Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นหอบหืด - Coggle Diagram
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นหอบหืด
สาเหตุ
สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบแต่เชื่อว่า มีการกระตุ้น mass cell ให้มีการหลั่ง histamine ทำให้มีการหดเกร็งของหลอดลม เยื่อบุหลอดลมบวม มีเสมหะมากขึ้น ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก โดยการกระตุ้น อาจเกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกาย (extrinsic) เช่น การแพ้เกสรดอกไม้ อาหาร ยา ขนสัตว์ เป็นต้น จากปัจจัยภายในร่างกาย (intrinsic) เช่น พันธุกรรม การติดเชื้อทางเดินหายใจ การใช้ยาบางอย่าง รวมทั้งความเครียด ความกลัว ความโกรธ ทำให้มีการหายใจเร็ว ตื้น เกิดการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ กระตุ้นพาราซิมพาเทติควากัส ทำให้หลอดลมมีการหดเกร็งได้
คามหมาย
โรคหอบหืด (asthma) หมายถึงภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังของท่อหลอดลมส่วนแขนงปอด (bronchi) หลอดลมฝอย (bronchioles) และมีการตีบแคบหรืออุดตันของทางเดินหายใจทำให้มีการหายใจออกลำบากมากกว่าการหายใจเข้าแน่นหน้าอกและขาดออกซิเจน
อาการและอาการแสดง
หายใจลำบาก มีเสียง wheezing อาจมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นช่วยในการหายใจ เช่น กล้ามเนื้อที่ไหล่หรือคอ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการอุดกั้นทางเดินหายใจอย่างรุนแรง มีอาการไอ หายใจเร็ว ชีพจรเร็ว เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย
การประเมินและการวินิจฉัย
**1.การซักประวัติ
**
ประวัติการเป็นโรคหอบหืด การแพ้ยา สารเคมี อาหารหรือสิ่งต่างๆ เช่น การแพ้เกสรดอกไม้ อาหาร ยา ขนสัตว์ เป็นต้น ประวัติการใช้ยาหรือเคยมีอาการและอาการแสดงของโรคหอบหืด
2.การตรวจร่างกาย
จะพบชีพจรเต้นเร็ว หายใจเร็ว หายใจลำบาก มีเสียง wheezing หรือ ตรวจครรภ์จะพบขนาดของมดลูกน้อยกว่าอายุครรภ์
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก ผลการเพาะเชื้อจากเสมหะหรือการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
การป้องกันและการรักษา
1.หาสาเหตุหรือปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดอาการของโรค เช่น การติดเชื้อ การสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมเหล่านั้น
2.ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ โดยรักษาค่าออกซิเจนในเลือด ให้มากกว่า 60 mmHg แต่เนื่องด้วย O2 saturation มากกว่าร้อยละ 95 ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและให้ corticosteroid
3.การให้ยาขนายหลอดลม ยาที่นิยมใช้และมีความปลอดภัยสูง คือ terbutaline และ isoproterenol แต่เนื่องด้วย terbutaline มีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูก ดังนั้นในระยะคลอดควรให้ oxytocin เสริม ส่วน isoproterenol ใช้ควบคุมโรคที่มีอาการรุนแรงได้ดี แต่อาจทำให้ทารกผิดปกติได้ จึงไม่ควรใช้ในระยะยาว
4.ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการของโรคไม่รุนแรง สามารถให้การดูแลเช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์ปกติ
5.ในระยะคลอดควรให้ยาระงับปวดชนิด non-histamine releasing nacrotic เช่น fentanyl ไม่แนะนำ meperidine หรือ morphine และในรายที่จำเป็นต้องให้ยาระงับความรู้สึก ควรใช้ epidural แทน general anesthesia เพราะการใส่ท่อจะกระตุ้นให้หลอดลมหดเกร็ง
ผลของโรคหอบหืดต่อการภาวะสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์
ผลต่อมารดา ได้แก่ แท้ง อัตราการตายสูงขึ้น (30-60 %) ในรายที่มี status asthmaticus คือ อาการรุนแรงจนไม่มีการตอบสนองต่อการรักษา เสี่ยงต่อภาวะความดันหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น pneumothorax หรือ cardiac arrhythmias และมีการหยุดหายใจจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนล้า
ผลต่อทารก ได้แก่ การคลอดก่อนกำหนด น้ำแรกแรกเกิดน้อย เสียชีวิตในครรภ์หรืออัตราการตายปริกำเนิดสูงขึ้น รวมทั้งทารกที่เกิดจากมารดาเป็นโรคหอบหืด มีโอกาสเป็นโรคหอบหืดในภายหลังสูงกว่าทารกที่เกิดจากมารดาปกติ 2-4 เท่า
การพยาบาลมารดาและทารกที่มีปัญหาสุขภาพ
ระยะตั้งครรภ์
1.หลีกเลี่ยงจากปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการของโรคหอบหืด
2.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยเลือกวิธีที่เหมาะสมและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
3.เฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ด้วยการรักษาร่างกายให้อบอุ่น ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้หรือสัมผัสบุคคลที่เป็นหวัด สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ มีเสมหะ หายใจลำบาก
4.รายที่มีอาการหอบหืดและใช้ยารักษา ควรให้คำแนะนำเรื่องการใช้ยา ถ้าใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว
5.แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์นับการดิ้นของทารกในครรภ์ทุกวัน เพื่อประเมินภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์
6.รายที่อาการของโรคกำเริบ ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลควรดูแล ดังนี้
6.1 ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ เช่น จัดให้นอนท่าศีรษะสูงหรือให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
6.2 ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์พักผ่อนอย่างเพียงพอ จัดสิ่งแวดลิอมให้สะอาดและสงบ
6.3 ดูแลให้ได้รับยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะหรือยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
6.4 ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะการหายใจและสังเกตอาการหายใจลำบาก
6.5 สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ เสมหะมีสีเขียวหรือเหลือง หายใจลำบากหรือมีการใช้กล้ามเนื้อไหล่และคอ
ช่วย ในการหายใจ เยื่อบุหรือสีผิวเขียวคล้ำ เป็นต้น ถ้ามีอาการควรรายงานแพทย์
6.7 ดูแลความสะอาดของร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อของร่างกาย
6.8 ช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการอ่อนเพลีย หายใจเหนื่อยหอบมาก
ระยะคลอด
1.ผู้คลอดที่อาการของโรคไม่รุนแรงให้ดูแลเช่นเดียวกับผู้คลอดปกติทั่วไป เน้นเรื่องการสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการหายใจลำบาก หายใจมีเสียง wheezing
2.เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพทั้งของมารดาและทารกให้พร้อมใช้ พร้อมทั้งรายงานกุมารแพทย์
ระยะหลังคลอด
ดูแลรักษามารดาหลังคลอดได้รับยารักษาโรคไข้เลือดออกอย่างต่อเนื่อง
การจัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการส่งเสริมการพักผ่อน
หลังคลอดปกติทั่วไปเน้นการป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาในขณะที่มี IgA สูง