Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 7 การพยาบาลผู้คลอดที่ทำสูติศาสตร์หัตถการ - Coggle Diagram
บทที่ 7 การพยาบาลผู้คลอดที่ทำสูติศาสตร์หัตถการ
1.การชักนำการคลอด
ความหมาย
การทำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการเจ็บครรภ์จริงตามธรรมชาติ เพื่อให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงเมื่อ
อายุครรภ์มากกว่า 28 สัปดาห์
หรือ
ทารกมีน้าหนักตั้งแต่ 1,000 กรัมขึ้นไป
ข้อบ่งชี้
ถุงน้ำแตกก่อนกาหนด (premature rupture of membranes : PROM)
ตั้งครรภ์เกินกำหนด (post term pregnancy)
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (intrauterine growth restriction : IUGR)
การติดเชื้อในถุงน้้ำคร่ำ (chorioamnionitis)
ทารกเสียชีวิต
มารดาเป็นโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคความดันโลหิตสูง
มารดาที่มีประวัติการเจ็บครรภ์และคลอดเฉียบพลัน (precipitate labor and birth) หรืออาศัยอยู่ห่างจากโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการคลอดที่ไม่มีผู้ดูแลช่วยเหลือ
ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการชักนำการคลอด
อายุครรภ์
ไม่ว่าจะเป็นการชักนำการคลอดด้วยวิธีใดก็ตาม โอกาสสำเร็จจะสูงขึ้นเรื่อยๆตามอายุครรภ์ เพราะยิ่งใกล้ครบกำหนดคลอดมากเท่าไหร่ prostaglandin ในธรรมชาติก็ยิ่งมีมากขึ้น
จำนวนครั้งของกำรตั้งครรภ์และการคลอด
ในการตั้งครรภ์ครั้งหลังๆเมื่อเปรียบเทียบกับการตั้งครรภ์ครั้งแรก ปากมดลูกมักจะมีการเปิดขยายอยู่บ้างแล้ว ทาให้ง่ายต่อการเจาะถุงน้าคร่าทาให้มีการสร้าง prostaglandin มากขึ้น
รูปร่างผู้คลอด
พบว่า ผู้คลอดที่ผอม สูงมีโอกาสที่จะคลอดบุตรสำเร็จจากการชักนำการคลอดมากกว่า ผู้คลอดที่อ้วนมีอัตราการผ่าตัดคลอดมากกว่า เนื่องจากล้มเหลวในการชักนำการคลอดในทำนองเดียวกันผู้คลอดที่มีรูปร่างสูง หรือมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อย มีโอกาสที่จะคลอดบุตรได้ จากการชักนำการคลอดมากกว่าผู้คลอดที่มีรูปร่างเตี้ย หรือมีค่าดัชนีมวลกายสูงกว่า
น้ำหนักของทำรกในครรภ์
ถ้าน้าหนักทารกในครรภ์ < 4,000 กรัมมีโอกาสจะคลอดบุตรสาเร็จจากการชักนาการคลอดมากกว่า
ความพร้อมของปากมดลูก (cervical readiness)
การเคลื่อนต่ำของส่วนนำ จากการตรวจภายในซึ่ง Bishop ได้นำผลการตรวจสภาพของส่วนนำ และปากมดลูกมาประเมินเป็นคะแนน ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการทำนายความสาเร็จของการชักนำการคลอด คะแนนที่สูงบ่งบอกถึงความเหมาะสมของสภาพปากมดลูก ที่พร้อมจะเข้าสู่การคลอด
คะแนนต่ำกว่า หรือ=4 คะแนน แสดงว่าปากมดลูกไม่พร้อมต่อการคลอด การชักนำการคลอดอาจไม่ประสบความสำเร็จ
คะแนนตั้งแต่ 9 คะแนนจากคะแนนเต็ม 13 คะแนน แสดงว่าปากมดลูกพร้อมต่อการคลอด การชักนาการคลอดมีโอกาสประสบความสาเร็จสูง
วิธีการชักนำ
การชักนำการคลอดโดยใช้หัตถการ (surgical methods or mechanical technique)
1.1 การเลาะถุงน้ำคร่ำ (stripping of the membranes)
การเซาะแยกถุงน้ำโดยการใช้นิ้วมือใส่เข้าไปในปากมดลูกจนอยู่เหนือ internal os จากนั้นทำการหมุนนิ้วเป็นวงไปรอบๆเพื่อทำให้ถุงน้ำเกิดการแยกชั้นของ fetal membrane ออกจาก decidua จะทำให้หลั่ง prostaglandin จากถุงน้าและปากมดลูก
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย ได้แก่ การติดเชื้อ มีเลือดออก หรือตกเลือด โดยเฉพาะรายที่มีรกเกาะต่า ถุงน้าคร่าแตก
1.2 การเจำะถุงน้ำคร่ำ (amniotomy, artificial rupture of the membranes : ARM)
การใช้เครื่องมือปราศจากเชื้อใส่เข้าไปในช่องคลอดขณะตรวจภายใน สอดเข้าไปในปากมดลูกอย่างน้อย 2 ซม. และเจาะถุงน้ำคร่าให้แตกออก เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเมื่อทำในรายที่มีค่า Bishop score > 6 คะแนนขึ้นไป และเมื่อการเจ็บครรภ์เข้าสู่ระยะ active phase กลไกที่ทำให้เกิดการเจ็บครรภ์
ภาวะแทรกซ้อน
สายสะดือย้อย หรือสายสะดือพลัดต่า (prolapsed cord)
สายสะดือถูกกดทับ (cord compression)
การติดเชื้อในถุงน้าคร่า (chorioamnionitis) ในรายที่เจาะถุงน้าคร่านานอย่างน้อย 18 Hr.
ภาวะเลือดออกจากรกเกาะต่า (placenta previa)
รกลอกตัวก่อนกาหนด (abruptio placenta)
เลือดออกเพราะเจาะถูกเส้นเลือดที่ขวางอยู่ที่ถุงน้าคร่า (vasa previa)
ภาวะน้าคร่าอุดกั้นในหลอดเลือด (amniotic fluid embolism)
ทารกในครรภ์ได้รับบาดเจ็บจากการเจาะน้าคร่า
การช่วยเจาะถุงน้ำคร่ำ
วิธีเจาะถุงน้ำคร่ำ
• อธิบายให้มารดาทราบ
• ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ก่อนเจาะถุงน้ำคร่ำ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการประเมินการเปลี่ยนแปลง
• จัดท่าให้มารดา โดยสอดหม้อนอนไว้ใต้ก้น เพื่อรองรับน้ำคร่ำ
• ช่วยสูติแพทย์เจาะน้ำคร่ำ โดยเสิร์ฟถุงมือปลอดเชื้อและสารหล่อลื่นในการตรวจภายใน
• เปิดซองเครื่องมือเจาะถุงน้าคร่า( amnihook หรือ allis forceps) และส่งให้สูติแพทย์ สูติแพทย์จะสอดนิ้วเข้าไปในช่องคลอด แล้วใช้ส่วนปลายของเครื่องมือจับและดึงถุงน้าคร่าให้แตก
• ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ซ้ำ
• ประเมินสี กลิ่น และลักษณะของน้ำคร่ำ
• ประเมินอุณหภูมิร่างกายของมารดาทุก 2 ชม.
• ประเมินอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ
การบันทึกรายงาน
• เวลาที่เจาะถุงน้ำคร่ำ
• สี กลิ่น และลักษณะของน้ำคร่ำ
• อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ก่อนและหลังการเจาะถุงน้าคร่ำ
• สภาพทั่วไปของมารดา
1.3 การกระตุ้นหัวนม ด้วยการนวด คลึงหรือดูด จะกระตุ้นให้มีการหลั่งสาร oxytocin เพิ่มขึ้นสามารถกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ได้และปากมดลูกมีความพร้อมมากขึ้นช่วยให้เกิดการคลอดภายใน 72 ชม.
1.4 การใช้บอลลูนถ่ำงขยายปากมดลูก (Balloon catheter) สามารถทำให้ปากมดลูกเปลี่ยนแปลงจนมีความพร้อมในการชักนำการคลอด ทำโดยใส่สาย foley catheter ผ่านรูปากมดลูกเข้าไปจนบอลลูนพ้น internal os แล้วใส่ NSS 30-80 ml.เข้าไปในลอลลูน จากนั้นดึงปลายด้านนอกลงเล็กน้อย เพื่อให้เกิดแรงดึงบริเวณปากมดลูก
1.5 กำรใช้ Hygroscopic dilators วิธีนี้เป็นอุปกรณ์ถ่างขยายปากมดลูกที่ทาจากสาหร่ายทะเลหรือสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำมาจากปากมดลูกทำให้แท่ง dilator มีขนาดใหญ่ขึ้นจนสามารถถ่างขยายปากมดลูก
การชักนำการคลอดโดยใช้ยา (medical methods or pharmacological technique)
2.1 Prostaglandin เป็นยาที่ช่วยทำให้ปากมดลูกนุ่มขึ้น และมีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูกน้อย
2.1.1 Prostaglandin E2 (dinoprostone) อยู่ในรูปยาสอดเข้าช่องคลอดและแบบเจล เป็นยาที่ใช้เพื่อปรับสภาพมดลูก ให้มีความพร้อมก่อนการชักนาการคลอด โดยใช้ในผู้คลอดที่มีคะแนน Bishop score <4 ทาให้ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงคือ มีการแตกของคอลลาเจนในเนื้อเยื่อปากมดลูก และมีปริมาณน้าเพิ่มมากขึ้นคล้ายกับระยะเจ็บครรภ์คลอด
ภาวะแทรกซ้อน
คลื่นไส้ อาเจีย
วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
มีไข้
ถ่ายเหลว
ไม่ควรใช้ในรายที่เป็นโรคต้อหิน โรคตับ โรคไตวาย และโรคหอบหืด
มดลูกหดรัดตัวมากกว่าปกติ จนอาจเกิดมดลูกแตก
ทำให้ทารกขาดออกซิเจนได้
2.1.2 Prostaglandin E1ที่นามาใช้คือ misoprostol, cytotec เป็นยารักษาโรคกระเพาะอาหาร แต่ได้นามาประยุกต์ใช้ในการชักนำการคลอด มีฤทธิ์ทาให้มดลูกมีการหดรัดตัว โดยการสอดเม็ดยาที่บริเวณด้านล่างของปากมดลูก
ภาวะแทรกซ้อน
มดลูกหดรัดตัวมากเกินไป จนอาจเกิดภาวะทารกขาดออกซิเจน หรือทารกตายในครรภ์ มดลูกแตก โดยเฉพาะในครรภ์หลังและเคยผ่าตัดที่ตัวมดลูก
2.2 Oxytocin( pitocin, syntocinon)การใช้ยากลุ่มoxytocin เป็น Hormone ที่ผลิตจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior pituitary gland) ช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ใช้ในการชักนำการคลอดและเร่งคลอด ในรายที่มีความก้าวหน้าของการคลอดล่าช้า
ภาวะแทรกซ้อน
อาจทำให้มดลูกหดรัดตัวมากหรือถี่เกินไป (Tachysystole) จนเกิดรกลอกตัวก่อนกำหนด มดลูกแตก น้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด ฯ
3 การให้ยา oxytocin
ฤทธิ์ของยาoxytocin คือกระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของมดลูก ทาให้มีการหดรัดตัวแรงขึ้น
วิธีการให้ยา
ผสมยา oxytocin 10 ยูนิต ในสารน้า 1,000 มล. หยดทางหลอดเลือดดำ โดยเริ่มให้อัตรา 0.5-1 มิลลิยูนิต/นาที เพิ่มขึ้น 1-2 มิลลิยูนิต/นาที ทุก 40-60 นาที
เริ่มให้อัตรา 1-2 มิลลิยูนิต/นาที และเพิ่มขึ้น 1 มิลลิยูนิต/นาที ทุก 15 นาทีจนกระทั่งมดลูกหดรัดตัวดี หดรัดตัวทุก 2-3 นาที นาน 45-60 วินาที เมื่อเพิ่มขนาดถึง 40 มิลลิยูนิต/นาที
การพยาบาล
• อธิบายให้ทราบและเข้าใจถึงวิธีการชักนำการคลอดและการเร่งคลอด
• เริ่มให้ยา โดยให้สารน้าทางหลอดเลือดดำ 1 สายและให้ยา oxytocin หยดเข้าทางหลอดเลือดดำอีก 1 สาย โดยใช้ infusion pump
• ใช้เครื่องEFM เฝ้าทารกในครรภ์ เพื่อประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์และการหดรัดตัวของมดลูกอย่างต่อเนื่อง
• ให้อัตราสูงสุดไม่เกิน 40 มิลลิยูนิต/นาที
• ประเมินและบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ ความดันโลหิตและชีพจรของมารดา ความถี่และระยะการหดรัดตัวของมดลูก
• บันทึกอัตราการให้ยาและความเข้มข้นของยา
• บันทึกกิจกรรมมารดา เช่น การเปลี่ยนท่า อาการคลื่นไส้อาเจียน และกิจกรรมการพยาบาลในขณะให้ยา
• ประเมินการเปิดขยายของปากมดลูก
• ดูแลความสุขสบาย
• บันทึกปริมาณน้ำเข้าออกจากร่างกาย
• ถ้าทารกในครรภ์มีภาวะไม่มั่นใจในความปลอดภัย (Nonreassuring FHR pattern การหดรัดตัวของมดลูกผิดปกติ เช่นถี่กว่า 2 นาที นานกว่า 60 วินาที หรือมดลูกคลายตัวไม่ดี ควรมีการปรับยาให้น้อยลงหรือหยุดให้ยา oxytocin ให้การพยาบาลเพื่อแก้ไขภาวะผิดปกติตามความเหมาะสม และรายงานสูติแพทย์
2.การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
ความหมาย
การทำคลอดทารกโดยผ่านทางผนังหน้าท้อง (laparotomy) และผนังมดลูก (hysterotomy) โดยทารกต้องสามารถมีชีวิตรอดได้ หากเป็นการผ่าตัดนำทารกออกจากช่องท้องในรายที่มดลูกแตก หรือตั้งครรภ์ในช่องท้อง หรือทารกน้ำหนัก น้อยกว่า 1,000 กรัม สำหรับในกรณีที่ผ่าตัดเช่นนั้น เราใช้คำว่า hysterotomy ซึ่งไม่รวมถึงการผ่าตัด abdominal pregnancy, rupture uterus หรือ hysterectomy ในราย abortion
ข้อบ่งชี้
1.ข้อบ่งชี้กำรผ่ำตัดคลอดโดยสมบูรณ์ (absolute indication)
เป็นข้อบ่งชี้ที่ต้องทำการผ่าตัดอย่างแน่นอน หากปล่อยให้คลอดเอง อาจมีอันตรายต่อมารดาและทารก
ข้อบ่งชี้การผ่าตัดคลอดโดยอนุโลม (relative indication)
เป็นข้อบ่งชี้ที่อาจจะผ่าตัด หรืออาจจะคลอดทางช่องคลอดก็ได้ แล้วแต่สภาวะของมารดาหรือทารก ว่าจะมีความเสี่ยงหรืออันตรายมากน้อยแค่ไหนและอย่างไร
ข้อบ่งชี้ของกำรผ่ำตัดคลอดโดยสมบูรณ์
1.การคลอดติดขัด (mechanical dystocia) หรือการคลอดไม่ก้าวหน้า (failure to progress in labor)
การผิดสัดส่วนระหว่างศีรษะทารกกับเชิงกรานมารดา
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติที่คลอดเองไม่ได้เช่นท่าขวาง ท่าหน้า ชนิด persistent mentoposterior
มีการขวางกั้นช่องทางคลอด จากก้อนเนื้องอก
มีความผิดปกติของการหดรัดตัวของมดลูก (uterine dysfunction) ที่แก้ไขไม่ได้ผล
รกเกาะต่าชนิด placenta previa , totalis,partialis
fetal distress ที่ไม่สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้โดยเร็ว
Prolapsed of umbilical cord ที่ทารกยังมีชีวิตอยู่และปากมดลูกยังเปิดไม่หมด
กระดูกเชิงกรานหักหรือมีความผิดปกติของช่องทางคลอด (อาจเป็นมาแต่กาเนิดหรือจากอุบัติเหตุ)
มะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม
7.ประวัติเคยผ่าตัดคลอดแบบ classical C/S
8.การติดเชื้อ herpes ที่อวัยวะสืบพันธุ์ในระยะคลอด
ข้อบ่งชี้ของกำรผ่าตัดคลอดโดยอนุโลม
1.มีแผลเป็นที่ผนังมดลูกมาก่อนโดยอาจเกิดจากการผ่าตัดทำคลอดจากการผ่าตัด hysterotomy หรือการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกมดลูกออก (myomectomy)
หลังการเย็บซ่อมแซมผนังช่องคลอดจาก urinary stress incontinence, genitourinary fistula
3.การตกเลือดก่อนคลอดที่อาจมีอันตรายต่อมารดาหรือทารกหากให้คลอดทางช่องคลอดเช่นรายที่รกลอกตัวก่อนกำหนด
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติบางกรณีเพราะหากปล่อยให้คลอดทางช่องคลอดอาจมีอันตรายต่อทารกสูงเช่นทารกท่าก้นที่ตัวใหญ่
ครรภ์แฝดที่ทารกไม่ได้อยู่ในท่าศีรษะทั้งคู่
โรคแทรกซ้อนทางสูติกรรมบางอย่างเช่นโรคความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ชนิดรุนแรงที่ต้องได้รับการรักษาโดยการสิ้นสุดการตั้งครรภ์แต่ปากมดลูกยังไม่พร้อม เบาหวานที่ทารกตัวใหญ่ เป็นต้น
ภาวะที่ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงที่จะเกิด fetal distress เช่น ในรายที่มีขี้เทาปนในน้าคร่ามาก เป็นต้น
ผู้คลอดที่มีประวัติคลอดยาก ทารกตายหรือพิการจากการคลอดโดยหาสาเหตุไม่ได้ ประวัติ infertility
ประเภทของการผ่าตัดคลอด
การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแบบวางแผนล่วงหน้า (elective cesarean birth) เป็นการการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อมารดามีข้อบ่งห้ามการคลอดทางช่องคลอด
รกเกาะต่่ำชนิดสมบูรณ์ (placenta previa totalis)
สูติแพทย์และมารดาตัดสินใจผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องซ้า
ติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ
การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแบบฉุกเฉิน (emergency cesarean birth) เป็นการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า มารดาจะเข้าสู่การผ่าตัดคลอด ด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากการคลอดที่ยากลาบาก มารดาจะวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเองและทารกในครรภ์
ชนิดการผ่าตัด
ชนิดของการผ่าตัดคลอดที่ผนังหน้าท้อง (abdominal incision)
1.Transverse skin incision / pfannenstiel incision การผ่าตัดบริเวณผิวหนังแนวขวาง
ข้อดีคือแผลหายเร็ว ลดความเจ็บปวดได้มากกว่า ไม่เห็นรอยแผลชัดเจน
ข้อเสียคือใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่า ทาได้ช้ากว่า และไม่สามารถเปิดแผลให้กว้างถ้าทารกตัวโต
Low vertical incision / low abdominal midline incision การผ่าตัดบริเวณผิวหนังแนวตั้ง
ข้อดีคือสะดวก รวดเร็ว เสียเลือดน้อยกว่า
ข้อเสียคือแผลแยกง่าย เมื่อแผลหายแล้วเห็นรอยแผลชัดเจน มักทาในกรณีฉุกเฉิน ทารกตัวโต
ชนิดของการผ่าตัดคลอดที่กล้ามเนื้อมดลูก (uterine incision)
Classical cesarean section คือ การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแบบดั้งเดิม โดยผ่าตามแนวตั้งที่ส่วนบนของมดลูก (upper uterine segment)
ข้อเสีย
-เสียเลือดมากกว่า เพราะผ่าตัดที่ส่วนกล้ามเนื้อหนาของมดลูก
-แผลติดไม่ดี มีอันตรายมดลูกแตกสูง เพราะแผลอยู่บริเวณซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงมาก
หลังคลอด
-แพร่การติดเชื้อได้ง่าย มีไข้สูงกว่า
-หลังคลอดมีอาการท้องอืด adhesion และ Obstruction สูงกว่า
-การเย็บแผลที่มดลูกยาวกว่า
กรณีที่ใช้การผ่าตัด
-มารดาเป็นมะเร็งที่ปากมดลูก
-รกเกาะต่าทางด้านหน้า
-ทารกอยู่ในท่าขวางโดยตรวจหา lower uterine segment ไม่ได้ชัดเจน
-มีพยาธิสภาพที่ lower uterine segment เช่น มีหลอดเลือดขอดมากหรือมีเนื้องอกที่มดลูก
-รายที่ต้องการให้คลอดโดยเร็วที่สุด เช่น ทารกอยู่ในภาวะอันตราย
-รายที่ต้องการทาหมัน และมีปัญหาสาหรับการผ่าที่ lower uterine segment
-รายที่จะตัดมดลูกตามหลังการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
Low vertical cesarean section หรือ Low segment cesarean section
2.1 Low vertical incision (Beck’s or Kronig’s) ผ่าตามแนวตั้งที่ผนังมดลูกไม่ค่อยนิยมทากันเพราะอาจมีการฉีกขาดของแผลลึกไปถึงปากมดลูกและกระเพาะปัสสาวะรวมถึงการหายของแผลไม่ดีเท่ากับการผ่าตัดตามแนวขวาง
2.2 Low transverse incision (Keer’s) ผ่าตามแนวขวางที่ส่วนล่างของผนังมดลูกแบบนี้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะการหายของแผลดีกว่าและมีโอกาสทะลุถึงกระเพาะปัสสาวะได้น้อยกว่า
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนต่อผู้คลอด
1.ขณะผ่าตัด เกิดอันตรายต่ออวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้เป็นต้น เกิดภาวะแทรกซ้อนจากยาระงับความรู้สึก เช่น สาลักเศษอาหาร ความดันโลหิตต่ำ ตกเลือด (≥1,000 มิลลิลิตร) ช็อกเป็นต้น
2.หลังผ่าตัด ลำไส้อึดแน่น (paralytic ileus) ติดเชื้อที่มดลูกหรือแผลผ่าตัด มักจะพบในรายที่มีภาวะเสี่ยง ได้แก่ โลหิตจาง ถุงน้ำคร่ำแตกนาน ได้รับการตรวจทางช่องคลอดหลายครั้งในการเจ็บครรภ์ยาวนาน ติดเชื้อของ
ภาวะแทรกซ้อนต่อทารก
ถูกมีดบาด
กระดูกหัก ข้อเคลื่อน
ทารกเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในระบบทางเดินหายใจและพร่องออกซิเจน เนื่องจากการผ่าตัดคลอดจะไม่มีแรงบีบอัดต่อทรวงอกทารกขณะผ่านหนทางคลอด ทาให้ของเหลวภายในปอดและทางเดินหายใจของทารกไม่ถูกบีบไล่ออกมา
3.การช่วยคลอดท่าก้น
ความหมาย
การช่วยเหลือให้ทารกในครรภ์ ที่ทารกเอาก้น หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของขา ผ่านสู่ช่องเชิงกรานก่อนส่วนอื่น ๆ ถือเป็นการคลอดที่ผิดปกติ
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดาและทารกท่าก้น
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดา
การฉีกขาดของหนทางคลอด มดลูกแตกจากการคลอดยาก คลอดติดขัด
ตกเลือดหลังคลอด (postpartum hemorrhage)
ติดเชื้อ พบว่าการเสียเลือดทาให้ติดเชื้อได้ง่าย
อันตรายจากการได้รับยาสลบ
ภาวะแทรกซ้อนต่อทารก
กระดูกหักและข้อเคลื่อน พบที่ข้อสะโพกและไหล่มากกว่าข้ออื่นๆ
เลือดออกในสมอง จากการดึงที่รุนแรง
ขาดออกซิเจน (asphyxia)
อันตรายต่ออวัยวะภายในช่องท้อง
แขนและไหล่เป็นอัมพาต (Erb-Duchenne paralysis) อันตรายต่อเส้นประสาท brachial (brachial plexus)
กล้ามเนื้อ sternomastoid ฉีกขาด
เส้นเอ็นเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้ลิ้นฉีกขาด (frenulum)
ประเภทของท่าก้น
Frank breech หรือ Extended breech พบมากถึงร้อยละ 70 ของท่าก้น ต้นขาของทารกจะพับแนบอยู่กับหน้าท้อง ส่วนขาจะเหยียดที่เข่าทั้งสองข้างของเท้าพาดไปบริเวณหน้าอก หรือหน้าท้องของทารกเอง
Complete breech หรือ Flexed breech พบเพียงร้อยละ 5 ทารกอยู่ในท่างอสะโพก และงอเข่าทั้งสองข้างบางทีเหมือนขัดสมาธิ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะนั่งยอง ๆ
Incomplete breech หมายถึงท่าก้นที่มีส่วนของขายื่นต่ากว่าระดับ Sacrum พบได้ร้อยละ 25
3.2 Double footling เท้ายื่นออกมาทั้ง 2 ข้าง Knee presentation สะโพกเหยียดทั้งสองข้าง แต่กลับไปงอที่เข่าเป็นส่วนลงมาก่อน อาจจะข้างเดียวหรือเข่าทั้ง 2 ข้างก็ได้
3.1 Single footling เท้ายื่นออกมาเพียงข้างเดียว