Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การตรวจร่างกายตามระบบ - Coggle Diagram

- - - - การหักของกระดูกต้นแขน ไหล่ของทารกจะเคลื่อนไหวช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวไม่ได้เลย คลำพบว่ามีรอยหักคลำได้ชัดเจนมีอาการบวมหรือบริเวณที่หัก ทดสอบ Moro Reflex จะพบว่าไม่มีการตอบสนองทารกจะเจ็บและร้องเมื่อขยับเขยื้อน
      - การพยาบาล
        
        ถ้าเป็นกระดูกหักไม่แยกจากกันไม่ต้องใส่เฝือก กระดูกหักแยกต้องใส่เฝือกชั่วคราว โดยให้ Bandage รัดแขนติดอกประมาณ 10 วัน
        
        ควรตรึงบริเวณที่หักให้อยู่กับที่ทิ้งไว้ 7-10 วัน เมื่อกระดูกติดกันก็จะเป็นปกติ
    - - Grasping reflex โดยใช้นิ้วมือของผู้ตรวจสอบสอดเข้าไปอุ้งมือทารก ทารกจะกำนิ้วมือผู้ตรวจสอบแน่น
    - - Erb-Duchenne Paralysis เกิดจากเส้นประสาทไขสันหลังระดับคอที่ 5, 6 (C 5, 6)
        
        ต้นแขนตก แขนจะหันเข้าข้างใน (adduction) หัวไหล่หมุนเข้าข้างใน (internal rotation) ข้อศอกเหยียดออก แขนส่วนล่างอยู่ในท่าคว่ำ ข้อมืองอ ทำให้มือแบไปข้างหลัง ตรวจไม่พบ Moro reflex แต่ยังมี Grasping reflex
        
        การพยาบาล
        
        จัดแขนของทารกให้อยู่ท่ายอมแพ้ (Abduction 90
        degree/external rotation of shoulder/flexion elbow 90 degree) ไม่ให้เคลื่อนไหวเป็นพัก ๆ
      - Klumpke's Paralysis เกิดจากเส้นประสาทไขสันหลังระดับคอที่ 7, 8 และช่องทรวงอกที่ 1 (C7, 8 และ T1) ได้รับอันตราย
        
        การพยาบาล
        
        ให้คำปรึกษาแก่พ่อแม่ของทารกเพื่อลดความ
        วิตกกังวลแนะนำให้นวดแขนทำ active/passive exercise ในช่วง 3-6 เดือน
        
        อาการไม่ดีขึ้นแพทย์อาจพิจารณาทำผ่าตัด neuroplasty
        
        อาการแสดงจะพบว่ากล้ามเนื้อมือเป็นอัมพาต ทำให้งอมือและกำมือไม่ได้ Grasp Reflex จะหายไป
    - - ทดสอบได้โดยการหมุนหัวไหล่เข้าหากัน (adduction) หมุนหัวไหล่ออกจากกัน (abduction) และ หมุนหัวไหล่จากบนลงล่าง (rotation)
      - ทารกมีการบาดเจ็บที่แขนหรือกระดูกไหปลาร้า มักพบร่วมกับการบาดเจ็บของ brachial Plexus จึงตรวจไม่พบ moro reflex
- - - - การพยาบาล
        
        1.ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล งดการเคลื่อนไหวบริเวณที่บาดเจ็บและต้องส่งปรึกษาศัลยแพทย์กระดูก
        
        2.รักษาการตรึงกระดูกให้เข้าที่ อาจใช้ traction หรือการเข้าเฝือกชั่วคราวในท่ายกขาทับหน้าท้อง และไม่ให้ขาเคลื่อนไหว 2-4 สัปดาห์
    - - 1.ชนิดเท้าบิดเข้าด้านใน ( talipes varus )
      - 2.เท้าปุกชนิดเท้าบิดออกด้านนอก(talipes valgus)
      - 3.เท้าปุกชนิดเท้ากระดกขึ้น หัวแม่เท้ายันกันพื้น ส่วนส้นเท้าลอยสูงกว่า
        พื้น(talipes equinus)
      - 4.เท้าปุกชนิดเท้ากระดกขึ้น หัวแม่เท้าอยู่สูงกว่าพื้น ส่วนส้นเท้ายันกับพื้น
        (talipes calcanus)
- - - - ผิดปกติ
        
        มูกสีเทานวล ๆ (mucoid discharge) ในระยะ 3 – 5 วันหลังเกิด
        
        มีเลือด (bloody discharge) ออกมาด้วยคล้ายเลือดประจำเดือนเรียกว่า pseudomenstruation
        
        มีส่วนของ hymen ยาวยื่นออกมาจาก valva เป็นรูปคล้ายหางเต่าเรียกว่า hymenal tag
    - - ผิดปกติ
        
        ภายใน 2 เดือนหลังคลอดภาวะที่ลูกอัณฑะไม่อยู่ในถุงเรียกว่า Undescended testis หรือ Cryptorchism พบในทารกคลอดก่อนกำหนด
      - จากการตรวจลูกอัณฑะ
        
        ถุงข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างบวมใหญ่เป็นถุงน้ำตึง(hydrocele) จะหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์
      - ตรวจดูส่วนปลายขององคชาติถ้าพบว่าปิดแน่น เรียกว่า physiologic phimosis
        
        ผิดปกติ
        
        รูเปิดท่อปัสสาวะเปิดด้านล่าง เรียกว่า hypospadia
        
        รูเปิดท่อปัสสาวะเปิดด้านบนเรียกว่า epispadia
        
        การรักษา
        
        ผ่าตัดแก้ไข
- - - - กระดูกสันคด (scoliosis)
        
        พบให้รายงานแพทย์แพทย์อาจพิจารณาใส่เฝือกหรือแล้วแต่กรณี
      - ดูว่ามี spina bifida หรือไม่
      - กระดูกสันหลังโค้ง (kyphosis)
        
        พบให้รายงานแพทย์แพทย์อาจพิจารณาใส่เฝือกหรือแล้วแต่กรณี
    - - ถ้าพบมีน้ำซึมออกมาต้องรีบรายงานแพทย์ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อ
- - - - รอยประสานของกระดูกกะโหลกศีรษะ ตำแหน่งถูกต้องหรือไม่
    - - มีก้อนนูน เกิดจากการเกยกันของกระดูกกะโหลกศีรษะ
    - - เกิดจากมีน้ำคั่งอยู่ในชั้นเยื่ออ่อนของหนังศีรษะ(scalp) มีลักษณะกดแล้วบุ๋ม (Pitting edema)
    - - มีขอบเขตชัดเจนไม่ข้ามแนว suture เป็นก้อนค่อนข้างตึง กดไม่บุ๋ม
- - - - ก่อนตรวจต้องคำนึงถึงความอบอุ่น ความสะอาดของมือผู้ตรวจและอุปกรณ์การตรวจ รวมถึงแสงสว่าง ต้องตรวจภายใต้เครื่องให้รังสีความอบอุ่น (radiant warmer) และการตรวจที่ทำให้ทารกร้องต้องทำทีหลัง
        
        การหายใจ
        
        ต้องดูเป็นอันดับแรกว่าหายใจปกติหรือไม่ ปกติโดยทั่วไปทารกจะหายใจภายใน 2 – 3 วินาที หลังเกิด การหายใจต้องสม่ำเสมอไม่เกิน 60 ครั้ง/นาที เฉลี่ย 40 ครั้ง/นาที
        
        การเต้นของหัวใจ
        
        ประเมินโดยใช้ stethoscope ฟังบริเวณหน้าอกข้างซ้าย เพื่อนับอัตราการเต้นของหัวใจปกติประมาณ 120 – 160 ครั้ง/นาที ในทารกแรกเกิดปกติอาจฟังได้ยินเสียง murmur แต่จะเป็นอยู่ชั่วคราวเท่านั้น
        
        Apgar score
    - - จำเป็นต้องวัดขนาดรูปร่างของทารก ทำความสะอาดร่างกายต่อไปและบันทึกสิ่งที่ตรวจพบ ดังรายละเอียด ดังนี้
        
        1.ชั่งน้ำหนัก และวัดความยาวลำตัว วัดรอบศีรษะ-รอบอก
        
        2.ทำความสะอาดร่างกาย ส่วนที่ไม่สะอาด เช่น รูหู ซอกแขน ซอกคอ ขาหนีบ และอวัยวะสืบพันธุ์ ห่อตัวทารกด้วยผ้าอุ่นสวมหมวกไหมพรมเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้วให้เรียบร้อย
        
        3.การบันทึกสิ่งที่ตรวจพบ การบันทึกสิ่งที่ตรวจพบในครั้งแรกของทารกแรกเกิด เป็นข้อมูลที่สำคัญ ต้องระบุรายละเอียด ลักษณะและกำกับสิ่งที่ตรวจพบตามอายุเป็นชั่วโมงว่าพบเมื่อใด เพราะทารกแรกเกิดมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว