Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 11 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาทางระบบประสาท, 7f8cd59375efeecde2261dd10ab…
บทที่ 11 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาทางระบบประสาท
Guillain Barre ‘s Syndrome
คือ
เกิดจากการบวมอักเสบของระบบประสาทส่วนปลายหลายๆเส้นอย่างเฉียบพลัน
ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการติดเชื้อในร่างกาย
อาการและอาการแสดง
Sensation
เริ่มเหน็บชา เจ็บ และปวดโดยเฉพาะปลายแขน ขา ไหล่ สะโพก โคนขา
เริ่มอาการคล้ายเป็นตะคริวที่ส่วนปลาย
แล้วจึงมีอาการอ่อนแรง ชา สูญเสีย reflex
motor
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งสองข้างสมดุลกัน
อาการอัมพาตใน GBS จะเริ่มต้นที่ขา ลุกลามขึ้นที่แขนและลำตัวด้านบน รวมไปถึงกล้ามเนื้อทรวงอก
รายที่ไม่รุนแรงอาจเกิดแค่ปลายเท้าตกเท่านั้น
ลุกลามไปที่กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ = หายใจล้มเหลว
อาการของประสาทสมอง
โดยเฉพาะส่วนใบหน้า
อัมพาตของหน้า ปิดตา และปากไม่สนิท การแสดงสีหน้า
เส้นประสาทคู่ที่ 7 **บ่อย(Facial nerve),9 (Glossophryngeal nerve) , และคู่ที่ 10 (Vagus nerve) ผู้ป่วยจะมีอาการกลืน พูด และหายใจลำบาก
อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ
ถ้าเกิดที่ medulla oblongata อาจเกิดความผิดปกติที่ระบบประสาทอัตโนมัติด้วย
ได้แก่
การเต้นหัวใจผิดจังหวะ ช้าหรือเร็วไป, BP ไม่คงที่
หน้าแดง เหงื่ออก ปัสสาวะคั่ง และท้องอืดจาก paralytic ileus
การรักษา
Plasma Exchange หรือ Plasmapheresis
Intravenous Immunglobulin (IVIG)
-สะดวก ง่าย เสี่ยงน้อยกว่าแปลกเปลี่ยน Plasma
-แพงและโอกาสกับเป็นซ้ำได้มากกว่า plasmapheresis
หลักการพยาบาลในระยะเฉียบพลันและต่อเนื่อง
Check vital sign
** RR ต้องมีการตรวจวัด :check: vital capacity , tidal volume หรือ minute volume
ให้ออกซิเจน หายใจไม่พอใส่ท่อช่วยหายใจพร้อมเครื่องช่วยหายใจ
ติดตามประเมินการเคลื่อนไหว กำลังของกล้ามเนื้อ การรับรู้สัมผัส สภาวะของmotor sensory และ cranial nerve
ช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพ Observe อาการแทรกซ้อนจากการจำกัดการเคลื่อนไหว
ดูแลปัญหาการขาดสารอาหาร
สังเกตอาการปวดตามกล้ามเนื้อ
ประคับประคองด้านจิตใจ ส่งเสริมการมองโลกในแง่ดีสำหรับผู้ป่วย
วินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดการหายใจไม่เพียงพอจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรงอย่างเฉียบพลัน
เสียงต่อการขาดสารอาหารจากไม่สามารถช่วยตนเองจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างสมบูรณ์
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหว จากกล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้สูญเสียความสามารถในการดูแลตนเอง
ทุกข์ทรมานจากอาการปวดกล้ามเนื้อ
ขาดการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นๆจากไม่สามารถพูดได้
ผู้ป่วยและญาติกลัว วิตกกังวล ท้อแท้ กับอาการของโรคที่เป็นจากการขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการปฏิบัติตัว
Down ’s syndrome
คือ
ผิดปกติทางโครโมโซมคู่ที่ 21
เสี่ยง มารดาอายุมากกว่า 30 ปี สูงขึ้นชัดเจรมารดา 35 up
บิดามารดาของผู้ป่วยจะมีโครโมโซมปกติ
อาการและอาการแสดง
หัวแบนกว้าง (brachiocephaly)
คอสั้นและผิวหนังด้านหลังของคอค่อนข้างมากและนิ่ม
กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก (hypotonia)
หูติดอยู่ต่ำ
brush field spot จุดบรัชฟิลด์
ปากอ้าและลิ้นมักจะยื่นออก และมีรอยแตกที่ลิ้น
มือกว้างและสั้น มักจะมี simian crease
นิ้วก้อยโค้งงอ(clinodactyly)
ร่องระหว่างนิ้วโป้งเท้าและนิ้วชี้กว้าง
เส้นลายนิ้วมือมักพบ ulnar loopมากกว่า
ปกติและพบ distal triradius ในฝ่ามือ
ทางเดินอาหารอุดตัน ที่พบบ่อยคือ duodenum stenosis
Hypothyroidism (ไฮโปไทรอยด์)
ร่างกายเจริญเติบโตช้า
Polycythemia เม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ
ความผิดปกติเกี่ยวกับตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ตาเข สายตาสั้น
ความผิดปกติเกี่ยวกับหู เช่น ช่องรูหูเล็ก มีปัญหาการได้ยิน
อวัยวะเพศของผู้ชายอาจเล็กกว่าปกติ พัฒนาการทางเพศช้า
หัวใจพิการแต่กำเนิด
การติดเชื้อ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจเกิดง่ายกว่าเด็กทั่วไป
การรักษา
early stimulation
ทางกายอื่นๆที่มีร่วมด้วย คือ โรคหัวใจ ระบบทางเดินอาหารอุดกั้นเป็นต้น
การให้คำปรึกษาแนะนำด้านพันธุกรรม
Spina Bifida
คือ
ความผิดปกติของท่อระบบประสาทที่เจริญไม่สมบูรณ์
รอยต่อของกระดูกสันหลังไม่เชื่อมติดกัน
พบที่แนวไขสันหลัง
สาเหตุ
ยังไม่ทราบแน่ชัด
อาจเกิดจากมารดามีการติดเชื้อไวรัสในขณะตั้งครรภ์ ในระยะ 3 เดือนแรก
อาจเกิดจากภาวะทุพโภชนาการ
อาจเกิดจากมารดาที่อายุน้อยหรือมากเกินไป
การวินิจฉัย
มารดามีประวัติติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบ Alphafetoprotien ในน้ำคร่ำสูง
การตรวจร่างกายทารกพบความผิดปกติ
การรักษา
การผ่าตัดเย็บปิดถุงที่ยื่นออกมา
แผนการพยาบาล
อาจเกิดการติดเชื้อ เนื่องจากถุงน้ำแตก
การพยาบาล
ประเมินการติดเชื้อ
หมั่นตรวจสอบการฉีกขาด รั่ว
ดูแลถุงน้ำให้ชุ่มชื่น ระวังไม่ให้เกิดแผล
ไม่นุ่งผ้าอ้อม
จัดท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
อาจมีการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะเนื่องจากการคั่งของน้ำปัสสาวะ
การพยาบาล
ทำ Crede’manuever ทุก 2-4 hr
2.ทำความสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย
3.ให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
มีกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงจากการกดเบียดเส้นประสาทไขสันหลัง
การพยาบาล
ทำ Passive Exercise ให้ผู้ป่วย อาศัยแรงจากภายนอก**
สอนผู้ปกครองในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
สังเกตอาการอ่อนแรงของแขนขา การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
หลังผ่าตัด : มีโอกาสติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้ง่ายจากการปนเปื้อนอุจจาระปัสสาวะ
การพยาบาล
จัดท่านอนตะแคงหรือคว่ำไม่นุ่งผ้าอ้อม
ดูแลทำความสะอาดแผล
3.ดูแลให้ยา Antibiotic / check V/S
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
การพยาบาล
1.วัดสัญญาณชีพ ทุก 2-4 hr
2.เฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ แผลติดเชื้อ และ Hydrocephalus
3.วัดเส้นรอบศีรษะทุกวันเพื่อประเมินภาวะHydrocephalus
บริหารแขนขา/ เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
Hydrocephalus ภาวะน้ำคั่งใน โพรงสมอง
สาเหตุ
การอุดกั้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง
ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสันหลัง
การสร้างหรือการผลิตน้ำไขสันหลังมากผิดปกติ
อาการและอาการแสดง
หนังศีรษะบางและมองเห็นหลอดเลือดดำที่บริเวณใบหน้าหรือศรีษะโป่งตึงเห็นชัดมากกว่าปกติ
เสียงเคาะกะโหลกเหมือนหม้อแตก
เด็กเล็กพบว่ากระหม่อมหน้าโป่งตึงกว่าปกติ
อาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ศรีษะโต/ หัวบาตร
ตาทั้ง 2 ข้างกรอกลงข้างล่าง
รีเฟลกซ์ และ tone ของขา2 ข้าง ไวกว่าปกติ
ตาพล่ามัว เห็นภาพซ้อน
พัฒนาการทั่วไปช้ากว่าปกติ
หมายถึง
subarachnoid space มากกว่าปกติ
ทำให้เกิดความดันภายในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น
ภาวะที่มีการคั่งของน้ำไขสันหลังในกะโหลกศีรษะบริเวณเวนติดเคิล ( ventricle)
การรักษา
ผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำไขสันหลัง (Shunt)
ผ่าตัดรักษาสาเหตุ
Ventriculo-peritoneal Shunt (V-P Shunt)
การให้ยาลดการสร้างน้ำไขสันหลัง (Diamox)
อาการแสดงของภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงจากการอุดตันท่อระบายน้ำไขสันหลัง หรือมีเลือดออกใต้ชั้นดูรา :no_entry:
ม่านตาขยายและมีปฏิกิริยาต่อแสงช้า
ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
อาการซึม ไม่ดูดนม อาเจียน
กระหม่อมหน้าโป่งตึงหรือกระดูกกะโหลกศีรษะแยก
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
ปัญหาที่ 2 อาจเกิดแผลกดทับบริเวณศีรษะ
1.จัดให้นอนบนที่นอนนุ่มๆ ใช้หมอนนุ่มรองศีรษะไหล่
เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
2.รักษาความสะอาดของผิวหนัง
3.จัดปูที่นอนให้เรียบตึง
4.ตรวจสอบประเมินการเกิดแผลกดทับสม่ำเสมอ
ปัญหาที่ 3 อาจเกิดภาวะขาดสารน้ำและอาหารเนื่องจากการสำรอกอาเจียนหรือดูดนมได้น้อยการพยาบาล
1.ดูแลให้รับนมน้ำครั้งละน้อยๆโดยแบ่งให้บ่อยครั้ง
2.ขณะให้นมอุ้มท่าศีรษะสูงเสมอ
3.หลังให้นมจับเรอไล่ลม
ปัญหาที่ 1 อาจเกิดความดันในกะโหลกศีรษะสูงจากการคั่งของน้ำไขสันหลัง
1.ประเมินอาการความดันในกระโหลกศีรษะสูง
2.วัดเส้นรอบวงศีรษะทุกวันเวลาเดียวกัน
3.จัดท่านอนศีรษะสูง 15-30 องศา
การพยาบาลระยะหลังผ่าตัด
จัดท่านอนเพื่อป้องกันการกดทับลิ้นของท่อทางเดินน้ำไขสันหลัง
วัด/บันทึก V/sและประเมินอาการทางระบบประสาท อาการแทรกซ้อน
ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัด ตามแผนการรักษา
วัดเส้นรอบท้อง หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมงแรก เพื่อประเมินประสิทธิภาพการดูดซึมน้ำไขสันหลังที่ระบายมาจากเวนตริเคล
วัดเส้นรอบวงศีรษะทุกวัน เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของท่อระบายน้ำไขสันหลัง
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง
โรคสมองพิการ (Cerebral Palsy)
คือ
เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับท่าทางการทรงตัวการเคลื่อนไหว (motor disorders)
ความบกพร่องของสมองส่วนที่ใช้ควบคุมกล้ามเนื้อ
สาเหตุ
ระยะคลอด
สมองขาดออกซิเจน คลอดยาก รกพันคอ คลอดท่าก้น การใช้คีมดึงเด็ก
ระยะหลังคลอด
ได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ
ขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ
การติดเชื้อบริเวณสมอง
ได้รับสารพิษ
ตัวเหลืองเมื่อแรกเกิด
ระยะก่อนคลอด
เลือดออกทางช่องคลอดของมารดาช่วงระหว่างการตั้งครรภ์เดือนที่6-9
ขณะตั้งครรภ์ขาดสารอาหา
มารดามีภาวะชักหรือมีภาวะปัญญาอ่อน
คลอดก่อนกำหนด
มารดาขณะตั้งครรภ์มีการใช้ยาบางชนิดหรืออุบัติเหตุต่างๆ
อาการและอาการแสดง
กลุ่มเกร็ง (Spastic)
มีกล้ามเนื้อเกร็ง เคลื่อนไหวได้ช้า
ทำให้ควบคุมกล้ามเนื้อ คอ ลำตัว และแขน ขาไม่ได้
กลุ่มเคลื่อนไหวผิดปกติ (Dystonia)
ไม่สามารถควบคุมให้อยู่นิ่งๆ
จะมีการแสดงสีหน้า คอบิด แขนงอ หรือเหยียดเปะปะ ทั้งพูดลำบาก กลืนลำบาก
อาจมีการกระตุกอย่างรวดเร็ว คล้ายอาการขว้างลูกบอล
การรักษา
การให้ยาคลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ diazepam,baclofen
การทำกายภาพบำบัดของกล้ามเนื้อแขน ขา หรือลำตัว
การให้ early stimulation เพื่อให้สมองส่วนต่างๆที่ไม่มีความเสียหายได้พัฒนา
การแก้ไขความผิดปกติของการรับรู้ที่สำคัญ
การแก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น
การให้คำแนะนำผู้ปกครองในการดูแลเด็กในชีวิตประจำวันและส่งเสริมให้เด็กฝึกทักษะการใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตามความสามารถและศักยภาพอย่างเหมาะสม
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.การเคลื่อนไหวของร่างกายบกพร่องเนื่องจากมีความบกพร่องของระบบประสาท
2.ขาดการดูแลตนเองเนื่องจากความบกพร่องทางด้านร่างกาย
3.ได้รับสารอาหารน้อยกว่าความต้องการของร่างกายเนื่องจากปัญหาการให้อาหารและความบกพร่องทางร่างกาย
4.มีความบกพร่องในการสื่อสารด้วยวาจาเนื่องจากสูญเสียการได้ยิน/ระบบประสาทบกพร่อง
5.เสี่ยงต่อพัฒนาการช้ากว่าวัย/มีพัฒนาการช้ากว่าวัยเนื่องจากความบกพร่องของระบบประสาท
การพยาบาลเด็กที่มีอาการชัก
ชักจากไข้สูง (Febrile convulsion)
ชนิด
simple febrile seizure
complex febrile seizure
สาเหตุ
เด็ก ชักเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส
ติดเชื้อในระบบต่างๆ
สัมพันธ์กับการมีไข้ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อของระบบประสาท
อาการและอาการแสดง
ตัวร้อน หน้าแดง มึนงงสับสน กระสับกระส่าย ร้องกวน มีอาการชักลักษณะการชักอาจจะตัวแข็งหรือตัวอ่อน ชักเกร็งหรือกระตุก ไม่รู้สึกตัว :warning:
การรักษา
ระยะที่กำลังมีอาการชัก
กรณีที่มีการชักเกิน 5 นาที ต้องทำให้หยุดชักเร็วที่สุด โดยให้ยาระงับอาการชัก :!: เช่น diazepam
2.ให้ยาลดไข้ ร่วมกับ เช่น ตัวลดไข้ (เน้นขณะชักห้ามให้ยาชนิดรับประทาน)
ระยะหลังชัก
ซักประวัติตรวจร่างกายโดยละเอียด
ให้ยาป้องกันการชัก รับประทานทุกวันนาน 1-2 ปี เช่น Phenobarbital , Depakine
*การพยาบาล
:!!:
วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
2.เช็ดตัวลดไข้ (tepid sponge)และให้ยาลดไข้
3.จัดท่านอนตะแคงศีรษะต่ำกว่าลำตัว ดูดเสมหะถ้ามีเสมหะ
ไม่ผูกยึดเด็กหรือจับเด็กขณะมีอาการชักเพราะอาจเกิดข้อไหล่หลุดหรือกระดูกหัก
5.ไม่ใส่ไม้กดลิ้นเข้าปากเด็กเพราะอาจทำให้ฟันหักและฟันที่หักอาจตกลงไปในลำคอเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ
ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขณะมีอาการชัก
สังเกตและบันทึกระยะเวลาของการชักลักษณะการซัก
โรคลมชัก (Epilepsy)
คือ
ชักขึ้นซ้ำๆ อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไป
เกิดจาก
-รอยโรคในเนื้อสมองและสมอง
-คลื่นไฟฟ้าของสมองถูกปล่อยออกมาเป็นจำนวนมาก
อาการชักจะเกิดเพียง 2- 3 นาทีแล้วจะเป็นปกติ
ชักนานเกิน 10 นาทีแล้วไม่หยุดเองและไม่ได้รับการรักษามักจะกลายเป็นภาวะชักต่อเนื่อง(Status epilepticus)
ชนิดของอาการชัก (Classification of seizure)
Generalized seizure
1.1 Tonic seizure เกร็งแข็ง ล้มลงถ้ายืนอยู่
1.2 Clonic seizure มีการกระตุกเป็นจังหวะที่ช้ากว่า myoclonic
1.3 Tonic clonic seizure (Grand mal) มีการเกร็งก่อนแล้วมีการกระตุกตาม
1.4 Atonic seizure มีการสูญเสียความดึงตัวของกล้ามเนื้อ
1.5 Myoclonic seizure มีการหดตัวของกล้ามเนื้อเป็นระยะสั้นๆ
1.6 Absence seizure (Petit mal) มีตากระพริบหรือตากระตุก
1.7 Infantile spam ในเด็กเล็กตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี คือ งอศีรษะ ลำตัว แขนขา เข้าหากันช่วงระยะสั้นๆ แล้วคลายออกคล้ายสะดุ้ง
Partial seizure
เกิดจากซีกหนึ่งซีกใดของสมอง มีลักษณะการชักเฉพาะที่ ขึ้นอยู่กับบริเวณสมองที่คลื่นไฟฟ้าสมอง
2.1 Simple partial seizure มีการกระตุกหรือชาของแขนขา หน้า คอ ประมาณ 5-10 วินาที
2.2 Complex partial seizure การชักที่มีอาการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
2.3 Partial seizure evolving to secondary generalize seizure มีความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมองเฉพาะที่แล้วกระจายทั่วสมองทั้ง 2 ข้างโดยมีอาการของ simple partial seizure หรือ complex partial seizure แล้วมีอาการชักเกร็งและ/หรือกระตุกทั่วทั้งตัว
Unclassified epileptic seizure เป็นชนิดที่ไม่สามารถจัดกลุ่มได้
การวินิจฉัย
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง(electroencephalography : EEG)
เพื่อจำแนกชนิดของโรคลมชัก และทำให้ทราบตำแหน่งของสมองที่มีความผิดปกติ
การรักษา
ให้ Diazepam ทางหลอดเลือดดำ
ถ้าผู้ป่วยเด็กยังไม่หยุดชักภายใน 2-5 นาที ให้ diazepam 0 2-0.4 มก.กก.ซ้ำ
ถ้า 5 นาทียังไม่หยุดซักให้ phenytoin 20 มก./กก.ผสม 0.9% NSS
จับชีพจรและวัดความดันโลหิต ภายหลังจากให้ยาแล้ว 20-30 นาที
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน เนื่องจากการชักเป็นเวลานาน
2.เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากมีอาการชัก
3.บิดามารดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชักของผู้ป่วยเด็ก
4.บิดามารดาขาดความรู้ในการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคลมชัก
ไข้สมองอักเสบ (Encephalitis)
คือ
Virus encephalitis
Primary viral encephalitis
ไวรัสที่นำโดยแมลง โดยเฉพาะไข้สมองเจอี หรือ Japanese encephalitis virus ไวรัสเริม ไวรัสโรคพิษสุขนัขบ้า
Secondary viral encephalitis
เช่น ไวรัสหัด ไวรัสหัดเยอรมัน ไวรัสอีสุกอีใส ไวรัสคางทูม รวมทั้งวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
อาการและอาการแสดง
ภาวะสมองบวม
จาก เชื้อไวรัสทำให้เกิดการคั่งของ lymphocyte ในเนื้อและเยื้อหุ้มสมอง
อาการเริ่มแรกมักเกิดอย่างเฉียบพลัน
โดยเริ่มมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดบริเวณต้นคอมาก คอแข็ง อาเจียน หายใจไม่สม่ำเสมอ ซึมลง การเคลื่อนไหวผิดปกติ บางรายอาจมีอาการชัก
การวินิจฉัย
ตรวจน้ำไขสันหลัง
การรักษา
การให้ยาดังนี้
ยากันชัก เช่น Phenoberbital
ยาที่ลดอาการบวมของสมอง ได้แก่ ยาสเตียรอยด์ เช่น dexamethasoneยา acyclovir ทางหลอดเลือดดำในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเริม (herpes simplex virus) ให้ทางหลอดเลือดดำ
ยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะ
เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน
การป้องกัน
การฉีดวัคซีน การฉีดป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อโรคหรือพาหะ เช่น ป้องกันไม่ให้ยุงกัด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1.อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมองเนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ/สมองอักเสบ
2.อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมองเนื่องจากภาวะความดันในสมองสูง
3.อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมองเนื่องจากภาวะพร่องออกซิเจน
4.อาจเกิดภาวะขาดสมดุลของสารน้ำ อิเล็คโทรลัยท์และสารอาหาร
อาจเกิดอันตรายจากการชักเนื่องจากไข้สูง
6.มีความไม่สุขสบายปวดศีรษะจากการมีการระคายเคืองที่เยื้อหุ้มสมอง
7.บิดามารดามีความกลัวและวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของบุตร
ที่มารูปภาพ :
https://www.mun.ca/biology/scarr/MGA2-11-17_Down.html
Spina bifida occulta
Meningocele
Myelomeningocele
การรักษาด้วย Shunt
ที่มารูปภาพ
https://dict.drkrok.com/hydrocephalus/
ที่มารูปภาพ
http://symbol-funny.paoloemartina.it/symbol-funny-parts/vp-shunt-diagram
นางสาวพิชามญชุ์ เชิงทวี
เลขที่ 59 รหัสนักศึกษา 62111301061
ชั้นปีที่ 2 รุ่นที่ 37