การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา
ทางระบบประสาท

ชักจากไข้สูง (Febrile convulsion)

Guillain Barre ‘s Syndrome

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)

Hydrocephalus

ไข้สมองอักเสบ (Encephalitis)

สไปนา ไบฟิดา (Spina Bifida)


ชนิด

simple febrile seizure

complex febrile seizure

สาเหตุ

อาการและอาการแสดง

การพยาบาล

เด็กจะตัวร้อน หน้าแดง มึนงงสับสน กระสับกระส่าย ร้องกวน มีอาการชักลักษณะการชักอาจจะตัวแข็งหรือตัวอ่อน ชักเกร็งหรือกระตุก ไม่รู้สึกตัว

ภาวะชักจากไข้สูงเกิดจากการติดเชื้อในระบบต่างๆ เด็กจะมีอาการชักเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส

  1. วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง

2.เช็ดตัวลดไข้ (tepid sponge)และให้ยาลดไข้

3.จัดท่านอนตะแคงศีรษะต่ำกว่าลำตัว ดูดเสมหะถ้ามีเสมหะ

  1. ไม่ผูกยึดเด็กหรือจับเด็กขณะมีอาการชักเพราะอาจเกิดข้อไหล่หลุดหรือกระดูกหัก

5.ไม่ใส่ไม้กดลิ้นเข้าปากเด็กเพราะอาจทำให้ฟันหักและฟันที่หักอาจตกลงไปในลำคอเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ

  1. ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขณะมีอาการชัก
  1. สังเกตและบันทึกระยะเวลาของการชักลักษณะการซัก

โรคลมชัก (Epilepsy)

การรักษา

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

สาเหตุ

เกิดจากการมีรอยโรคในเนื้อสมอง การมีรอยโรคในสมองทำให้เซลล์ประสาทหลั่งคลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติออกมาและไปมีผลต่ออวัยวะต่างๆที่สมองส่วนนั้นควบคุมทำให้เกิดอาการชักตามมา

ให้ Diazepam 0.2-0.4 มก./กก./นาที ทางหลอดเลือดดำ ถ้าผู้ป่วยเด็กยังไม่หยุดชักภายใน 2-5 นาที ให้ diazepam 0 2-0.4 มก.กก.ซ้ำอีกครั้ง

2.เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากมีอาการชัก

3.บิดามารดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชักของผู้ป่วยเด็ก

1.เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน เนื่องจากการชักเป็นเวลานาน

4.บิดามารดาขาดความรู้ในการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคลมชัก


ถ้า 5 นาทียังไม่หยุดซักให้ phenytoin 20 มก./กก.ผสม 0.9% NSS ให้ทางหลอดเลือดดำด้วยความเร็วไม่เกิน 1 มก./กก./นาที โดยจับชีพจรและวัดความดันโลหิต ภายหลังจากให้ยาแล้ว 20-30 นาที

สาเหตุ

อาการและอาการแสดง

เชื้อไวรัส (Viral หรือ Asepitc meningitis)

พยาธิ (Eosinophilic meningitis)

เชื้อแบคทีเรีย (Bacterial meningitis)

เชื้อรา (Fungal memingitis)

การรักษา

อาการที่แสดงว่ามีการติดเชื้อ เช่น มีไข้

ปวดศีรษะมาก ซึมลง กระหม่อมโป่งตึง อาเจียน ชัก

อาการแสดงของการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง

คอแข็ง (Stiffness of neck)

Kernig’s sign ได้ผลบวก

Brudzinski’s sign ได้ผลบวก

รักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ ให้ยานอนหลับ ให้ยากันชัก ให้ยาลดอาการบวมของสมอง ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ

อาจต้องเจาะคอหรือใช้เครื่องช่วยหายใจในรายที่มีปัญหาการหายใจหรือหมดสติ

ให้ยาปฏิชีวนะที่สอดคล้องกับผลการเพาะเชื้อน้ำไขสันหลังที่เป็นสาเหตุ

การป้องกัน ควรฉีดวัคซีน เช่น Hib vaccine , JE vaccine,BCG

โรคสมองพิการ(Cerebral Palsy)

อาการและอาการแสดง

การรักษา

เนื้อสมองผิดปกติอาจเกิดจากการติดเชื้อไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส (Virus encephalitis)

มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดบริเวณต้นคอมาก คอแข็ง อาเจียน

หายใจไม่สม่ำเสมอ ซึมลง การเคลื่อนไหวผิดปกติ บางรายอาจมีอาการชัก

การคั่งของ lymphocyte ในเนื้อสมองและเยื้อหุ้มสมองทำให้เกิดภาวะสมองบวม ทำให้สมองสูญเสียหน้าที่

การป้องกัน

ให้ยา

ยากันชัก เช่น Phenoberbital

ยาที่ลดอาการบวมของสมอง

ยาสเตียรอยด์ เช่น dexamethasoneยา acyclovir ทางหลอดเลือดดำในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเริม (herpes simplex virus)

ให้ยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน

ฉีดวัคซีน ป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี

เลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อโรคหรือพาหะ เช่น ป้องกันไม่ให้ยุงกัด

อาการและอาการแสดง

การรักษา

ความบกพร่องของสมองส่วนที่ใช้ควบคุมกล้ามเนื้อทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับท่าทางการทรงตัวการเคลื่อนไหว (motor disorders)

กลุ่มเกร็ง (Spastic)

กลุ่มเคลื่อนไหวผิดปกติ (Dystonia)

ไม่สามารถควบคุมให้อยู่นิ่งๆ จะมีการแสดงสีหน้า คอบิด แขนงอ หรือเหยียดเปะปะ

มีกล้ามเนื้อเกร็ง เคลื่อนไหวได้ช้า ขาอาจมีอาการมากกว่าแขน

พูดลำบาก กลืนลำบาก อาจมีการกระตุกอย่างรวดเร็ว คล้ายอาการขว้างลูกบอล

ให้ early stimulation เพื่อให้สมองส่วนที่ไม่มีความเสียหายได้พัฒนา

แก้ไขความผิดปกติของการรับรู้ที่สำคัญ

ทำกายภาพบำบัดของกล้ามเนื้อแขน ขา หรือลำตัว

แก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น

ให้คำแนะนำผู้ปกครองในการดูแลเด็กในชีวิตประจำวัน

การให้ยาคลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ diazepam,baclofen

ส่งเสริมให้เด็กฝึกทักษะการใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตามความสามารถและศักยภาพอย่างเหมาะสม

กลุ่มอาการดาวน์ (Down ’s syndrome)

    ภาวะที่มีการคั่งของน้ำไขสันหลังในกะโหลกศีรษะบริเวณเวนติดเคิล ( ventricle) ของสมองและ subarachnoid space มากกว่าปกติน้ำไขสันหลังที่คั่งในปริมาณมากจะทำให้เกิดความดันภายในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น

สาเหตุ

การสร้างหรือการผลิตน้ำไขสันหลังมากผิดปกติ

การอุดกั้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง

ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสันหลัง

อาการและอาการแสดง

ศรีษะโต/ หัวบาตร (cranium enlargement)

เด็กเล็กที่กระหม่อมยังไม่เปิดพบว่ากระหม่อมหน้าโป่งตึงกว่าปกติ(fontanelle bulging )

หนังศีรษะบางและมองเห็นหลอดเลือดดำที่บริเวณใบหน้าหรือศรีษะโป่งตึงเห็นชัดมากกว่าปกติ(enlargement & engorgement of scalp vein)

เสียงเคาะกะโหลกเหมือนหม้อแตก (macewensige Cracked pot sound)

ตาทั้ง 2 ข้างกรอกลงข้างล่าง setting -sun sign

พัฒนาการทั่วไปช้ากว่าปกติ(delay developement)

การรักษา

ผ่าตัดรักษาสาเหตุ

ผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำไขสันหลัง (Shunt)

Ventriculo-peritoneal Shunt (V-P Shunt)

ให้ยาลดการสร้างน้ำไขสันหลัง (Diamox)

การพยาบาล

ก่อนผ่าตัด

หลังผ่าตัด

อาจเกิดแผลกดทับบริเวณศีรษะ

เกิดภาวะขาดสารน้ำและอาหาร

ความดันในกะโหลกศีรษะสูง

ประเมินอาการความดันในกระโหลกศีรษะสูง

รักษาความสะอาดของผิวหนัง

ดูแลให้รับนมน้ำครั้งละน้อยๆโดยแบ่งให้บ่อยครั้ง

จัดท่านอนศีรษะสูง 15-30 องศา

วัดเส้นรอบวงศีรษะทุกวันเวลาเดียวกัน

จัดปูที่นอนให้เรียบตึง

จัดให้นอนบนที่นอนนุ่มๆ ใช้หมอนนุ่มรองศีรษะไหล่เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ

ตรวจสอบประเมินการเกิดแผลกดทับสม่ำเสมอ

ขณะให้นมอุ้มท่าศีรษะสูงเสมอ

หลังให้นมจับเรอไล่ลม

สังเกตและบันทึกอาการและอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนหลังทำผ่าตัด

วัดและบันทึกสัญญาณชีพและประเมินอาการทางระบบประสาท

จัดท่านอนเพื่อป้องกันการกดทับลิ้นของท่อทางเดินน้ำไขสันหลัง

ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัด ตามแผนการรักษา

พลิกตะแคงตัวและเปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ

ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง

วัดเส้นรอบท้อง หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมงแรก

วัดเส้นรอบวงศีรษะทุกวัน เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของท่อระบายน้ำไขสันหลัง

สาเหตุ

การพยาบาล

เป็นความผิดปกติของท่อระบบประสาทที่เจริญไม่สมบูรณ์ ทำให้รอยต่อของกระดูกสันหลังไม่เชื่อมติดกัน ความผิดปกติที่พบได้ที่แนวไขสันหลัง

สาเหตุที่แท้จริง ยังไม่ทราบแต่อาจเกิดจากมารดามีการติดเชื้อไวรัสในขณะตั้งครรภ์ ในระยะ 3 เดือนแรก ภาวะทุพโภชนาการและมารดาที่อายุน้อยหรือมากเกินไป

อาจเกิดการติดเชื้อ เนื่องจากถุงน้ำแตก

อาจมีการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ

มีกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงจากการกดเบียดเส้นประสาทไขสันหลัง

จัดท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำ

ไม่นุ่งผ้าอ้อม

ดูแลถุงน้ำให้ชุ่มชื่น ระวังไม่ให้เกิดแผล

หมั่นตรวจสอบการฉีกขาด รั่ว

ประเมินการติดเชื้อ

ทำ Crede’manuever ทุก 2-4 hr

ทำความสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย

ให้ยา Antibiotic ตามแผนการรักษา

สอนผู้ปกครองในการกระตุ้นการ เคลื่อนไหวของผู้ป่วย

สังเกตอาการอ่อนแรงของแขนขา การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ


ทำ Passive Exercise ให้ผู้ป่วย

มีโอกาสติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้ง่ายจากการปนเปื้อนอุจจาระปัสสาวะ

เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

จัดท่านอนตะแคงหรือคว่ำไม่นุ่งผ้าอ้อม

ดูแลทำความสะอาดแผล

ดูแลให้ยา Antibiotic / check V/S

เฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ แผลติดเชื้อ และ Hydrocephalus

วัดเส้นรอบศีรษะทุกวันเพื่อประเมินภาวะHydrocephalus

วัดสัญญาณชีพ ทุก 2-4 hr

บริหารแขนขา/ เปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ

โอกาสเสี่ยงจะสูงขึ้นถ้ามารดามีอายุมากกว่า 30 ปี และจะสูงขึ้นชัดเจนมากถ้าอายุมากกว่า 35 ปี

อาการและอาการแสดง

เป็นความผิดปกติทางโครโมโซมคู่ที่ 21

การรักษา

คอสั้นและผิวหนังด้านหลังของคอค่อนข้างมากและนิ่ม

กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก (hypotonia)

ปากอ้าและลิ้นมักจะยื่นออก และมีรอยแตกที่ลิ้น

มือกว้างและสั้น มักจะมี simian crease

การเจริญเติบโตและพัฒนาการทางเพศช้า

หัวใจพิการแต่กำเนิด

ความผิดปกติเกี่ยวกับหู เช่น ช่องรูหูเล็ก มีปัญหาการได้ยิน

การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการให้เหมาะสมตามวัยตั้งแต่อายุยังน้อย(early stimulation)

การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการให้เหมาะสมตามวัยตั้งแต่อายุยังน้อย(early stimulation)

การให้คำปรึกษาแนะนำด้านพันธุกรรม

วินิจฉัยการพยาบาล

การรักษา

กลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการบวมอักเสบของระบบประสาทส่วนปลายหลายๆเส้นอย่างเฉียบพลัน (Polyradiculoneuropathy) ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการติดเชื้อในร่างกาย

เสียงต่อการขาดสารอาหารจากไม่สามารถช่วยตนเองจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างสมบูรณ์

เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหว จากกล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้สูญเสียความสามารถในการดูแลตนเอง

เสี่ยงต่อการเกิดการหายใจไม่เพียงพอจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรงอย่างเฉียบพลัน

ทุกข์ทรมานจากอาการปวดกล้ามเนื้อ

ขาดการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นๆจากไม่สามารถพูดได้

ผู้ป่วยและญาติกลัว วิตกกังวล ท้อแท้ กับอาการของโรคที่เป็นจากการขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการปฏิบัติตัว

การรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายพลาสมา (Plasma Exchange หรือ Plasmapheresis)

การรักษาด้วย Intravenous Immunglobulin (IVIG) เป็นการรักษาที่สะดวกและง่ายกว่า และมีความเสี่ยงน้อย

การรักษาแต่เนิ่นๆ ภายใน2-4 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีอาการครั้งแรกจะสามารถช่วยชีวิตได้เร็วขึ้น

นางสาวอติกานต์ ภูกองไชย เลขที่101 รหัส 62111301104