Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Viral Hepatitis โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส - Coggle Diagram
Viral Hepatitis
โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส
สาเหตุ
การติดเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้เกิดโรคไวรัสตับอักเสบ
ปัจจุบันมี 5 ชนิด
-Hepatitis A Virus
-Hepatitis B Virus
-Hepatitis C Virus
-Hepatitis D Virus
-Hepatitis E Virus
การจำแนกไวรัสตับอักเสบ
กลุ่มที่ติดต่อทางการกิน ได้แก่ HAV และ HEV โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรงมากนัก และไม่มีผลข้างเคียงตามมา ผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อกลุ่มนี้ในระยะเฉียบพลันแล้วจะไม่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง และโรคมะเร็งตามมา
กลุ่มที่ติดต่อทางเลือดและเพศสัมพันธ์ ได้แก่ HBV และ HCV ไวรัสกลุ่มนี้มีอาการแทรกซ้อนตามมาได้สูงเนื่องจากผู้ป่วยจำนวนมากมีอาการติดเชื้อเรื้อรัง และอาจกลายเป็นโรคตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับได้
อาการและอาการแสดง
HBV บี แบ่งได้เป็น 2 ระยะ
ระยะเฉียบพลัน อาการไข้ ตัวเหลืองตาเหลือง ปวดท้องใต้
ชายโครงขวา อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผื่น ปวดข้อ จะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกาย สามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน
ระยะเรื้อรัง
พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ผลการตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ
HDV อาการแบบเฉียบพลันจะเกิดขึ้นประมาณ 2 - 8 สัปดาห์หลังการได้รับเชื้อ และมักเกิดขึ้นพร้อมๆกับการติดเชื้อ HBV มีอาการคล้ายอาการโรคหวัด เช่น ปวดเมื่อยตัว ไม่มีแรงอ่อนเพลีย แต่จะอ่อนเพลียมากกว่าจากไข้หวัดมาก
HEV อาการในระยะแรกของโรคคล้ายอาการของโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องด้านขวาตอนบน (ตำแหน่งของตับ) อาจตรวจคลำช่องท้องพบตับโตได้ระยะต่อมาคือ มีตัวเหลือง ตาเหลือง (โรคดีซ่าน) ปัสสาวะสีเข็ม อุจจาระอาจมีสีซีดกว่าปกติหลังจากนั้น อาการของผู้ป่วยจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ จนกลับเป็นปกติในระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 2-3 สัปดาห์นับจากเริ่มมีอาการ
HCV เกิดการอักเสบของตับเรื้อรังเป็น ผลให้เกิดพังผืดในตับจนเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้
HAV ไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย คลื่นไส้ อาเจียน
การวินิจฉัย
ตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของตับ (liver function test) ส่วนใหญ่พบว่าเอนไซม์ SGOT (serum glutamic-oxaloacetic transaminase), SGPT (serum glutamate pyruvate transaminase) และ bilirubin สูงกว่าปกติ
ตรวจเลือดเพื่อดูชนิดของไวรัสตับอักเสบ
Hepatitis A Virus สามารถตรวจหา anti-HAV IgM
(anti-hepatitis A virus immunoglobulin M)
ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นในระยะแรกของการติดเชื้อ
บ่งบอกภาวะการติดเชื้อเฉียบพลัน
Hepatitis B Virus สามารถตรวจหา HBsAg (hepatitis B surface antigen) ซึ่งบ่งบอกภาวะการติดเชื้อเฉียบพลัน ถ้าตรวจพบแสดงว่าขณะนั้นร่างกายกำลังมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่หรือเป็นพาหะของเชื้อ anti-HBs (anti-hepatitis B surface antibody) บ่งบอกว่าร่างกายได้สร้างภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบีขึ้นแล้วหรือเคยได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีมาก่อน ส่วน anti-HBc IgM (anti-hepatitis B core immunoglobulin M) บ่งบอกว่าเพิ่งมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
Hepatitis C Virus สามารถตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซี โดยตรวจหา anti-HCV (anti-hepatitis C virus) ที่บ่งบอกถึงภาวะการติดเชื้อซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการติดเชื้อเฉียบพลันและเรื้อรัง
Hepatitis D Virus สามารถตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบดี ได้แก่ anti-HDV IgM (anti-hepatitis D virus immunoglobulin M) ซึ่งบ่งบอกภาวะการติดเชื้อเฉียบพลัน และ anti-HDV total ab (anti-hepatitis D virus total antibodies) ที่บ่งบอกภาวะการติดเชื้อเฉียบพลันและเรื้อรัง
Hepatitis E Virus สามารถตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบอี ได้แก่ anti-HEV IgM (anti-hepatitis E virus immunoglobulin M) ซึ่งบ่งบอกภาวะการติดเชื้อเฉียบพลัน และ anti-HEV IgG (anti-hepatitis E virus immunoglobulin G) ซึ่งบ่งบอกว่าร่างกายเคยได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นแล้ว
การรักษา
การรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ ได้แก่ พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อช่วยให้อาการอ่อนเพลียลดลง งดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่ายและมีไขมันต่ำ เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้ ท้องอืด แน่นท้อง แพทย์อาจให้ยาแก้อาเจียนถ้ามีอาการอาเจียนมาก หรือให้ยาแก้คันถ้ามีอาการคันมาก เป็นต้น ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงยาหรือสารที่เป็นอันตรายต่อตับ เช่น สุรา ยาบางชนิด
รักษาโดยใช้ยา
ยาฉีด interferon
ยารับประทาน lamivudine
การป้องกัน
ร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายโดยการฉีดวัคซีน ปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคตับอักเสบจาก HAV และHBV
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยการล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนทำกิจกรรมต่างๆ เลือกรับประทานอาหารสุก ดื่มน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือด น้ำเหลือง หรือสิ่งคัดหลั่งของผู้อื่น ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ไม่สำส่อนทางเพศ เป็นต้น
พยาธิสภาพ
การอักเสบของ cell ตับ จะมีลักษณะ huperpasia ของ Kupffer cell ร่วมกับมีการดั่งของน้ำดี และเกิด
necrosis ตามมา ซึ่งระยะในการอักเสบ
การพยาบาล
สังเกตอาการไข้ อาการตา ตัวเหลือง อาการที่แสดงภาวะตับวาย เช่น ระดับความรู้สึกตัว
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนเต็มที่ งดการทำกิจกรรมใดๆ
ดูแลการได้รับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง หลีกเลี่ยงไขมันทุกชนิด
บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยจัดสิ่งแวดล้อมและอาหารที่ไม่กระตุ้นความรู้สึกอยากอาเจียน ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ดูแลการ ได้รับยาแก้อาเจียนตามแผนการรักษ
การดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอิเลคโตรไลท์ทางหลอดเลือดตามแผนการรักษา
ติดตามผลการระมัดระวังการแพร่กระจายเชื้อโดยเฉพาะทางเลือด และสิ่งคัดหลั่งต่างๆ
7 . การให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ เช่น การฉีดวัดซีนตับอักเสบ การระมัดระวังเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและการร่วมเพศ และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน