Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท, น.ส.จุฑารัตน์ เอกเกษตรสิน เลขที่ 14…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท
การชักจากไข้สูง (Febrile convulsion)
มีความสำคัญกับไข้ เนื่องจากสมองของเด็กมีความไวต่ออุณหภูมิ
แบ่งเป็น 2 ชนิด
simple febrile seizure การชักทั้งตัว ไม่เกิดซ้ำ และมักเกดไม่เกิน 15 นาที
complex febrile seizure เป็นการชักเฉพาะที่ และมักเกิดซ้ำๆ
อาการและอาการแสดง
ตัวร้อน กระสับกระส่าย มีอาการชักเกร็ง กระตุก ไม่รู้สึกตัว
การรักษา
ระยะที่กำลังชัก
กรณีเกิน 5 นาที ต้องทำให้หยุดชัก โดยให้ยาระงับอาการ เช่น diazepam
ให้ยาลดไข้ ร่วมกับยากันชัก ห้ามให้ยาชนิดทาน
ระยะหลังชัก
ซักประวัติตรวจร่างกายอย่างละเอียด ให้ยาป้องกันการชัก รับประทานทุกวันนาน 1-2 ปี
การพยาบาล
1.วัดสัญณาญชีพทุก 4 ชม.
2.เช็ดตัว และให้ยาลดไข้
3.จัดท่านอนตะแคงศีรษะต่ำ ดูดเสมหะถ้ามี
4.ไม่ผูกยึดในขณะที่เด็กมีอาการชัก
5.ไม่ใส่ไม้กดลิ้นเข้าปากด็ก
6.ระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขณะชัก
7.สังเกตุและบันทึกระยะเวลา และลักษณะของการชัก
โรคลมชัก (Epilepsy)
อาการชักที่เกิดขึ้นซ้ำๆ อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไป โดยไม่สัมพันธ์กับอาการมีไข้ เกิดเพียง 2-3 นาที ถ้านานเกิน 10 นาทีแล้วไม่หยุดเองและไม่ได้รักษาจะกลายเป็นชักต่อเนื่อง(Status epilepticus)
ชนิดของการชัก
1.Generalized seizure
Tonic seizure แข็งเกร็ง ล้มลงถ้ายืนอยู่
Absence seizure (Petit mal) ตากระพริบหรือตากระตุก
Infantile spam ตั้งแต่ 3 เดือน -2 ปีมีอาการงอศีรษะ ลำตัว แขนขาเข้าหากัน ช่วงสั้นๆคล้ายสะดุ้ง
2.Partial seizure
1.Simple partial seizure มีการกระตุกของแข ขา หน้า คอ ประมาณ 5-10 วินาที
2.Complex partial seizure การชักที่มีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
3.partial seizure evolving to secondary generalize seizure มีความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมองเฉพาะที่แล้วกระจายไปทั่วทั้งสองข้าง มีอาการชัดเกร็งหรือกระตุกทั่วทั้งตัว
3.Unclassified sezure
ไม่สามารถจัดกลุ่มได้
สาเหตุ
เกิดจากการมีรอยโรคในสมอง ทำให้คลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติ และมีผลต่ออวัวยวะต่างๆที่สมองส่วนนัั้นที่ควบคุมทำให้เกิดอาการชัก
การวินิจฉัย
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)
การรักษา
รักษาด้วยยากันชัก
1.Benzodiazepine
2.Phoenobarbital
3.Phenytoin(dilantin)
4.Valproic acid
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน จากการชักเป็นเวลานาน
2.เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากอาการชัก
3.บิดามารดาเกิดความวิตกกังวล
4.บิดาารดาขาดความรู้ในการดแลผู้ป่วยโรคลมชัก
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา พยาธิ
อาการ
มีไข้ กระสับกระส่าย เด็กโตมีความดัน=110-150mmH2O ทารก=100mmH2O
ปวดศีรษะมาก ซึมลง กระหม่อมโป่งตึง อาเจียน ชัก
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะที่สอดคล้องกับผลการเพาะน้ำเชื้อไขสันหลัง
การรักษาตามอาการ อาการชัก ยาลดอาการบวมของสมอง
ไข้สมองอักเสบ (Encephalitis)
เกิดจากเนื้อสมองผิดปกติอาจเกิดจากการติดเชื้อไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส (virus encepphalitis)
แบ่งเป็น 2 ชนิด
1.Primary viral encepphalitis
นำโดยแมลง โดยเฉพาะไข้สมองเจอี ไวรัสเริม ไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า
2.Secondary viral encephalitis
ไวรัสหัด ไวรัสหัดเยอรมัน ไวรัสอีสุกอีใส ไวรัสคางทูม
อาการและอาการแสดง
เชื้อไวรัสทำให้เกิดการคั่งของ lymphocyte ในเนื้อสมองและเยื่อหุ้มสมองทำให้เกิดภาวะสองบวม ทำให้สมองสูญเสียหน้าที่
การวินิจฉัย
ตรวจน้ำไขสันหลังพบว่าน้ำไขสันหลังใส ไม่มีสี มีเม็ดเลือดขาว 10-1000 เซลล์/ลบ.มล. ส่วนใหญ่เป็น lymphocyte ความดันของน้ำไขสันหลังสูงกว่า 180 มม.น้ำเล็กน้อย
การรักษา
1.ยากันชัก เช่น Phenoberbital ยาที่ลดอาการบวมของสมอง ได้แก่ ยาสเตียรอยด์
2.ยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน
การป้องกัน
1.การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อโรคหรือพาหะ เช่นป้องกันไม่ให้ยุงกัด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมองเนื่องจากเยื่อหุ้มสมอง/สมองอักเสบ
2.อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมองเนื่องจากภาวะความดันในสมองสูง
3.อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมองเนื่องจากภาวะพร่องออกซิเจน
4.อาจเกิดภาวะขาดสมดุลของน้ำ อิเล็กโตรลัยท์ และสารอาหาร
5.อาจเกิดอันตรายจากการชักเนื่องจากไข้สูง
6.ไม่สุขสบายจากการปวดศีรษะจากการระคายที่เยื่อหุ้มสมอง
7.บิดามารดามีความกลัวและวิตกกังวล
Spina Bifida
ความผิดปกติของท่อระบบประสาทที่เจริญไม่สมบูรณ์ ทำให้รอยต่อของกระดูกสันหลังไม่เชื่อมติดกัน พบได้ในแนวไขสันหลัง
สาเหตุ
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่อาจเกิดจากมารดาติดเชื้อไวรัสในขณะตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก และมารดาที่อายุน้อยเกินไป
การรักษา
การตัดเย็บถุงที่ยื่นออกมา
การพยาบาล
อาจเกิดการติดเชื้อเนื่องจากถุงน้ำแตก
จัดท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำ ไม่นุ่งผ้าอ้อม
ดูแลถุงน้ำให้ชุ่มชื้น ระวังไม่ให้เกิดแผล
หมั่นตรวจสอบการฉีกขาด รั่ว
ประเมินการติดเชื้อ
อาจเกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากการคั่งของน้ำปัสสาวะ
ทำ crede' manuever ทุก 2-4 hr
ทำความสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย
ให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา
กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงจากการกดเบียดเส้นประสาทไขสันหลัง
ทำ Passive Exercise ให้ผู้ป่วย
สอนผู้ปกครองในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
สังเกตอาการอ่อนแรงของแขนขา การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
การพยาบาลหลังผ่าตัด
มีโอกาสติดเชื้อบริเวณหลังผ่าตัดได้ง่ายจากการปนเปื้อนอุจจาระปัสสาวะ
จัดท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำ ไม่นุ่งผ้าอ้อม
ดูแลทำความสะอาดแผล
ดูแลให้ยา Antibiotic / Check V/S
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
วัดสัญญาณชีพทุก 2-4 ชม.
เฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ แผลติดเชื้อ และ Hydrocephalus
วัดเส้นรอบศีรษะทุกวันเพื่อประเมินภาวะ Hydrocephalus
บริหารแขนขา / เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ
Dawn's Syndrome
สาเหตุ
ความผิดปกติของโครโมโวมคู่ที่ 21
โอกาสเสี่ยงสูงถ้ามารดาอายุมากกว่า 30 ปี และจะสูงขึ้นชัดเจนถ้าอายุมากกว่า 35 ปี
อาการและอาการแสดง
กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก (hypotonia)
หัวแบนกว้าง (Brachiocephaly)
คอสั้นและผิวหนังด้านหลังของคอค่อนข้างและนิ่ม
หูติดต่ำ
มือกว้าง และสั้น ร่องระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้กว้าง
เส้นรายนิ้วมือมักพบ ulnar loop มากกว่าปกติ และพบ distal triradius ในฝ่ามือ
dypothyroidism
พัฒนาทางด้านร่างกายช้า หัวใจพิการแต่กำเนิด
การติดเชื้อ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจนั้นเกิดง่ายกว่าเด็กทั่วไป
การรักษา
กระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการให้เหมาะสมตามวัย
รักษาโรคทางกายอื่นๆที่มีร่วมด้วย คืออโรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจอุดกั้น
การให้คำปรึกษาแนะนำด้าานสุขภาพ
โรคสมองพิการ (Cerebral Palsy)
ความบกพร่องของสมองส่วนที่ใช้ควบคุมกล้ามเนื้อทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการทรงตัว การเคลื่อนไหว
สาเหตุ
ระยะก่อนคลอด
การมีเลือดออกทางช่องคลอดของแม่ช่วงเดือนที่ 6-9 แม่ขาดสารอาหาร แม่มีภาวะชัก การเกิดก่อนกำหนด การเกิดน้ำหนักตัวน้อย หรือแม่ได้รับอุบัติเหตุขณะตั้งครรภ์
ระยะคลอด
สาเหตของสมองพิการร้อยละ30 ได้แก่ สมองขาดออกซิเจน ได้รับอันตรายจากการคลอด คลอดยาก รกพันคอ
ระยะหลังคลอด
สมองพิการร้อยละ5 ได้แก่การได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ การติดเชื้อบริเวณสมอง
อาการและอาการแสดง
กลุ่มเกร็ง (Spastic)
กล้ามเนื้อเกร็ง เคลื่อนไหวช้า ควบคุมกล้ามเนื้อคอ ลำตัว แขน ขาไม่ได้
กลุ่มเคลื่อนไหวผิดปกติ (Dystonia)
ไม่สามารถควบคุมให้อยู่นิ่งๆ จะมีการแสดงสีหน้า คอบิด แขนงอ หรือเหยียดเปะปะ
การรักษา
1.ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น diazepam, baclofen
2.การทำกายภาพบำบัด
3.การให้ early stimulation เพื่อไม่ให้สมองส่วนอื่นเสียหาย
4.การแก้ไขความผิดปกติของการรับรู้
5.แก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น
6.ให้คำแนะนำกับผู้ปกครองในการดูแล และส่งเสริมการฝึกทักษะต่างๆ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.การเคลื่อนไหวของร่างกายบกพร่องเนื่องจากมีความบกพร่องของระบบประสาท
2.ขาดการดูแลตนเองเนื่องจากความบกพร่องของร่างกาย
3.ได้รับสารอาหารน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย
4.มีความบกพร่องในการสื่อสารเนื่องจากสูญเสียการได้ยิน
5.เสี่ยงต่อการพัฒนาการช้า / มีพัฒนาการช้า
Guillain Barre's Syndrome
กลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการบวมอักเสบของระบบประสาทส่วนปลายหลายๆเส้นอย่างเฉียบพลัน
อาการและอาการแสดง
1.Sensation
เริ่มมีอาการเหน็บชา เจ็บ และปวดโดยเฉพาะปลายแขน ปลายขา ไหล่ สะโพก และโคนขา
2.Motor
กล้ามเนื้ออ่อนแรงทั้งสองข้างสมดุลกัน อาการอัมพาตในGBS จะเริ่มที่ต้นขา เดินลำบาก และจะลุกลามขึ้นที่แขน ขาและลำตัวด้านบน รวมไปถึงกล้ามเนื้อทรวงอก
3.อาการของประสาทสมอง
โดยเฉพาะส่วนใบหน้าประสาทสมองคู่ที่7(facial nerve) พบความผิดปกติบ่อยที่สุด มีอัมพาตของหน้า ปิดตาและปากไม่สนิท คู่ที่9,10 ผู้ป่วยจะมีอาการกลืน พูด และหายใจลำบาก
4.อาการลุกลามของประสาทอัติโนมัติ
ส่วน medulla oblongata ที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะสำคัญและเส้นประสาท vagus เกิดความผิดปกติร่วมด้้วย ได้แก่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตไม่คงที่ เหงื่อออก ปัสสาวะคั่ง
การรักษา
1.การรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่าพลาสมา (Plasma Exchange)
2.การรักษาด้วย Intravenous Immunglobulin(IVIG)
วินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดการหายใจไม่เพียงพอจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรงเฉียบพลัน
เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารจากการไม่สามารถช่วยเหลือตนเองจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงสมบูรณ์
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหว
ทุกข์ทรมานจากอาการปวดกล้ามเนื้อ
หลักการพยาบาลในระยะเฉียบพลันและต่อเนื่อง
check vital sign โดยเฉพาะ RR
ให้ออกซิเจน
ติดตามประเมินการเคลื่อนไหว กำลังของกล้ามเนื้อ การรับรู้สัมผัส
ดูแลปัญหาการขาดสารอาหาร
สังเกตอาการปวดตามกล้ามเนื้อ
ประคับประคองด้านจิตใจ
Hydrocephalus
สาเหตุ
1.การผลิตน้ำไขสันหลังมากกว่าปกติ
2.การอุดกั้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง
3.ความผิดปกติในการดูดซับน้ำไขสันหลัง
ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง หมายถึงภาวะที่มีน้ำไขสันหลังคั่งในกระโหลกศีรษะบริเวณ ventricle
อาการและอาการแสดง
1.ศีรษะโต
2.กระหม่อมหน้าโป่งตึงกว่าปกติ
3.หนังศีรษะบางและมองเห็นหลอดเลือดบริเวณใบหน้า
4.เสียงเคาะกระโหลกเหมือนหม้อแตก - ไม่นิยมเคาะ
5.อาการแสดงของความดันในกระโหลกศีรษะสูง
6.ตาทั้งสองข้างเหลือกลงล่าง
7.รีเฟล็กซ์และtone ของขาทั้งสองข้างไวกว่าปกติ
8.พัฒนาการช้ากว่าปกติ - ชันคอไม่ได้
การวินิจฉัย
Transillumination test
Ventriculography
CT scan
Ultrasound
Head Cricumference
การรักษา
ผ่าตัดรักษาสาเหตุ
ผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำไขสันหลัง
Ventriculo-peritoneal Shunt (V-P Shunt)
ต่อสายระบายออกมาที่ช่องท้อง
เยื่อหุ้มหัวใจ - ไม่นิยม
ท่อปัสสาวะ - ไม่นิยม
การให้ยาลดการสรางน้ำไขสันหลัง
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
ปัญหาที่ 1 อาจเกิดความดันในกระโหลกศีรษะจากการคั่งของน้ำไขสันหลัง
1.ประเมินอาการความดันกระโหลกศีรษะสูง
อาการ ซึมลง ไม่ดูดนม อาเจียนพุ่ง ร้องไห้เสียงแหลม
2.วัดเส้นรอบศีรษะทุกวัน เวลาเดียวกัน
3.จัดท่านอนศีรษะสูง 15-30 องศา
ปัญหาที่ 2 อาจเกิดแผลกดทับบริเวณศีรษะ
จัดท่านอนในที่นอนนุ่มๆ มีหมองรองไหล่ เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ และที่นอนต้องเรียบตึง
ประเมินการเกิดแผลกดทับสม่ำเสมอ
ปัญหาที่ 3อาจเกิดภาวะขาดน้ำ และสารอาหาร เนื่องจากการอาเจียน และดูดนมได้น้อย
ให้ได้รับนมครั้งละน้อยๆ และบ่อยครั้ง ขณะใกห้นมให้อุ้มศีรษะสูง หลังให้นมให้จับเรอไล่ลม
การพยาบาลระยะหลังผ่าตัดทางเดินของท่อไขสันหลัง
1.จัดท่านอนเพื่อป้แงกันการกดทับลิ้นของท่อทางเดินน้ำไขสันหลัง
นอนตะแคงหรือนอนราบหันหน้าไปด้านตรงกันข้าม
2.สังเกตและบันทึกอาการและอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
3.ป้องกันการติดเชื้อ
4.ป้องกันการเกิดความดันในกระโหลกศีรษะสูง
5.วัดเส้นรอบท้องหลังจากผ่าตัด 24 ชั่วโมงแรก
6.วัดเส้นรอบศีรษะทุกวัน เวลาเดิม
น.ส.จุฑารัตน์ เอกเกษตรสิน เลขที่ 14 รหัสนักศึกษา 62111301015