.และบันทึกการดื่มน้ำและปัสสาวะรอบ 24 hr.
2.ภาวะน้ำเกิน เนื่องจากมีการคั่งหรือสะสมของน้ำในร่างกายเพิ่มเติม ทำให้หัวใจทำงานหนัก
ให้ได้รับยาขับปัสสาวะ
ในได้รับสารอาหารที่มีแคลอรี่เพียงพอ
บันทึกปริมาณน้ำที่ดื่มและปัสสาวะรอบ 24 hr.
ชั้งน้ำหนักทุกวันเพื่อทราบการเปลี่ยนแปลง
เสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากอัตราการเผาผลาญสูงจากการที่หัวใจทำงานลดลงและอัตราการเต้นและอัตราการหายใจเพิ่ม
ให้ได้รับสารอาหารที่แคลอรี่100-120 cal/kg/day
แนะนำพ่อแม่ให้ทราบถึงเทคนิคการให้นมหรืออาหาร
ชั้งน้ำหนักเด็กทุกวันเพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
สังเกตและบันทึกปริมาณนมหรืออาหารที่ผู้ป่วยได้รับ
4.ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดพัฒนาการล่าช้า
ดูและประเมินพัฒนาการของเด็ก
ให้เด็กได้เล่นในเวลาสั้นๆ
ให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
มีโอกาสเกิดการติเชื้อทางเดินหายใจเนื่องจากมีการคั่งเลือดที่ปอด การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง ทำให้การทำงานของปอดลดลง
ดูแลช่องปากและฟันให้สะอาด
ดูแลให้สิ่งแวดล้อมให้สะอาดและปลอดโปร่ง ดูแลให้พักให้เพียงพอ
ให้ได้รับสารอาการที่มีประโยชน์และเพียงพอ
สังเกตและบันทึกV/S ทุก 4 hr.
ถ้าติดเชื้อต้องดูแลให้ได้รับAntibioticตามแผนการรักษา
6.มีโอกาสเกิดภาวะเป็นพิษจากดิจิตาลิส
ดูแลให้ได้รับยาดิจิตาลิส จะต้องจับ PRให้ครบ 1 min
สังเกตและบันทึกPR และฟังเสียงหัวใจสม่ำเสมอ
สังเกตอาการผิดปกติของภาวะเป็นพิษ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นชา เต้นไม่สม่ำเสมอ
Kawasaki Disease(คาวาซากิ)
มีการอับเสบของผนังหลอดเลือดCoronaryและหลอดเลือดแดงขนาดกลางและมีPlatelet thrombi
อาการ
ไข้ ตาแดง ปากแดง เท้าผื่น ต่อมน้ำเหลืองที่ไต
การพยาบาล
ดูการทำงานของหัวใจและปอดและหลอดเลือดเ สังเกตการเต้นของหัวใจ
ประเมินการไหลเวียนเลือดของแขนขา
วัดPRโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะให้gamma globulin สังเกตดูการแพ้ ถ้าแพ้หยุดทันที กระตุ้นให้ดื่มน้ำเพิ่ม ไม่ต้องห่มผ้าและเช็ดตัวลดไข้ วัดปรอททุก 4 hr.
ดูผลข้างเคียงของยา
บันทึกน้ำดื่ม ปัสสาวะ ในรอบ24 hr. ระวังการขาดน้ำ
อาหารไม่เพียงพอ ดูแลความอยากอาหาร จัดอาหารให้น่าทานและสะดวกสบายในการทาน ลดเค็ม
ชั่งน้ำหนักทุกวัน ดูการบวมของหัวใจวาย
ดูแลความสะอาดของช่องปาก
ระวังการติดเชื้อ รักษาความสะอาด
ลดความไม่สะดวกสบาย
จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ เพื่อให้พักผ่อนได้เพียงพอ
ลดความกังวลและความกลัวเพราะอาจส่งผลต่อหัวใจได้
นางสาวนภัสศุภางค์ ไวยพารา เลขที่ 35 62111301036