Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาทางนีโอพลาสซึมNursing Care of the Child with…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาทางนีโอพลาสซึมNursing Care of the Child with Hematologic and Neoplasm
Leukemia
มะเร็งเม็ดเลือดขาว คือ โรคมะเร็งของระบบโลหิต ซึ่งมีการแบ่งตัวของเม็ดเลือดขาวผิดปกติ ทำให้เกิดมีจำนวนเม็ดเลือดขาวมาก ลักษณะของเม็ดเลือดขาวส่วนใหญ่เป็นเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนซึ่งไม่เจริญเต็มที่ เซลล์มะเร็งเหล่านี้จะไปอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และมีภูมิคุ้มกันต่ำ เนื่องจากเซลล์ไม่สามารถทำงานได้เหมือนเซลล์ทั่วไปพบได้ในเด็กทุกอายุจนถึงอายุ 15ปี อายุเด็กที่พบได้บ่อยที่สุดคือ 4-6ปี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 1.76: 1
สาเหตุ:
ไม่ทราบแน่ชัด ปัจจัยส่งเสริมคือ รังสี ยาหรือสารเคมีบางอย่าง กรรมพันธุ์ และการติดเชื้อ ผู้ที่มีความผิดปกติของโครโมโซม เช่น Down ‘syndrome มีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้น 20เท่า
การแบ่งชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีทั้งชนิดเฉียบพลัน (Acute) และชนิดเรื้อรัง (Chronic) ชนิดที่พบบ่อยในผู้ป่วยเด็กเป็นชนิดเฉียบพลัน การแบ่งชนิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวตามกลุ่ม FAB (French-American-British Cooperative working group) ได้แบ่งตามลักษณะรูปร่างของ Lymphoblast ได้เป็น 2ชนิดดังนี้
1.Acute lymphoblastic leukemia :ALL พบได้มากในเด็กประมาณร้อยละ 70 –75 ไขกระดูกจะมี Lymphoblast มากกว่าร้อยละ 5 หรือเมื่อรวม Lymphoblast กับ Lymphocyte มากกว่าร้อยละ 40 โดยแบ่งตามลักษณะรูปร่างของ Lymphoblast อีก 3 ชนิดคือ L1, L2 และ L3
Acute Non -lymphoblastic leukemia (ANLL) หรือ Acute Myeloid Leukemia (AML) พบในเด็กประมาณร้อยละ 25 –30
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดนี้จะพบว่าไขกระดูกจะมี myeloblast, monoblastหรือ non –lymphoblas
t มากกว่าร้อยละ 5หรือมีเซลล์ตัวอ่อนทั้งหมดรวมกันมากกว่าร้อยละ 30
พยาธิภาพ
เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวเกิดจากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell)ในไขกระดูก เมื่อเม็ดลือดขาวซึ่งเป็นตัวอ่อน (Blast cell)เกิดขึ้นก็จะถูกส่งเข้ากระแสเลือด ไปสะสมในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆในร่างกาย ผลจากการสร้างเซลล์ตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก ทำให้ไขกระดูกทำงานผิดปกติ คือ มีการสร้างเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดลดลง รวมทั้งการสร้างเม็ดเลือดขาวที่ปกติก็ลดลงทำให้มีภาวะซีดเนื่องจากมีจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากมีเม็ดเลือดขาวต่ำ อาจมีเลือดออกง่ายเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นมักจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อและมีเลือดออก นอกจากนี้ตรวจพบ ตับม้ามและต่อมน้ำเหลืองโต และพบว่ามีการเพิ่มของความดันในสมองเมื่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวกระจายไปยังระบบประสาทอัตโนมัติ
อาการและอาการแสดง
-อาการที่เกิดจากไขกระดูกถูกกด
1.ซีด จากการที่ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงน้อย ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว
2.เลือดออกจากการที่ไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดลดลง ได้แก่ มีจุดเลือด จ้ำเลือดบริเวณผิวหนัง เลือดกำเดาไหล ปวดท้อง ถ่ายเป็นสีดำ
3.ติดเชื้อ เช่น มีไข้ หรือแผลติดเชื้อจากการที่ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวปกติลดลง
-อาการและอาการแสดงที่เกิดจากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวลุกลามไปในอวัยวะอื่นๆ
1.ตับโต ม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโต และปวดกระดูกจากการที่เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวไปแทรกอยู่ตามเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ
2.มีอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดศีรษะ อาเจียนพุ่งจากการที่เซลล์มะเร็งแพร่ไปที่ระบบประสาทอัตโนมัติ
3.น้ำหนักลด เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
การวินิจฉัยโรค
1.ประวัติการได้รับยา รังสี หรือสารเคมีต่างๆ และประวัติการเป็นมะเร็งในครอบครัว
2.การตรวจร่างกาย ตรวจพบมีไข้ ซีด มีจุดเลือดออก และคลำได้ก้อน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ 3.1 ตรวจนับเม็ดเลือดพบว่า เม็ดเลือดขาวอาจจะมีค่าปกติ มากขึ้น หรือน้อยลงก็ได้ โดยพบเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนเป็นจำนวนมาก ค่าความเข้มข้นของเลือดลดลง จำนวนเกล็ดเลือดลดลง
3.2 ตรวจไขกระดูก พบ Blast cell ไปแทนที่ไขกระดูกปกติจำนวนมาก โดยอย่างน้อยต้องมี Blast cell มากกว่าร้อยละ 5
3.3กรวดน้ำไขสันหลังจะพบเซลล์เม็ดเลือดขาวในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไป
3.4 ตรวจดูหน้าที่ของตับและไต พบว่า Uric, BUN และ Creatinine สูง ค่าเอ็นไซม์ซึ่งแสดงหน้าที่ของตับ เช่น SGOT, LDH สูง 3.5 ภาพรังสีทรวงอก มักพบ Mediastinal mass พบมีการเว้าแหว่งของกระดูก
•การรักษา
-โดยใช้ยาเคมีบำบัด : การชักนำให้โรคสงบ ให้การรักษาเข้มข้น การป้องกันการเกิดมะเร็งเม็ดเชือดขาวใน CNS การรักษาเพื่อให้โรคสงบอยู่ต่อไป การหยุดการรักษา
-การปลูกถ่ายไขกระดูก
-การรักษาแบบประคับประค
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เนื่องจากมีเม็ดเลือดแดงต่ำจากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวเข้าไปกดการทำงานของไขกระดูก
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากภูมิต้านทานของร่างกายลดลงจากไขกระดูกถูกกดการทำงานทำให้สร้างเม็ดเลือดขาวลดลง และผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัด
เสี่ยงต่อการมีเลือดออกง่าย เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำจากไขกระดูกถูกกดการทำงานจากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวลุกลามเข้าไปในไขกระดูก และจากการได้รับยาเคมีบำบัด
ภาวะโภชนาการเปลี่ยนแปลงได้รับสารอาหารน้อย เนื่องจากมีการเผาผลาญอาหารมากขึ้นจากการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีเยื่อบุในปากอักเสบ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน จากการได้รับยาเคมีบำบัด
Lymphoma
Malignant Lymphoma หมายถึง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ในต่อมน้ำเหลืองผิดปกติ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาของอวัยวะในระบบน้ำเหลือง โดยทั่วไปพบในผู้ใหญ่ > เด็ก แบ่งเป็น 3กลุ่ม
-Hodgkin’s Disease (HD)พบน้อยในเด็ก รักษาหายขาดได้ ด้วยเคมีบำบัดและ/ฉายรังสี
-Non-Hodgkin’s Lymphoma (NHL) พบบ่อยที่สุดในเด็ก
-Burkitt’s Lymphoma
สาเหตุ : ไม่ทราบแน่นอน แต่พบว่าภาวะติดเชื้อไวรัส Ebstein-Bar Virus (EBV) ทำให้เป็น Burkitt’s Lymphoma, ได้รับยากดภูมิเป็นระยะเวลานาน
พยาธิสภาพ : ตำแหน่งที่พบบ่อย คือ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ (Cervical Lymph Node)
อาการและอาการแสดง
-Hodgkin’s Disease มีการต่อมน้ำเหลืองโตมาเป็นปี ไม่มีอาการเจ็บปวด
-Non-Hodgkin’s Disease มีอาการรวดเร็วและรุนแรงกว่า Hodgkin มักมา รพ.เมื่อมีการกระจายไปทั่วร่างกายแล้ว อาจมีก้อนที่ช่องท้อง ช่องทรวงอก หรือในระบบประสาท
-Burkitt’s Lymphoma มีลักษณะพิเศษ คือ มีต้นกำเนิดจาก B-cell (B Lymphocyte) มีการแทรกกระจายในเนื้อเยื่อ มีก้อนเนื้องอกโตเร็วมากมักพบเฉพาะที่ เช่น ช่องท้อง รอบกระดูกขากรรไกร
การแบ่งระยะของโรค
Stage I : เป็นกับต่อมน้ำเหลืองต่อมเดียว หรือ กลุ่มเดียว
Stage II : เป็นกับหลายต่อมน้ำเหลือง แต่อยู่ด้านเดียวกับกระบังลม
Stage III : เป็นกับต่อมน้ำเหลืองสองทั้งข้างของกระบังลม หรือเป็นที่ต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะอื่นอีก 1แห่ง
Stage IV : เป็นที่อวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ทั้งในต่อมน้ำเหลือง และนอกต่อมน้ำเหลือง เช่น ตับ ปอด ไขกระดูก ระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น
การรักษา ขึ้นกับระยะของโรค
-Stage I, II, III ให้รังสีรักษาเป็นหลักและถ้าผู้ป่วยกลับมาอีกครั้งจะให้เคมีบำบัด หรืออาจให้เคมีบำบัดสลับกับรังสีรักษา หรือเคมีบำบัดและทำการปลูกถ่ายไขกระดูก
-Stage IV จะให้ยาเคมีบำบัดเป็นหลัก ร่วมกับรังสีรักษาในบริเวณที่ก้อนโตมาก เพื่อบรรเทาอาการ
Lymphoma
03/
Wilm’stumor
หรือ Nephroblastoma หมายถึง มะเร็งของไต เป็นภาวะเนื้อไตชั้น parenchyma มีการเจริญผิดปกติ จนกลายเป็นก้อนเนื้องอกภายในเนื้อไต
สาเหตุ :ไม่แน่นอน แต่เชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อผิดปกติตั้งแต่ระยะที่ทารกเป็นตัวอ่อน (Embryo)
พยาธิสภาพ :ก้อนจะใหญ่มาก และโตเร็วอยู่ภายในเนื้อไต ฉีกขาดง่าย และลามไปหลอดเลือดในไตได้ (ปัสสาวะมีเลือดออก)
อาการและอาการแสดง : คลำพบก้อนที่ท้อง (พบบ่อย) ปัสสาวะเป็นเลือดโดยไม่เจ็บปวด ซีด ปวดท้อง มีไข้ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ความดันโลหิตสูง
การวินิจฉัย
-ซักประวัติ : ปัสสาวะเป็นเลือดสด น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
-ตรวจร่างกาย : คลำได้ก้อนที่ท้อง
-ตรวจทางห้องปฏิบัติการ : WBC ต่ำ
-ตรวจ IVP (Intravenous pyelogram) พบไตข้างที่เป็นจะใหญ่กว่าปกติ กรวยไต (Calyx) บิดเบี้ยวหรืออยู่ผิดที่ หรือพบสารที่ฉีดเข้าไปไม่ถูกขับออกมาเนื่องจากก้อนเนื่องงอกอุดกั้นอยู่
การรักษา หายได้ประมาณ 75-80% ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและการตอบสนองต่อการรักษา
-ผ่าตัดเอาก้อนออก
-รังสีรักษา
-เคมีบำบัด
Neuroblastoma
หมายถึง มะเร็งของเซลล์ประสาท ชนิดก้อนที่พบมากในเด็กเล็ก
•สาเหตุ : ไม่ทราบแน่นอน แต่สันนิษฐานว่าอาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
•พยาธิสภาพ : เกิดจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ประสาทอ่อน (Neural Crest) มักพบที่บริเวณต่อมหมวกไตชั้นเมดัลลา
•อาการและอาการแสดง
-มีก้อนที่ช่องท้อง หรือส่วนอื่นๆ เช่น ในช่องอก ก้อนบริเวณหลังลูกตา (ทำให้ความดันในลูกตาสูง ตาโปน)
-อาการทั่วไป มีไข้ น้ำหนักลด
•การวินิจฉัย
-การเจาะไขกระดูก พบเซลล์มะเร็ง มีการรวมตัวเฉพาะเรียกว่า “Rosette Formation”
-ตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบ เม็ดเลือดแดงต่ำ (ซีด) เกล็ดเลือดต่ำ
-ตรวจปัสสาวะ 24 ชม. พบสาร VMA สูง
-VMA (VanilmandelicAcid) เป็นเมตาบอไลท์ของฮอร์โมนอีพิเนฟริน (Epinephrine) และ นอร์อีพิเนฟริน (Norepinephrine) มีประโยชน์ในการช่วยวินิจฉัยโรคเนื้องอกของอะดรีนาลเมดุลลา
-IVP พบขนาดของไตข้างที่เป็นมะเร็งปกติ กรวยไตปกติ การขับสารทึบแสงออกปกติ แต่จะพบไตจะถูกดันต่ำลงมา
มีภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจน เนื่องจากภาวะซีด
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกง่าย เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบต่างๆ ของร่างกายเนื่องจากภูมิต้านทานต่ำเพราะมีปริมาณเลือดขาวต่ำ
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับเลือด เช่น อาการไข้ หนาวสั่น อาการแพ้เลือด การติดเชื้อที่ปนมากับเลือด
นางสาวนิภา คงพิรุณ 6205010191