Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ปัญหาที่พบบ่อยในทารกครบกําหนด - Coggle Diagram
ปัญหาที่พบบ่อยในทารกครบกําหนด
การพยาบาลทารกที่มีภาวะกลุ่มอาการหายใจลําบาก
1.ภาวะสําลักขี้เทา(Meconium aspiration syndrome: MAS)
เป็นการสําลักเอาขี้เทาที่อยู่ในนํ้าครํ่าเข้าปอดในทารกแรกเกิด
อาการและอาการแสดง
รุนแรงน้อย ทารกจะหายใจเร็วเพื่อเพิ่ม minute ventilation อาการจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง
รุนแรงปานกลาง ทารกจะมีอาการของการกดการหายใจ คือ หายใจเร็ว ช่องซี่โครงยุบลงขณะหายใจ เขียวคลํ้า
รุนแรงมาก ทารกจะมีการหายใจล้มเหลวทันทีหลังคลอดหรือ 2-3 ชั่วโมง หลังคลอด อาจมีอาการเลือดขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง
การรักษา
ให้ใช้ลูกยางแดง ดูดทางปากและจมูกเมื่อศีรษะทารกพ้นจากช่องคลอด
ในรายที่มีขี้เทาที่เหนียวและปริมาณมากจะใส่ท่อช่วยหายใจและดูดขี้เทาออกทางท่อช่วยหายใจ
ปัญหาทางการพยาบาล
1.เนื้อเยื่อพร่องออกซิเจนเนื่องจากการสูดสําลักขี้เทา
2.มีโอกาสได้รับน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากภาวะหายใจลําบาก
4.การพยาบาลทารกที่มีภาวะอุณหภูมิกายตํ่า(Hypothermia)
เป็นภาวะที่อุณหภูมิของร่างกายทารกสูญเสียความร้อนออกจากร่างกาย 4 ทางคือ
การนําความร้อน (conduction)
การพาความร้อน (convection)
การระเหยของนํ้า (evaporation)
การแผ่รังสี (radiation)
การรักษา
การเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายอย่างช้าๆ โดยนําทารกอยู่ในตู้อบและปรับอุณหภูมิของตู้อบ
การเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายอย่างเร็ว โดยวางทารกใต้เครื่องให้ความอบอุ่นแผ่รังสี
ปัญหาทางการพยาบาล
มีภาวะอุณหภูมิกายตํ่าเนื่องจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิยังทําหน้าที่ไม่สมบูรณ์จากการเกิดก่อนกําหนด
อาการและอาการแสดง
เกิดภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่า
ออกซิเจนในเลือดตํ่า
ภาวะกรดคั่งในเลือด
ภาวะหยุดหายใจในที่สุด
6.การพยาบาลทารกที่มีภาวะตัวเหลือง(Jaundice)
ภาวะที่ร่างกายทารกมีสารกลุ่มบิลิรูบิน (bilirubin) สูงขึ้นมากกว่า5 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
แบ่งเป็น 3 ชนิด
Physiological (normal) jaundice ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดปกติพบมากกว่าร้อยละ 50 ของทารกแรกเกิดทั้งหมด
สาเหตุ อาจเกิดจากความไม่สมบูรณ์ในการทํางานของตับจึงทําให้กระบวนการในการขับบิริลูบินออกยังทําได้ช้า
. Breast milk jaundiceภาวะนี้มักเกิดในช่วงอายุ 2 – 4 วัน
เกิดจากการที่ทารกยังดูดนมได้ไม่ดีและปริมาณนํ้านม แม่ยังมีน้อย ทําให้ทารกขาดนํ้าและพลังงาน มีการขับถ่ายออกมาน้อยไปด้วย
. Pathological Jaundices ภาวะตัวเหลืองที่ผิดปกติ เกิดได้จากหลายสาเหตุ
มีการสร้างบิลิรูบินเพิ่มขึ้นกว่าปกติ :
ภาวะทารกคลอดก่อนกําหนด
ภาวะติดเชื้อในครรภ์
ตับสามารถกําจัดบิลิรูบินได้น้อยลงเนื่องจากภาวะต่างๆ
อาการและอาการแสดง
รอยจํ้าเลือดตามตัว อาจพบ petichial หรือ purpuric spot 3) ซึม
อาการตัวเหลืองมักเห็นบริเวณใบหน้าก่อน และจะเห็นชัดมากขึ้นที่ลําตัวและแขนขา
ตับหรือม้ามโต พบใน hemolytic disease of the newborn หรือทารกที่ติดเชื้อในครรภ์
การรักษา
ประเมินสัญญาณชีพทุก 2- 4 ชั่วโมง
การเปลี่ยนถ่ายเลือด
ดูแลให้ทารกได้รับนมมารดาได้เท่าที่มารดาต้องการหรือทารกต้องการ
ประเมินการได้รับสารนํ้าและดูแลให้ทารกได้รับสารนํ้าหรือนมอย่างเพียงพอเพื่อให้ทารกสามารถขับบิลิรูบินออกทางอุจจาระได้
ตรวจหาหรือติดตามผลระดับของบิลิรูบินในกระแสเลือดทุก 12 ชั่วโมง
ภาวะหายใจลําบาก หรือ อาร์ดีเอส (Respiratory Distress Syndrome : RDS)
เป็นกลุ่มอาการหายใจลําบากเนื่องจากการขยายของปอดไม่ดีจากการขาดสารลดแรงตึงผิวในถุงลมปอด
สาเหตุ ขาดสารลดแรงตึงผิว (surfactant)
อาการและอาการแสดง
หายใจลําบาก
อาการเขียว
ความดันโลหิตตํ่าทั่วร่างกาย
เสียงหายใจผิดปกติมักได้ยินเสียง(fine crepitation)
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
การตรวจทางชีวเคมี
การถ่ายภาพรังสีปอด
การตรวจร่างกาย
การรักษา
มีภาวะเนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเนื่องจากถุงลมปอดทําหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์จากการคลอดก่อนกําหนด
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับออกซิเจนความดันบวกและการรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานาน
ปัญหาทางการพยาบาล
การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว
การรักษาแบบประคับประคอง
การรักษาด้วยออกซิเจน
3.โรคปอดเรื้อรัง(Broncho Pulmonary Dysplasia; BPD)
ภาวะโรคปอดเรื้อรังที่เกิดจากเนื้อเยื่อปอดถูกทําลายจากออกซิเจนและแรงดันบวกสูงๆ เป็นระยะเวลานาน
อาการและอาการแสดง
มีอาการหายใจเร็ว หายใจแรงขึ้น
มีการดึงรั้งของกล้ามเนื้อระหว่างช่องซี่โครง และใต้ชายโครง
ระยะเวลาของการหายใจออกยาวขึ้น
การวินิจฉัย
ต้องให้ออกซิเจนต่อเนื่องเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 30 วัน
สามารถวินิจฉัยได้เมื่อหายจากโรคปอดชนิดเฉียบพลันแล้ว
การรักษา
ให้ออกซิเจน และให้ยา
การรักษาเน้นการให้สารอาหาร
ปัญหาทางการพยาบาล
ทารกมีภาวะเนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เนื่องจากถุงลมปอดทําหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์
5.การพยาบาลทารกที่มีภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่า (Hypoglycemia)
ภาวะที่ร่างกายมีระดับกลูโคสในพลาสมาตํ่ากว่า 40 มก./ดล.
อาการและอาการแสดง
ไม่มีอาการเฉพาะของภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าของทารก
หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก มือเท้าสั่น กินนมไม่ได้
หรือเกิดจากการทํางานของสมองเสีย คือ ซึม ชัก หยุดหายใจ ตัวเขียว
การวินิจฉัย
ตรวจระดับนํ้าตาลในเลือด
การรักษา
ทารกที่มีภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่า แต่ยังไม่แสดงอาการ เมื่อวินิจฉัยได้แล้ว ให้ 5% dextrose in water (5% D/W) หรือ 10% D/W
ทารกที่มีภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าและแสดงอาการทุกรายให้ 5%D/W 2 มก./กก.ทางหลอดเลือดดําโดยเร็วภายใน 1 นาที
ปัญหาทางการพยาบาล
มีโอกาสเกิดภาวะชักเนื่องจากนํ้าตาลในเลือดตํ่า
7.การพยาบาลทารกที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด(Sepsis)
ทารกแรกเกิดที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดที่มีอาการและอาการแสดงให้เห็น และเพาะเชื้อในเลือดขึ้น
สาเหตุ
เชื้อกรัมบวกรูปกลมและกรัมบวกรูปแท่ง
การวินิจฉัย
การซักประวัติ รวมทั้งประวัติการเจ็บป่วย
การตรวจร่างกายอย่างละเอียด และการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยตรวจหาเชื้อโรคในกระแสเลือด
อาการและอาการแสดง
ระยะเริ่มต้น (early onset sepsis)
ระยะหลัง (late onset sepsis)
การรักษา
รักษาแบบเฉพาะ คือให้ยาปฏิชีวนะทันทีหลังจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการและเจาะเลือดส่งเพาะเชื้อ
รักษาแบบประคับประคองและตามอาการ
รักษาภาวะแทรกซ้อน
ปัญหาทางการพยาบาล
มีการติดเชื้อในร่างกายเนื่องจากระบบภูมิคุมกันยังไม่สมบูรณ์จากการเกิด
ก่อนกําหนด
8.การพยาบาลทารกที่มีภาวะลําไส้เน่า(Necrotizing Entero Colitis : NEC)
สาเหตุ
การขาดออกซิเจน
ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่นอนได้
การได้รับนม โดยเฉพาะทารกคลอดก่อนกําหนดไม่สามารถย่อยนมได้ดี
การติดเชื้อแบคทีเรียในลําไส้ (infection)
อาการและอาการแสดง
คล้ายภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด คือ ซึม อาจหยุดหายใจ ความดันโลหิตตํ่า ท้องอืด อาเจียนปนนํ้าดี
มีนมเหลือค้างในกระเพาะอาหาร และถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด หรือตรวจพบเลือด (reducing substance)
การวินิจฉัย
การซักประวัติ การสังเกตอาการ การตรวจร่างกายการถ่ายภาพรังสี
การตรวจร่างกายการถ่ายภาพรังสี
ตรวจอุจจาระ เพื่อดูเลือด และตรวจเลือด
การรักษา
งดอาหารและนํ้าทางปากเป็นเวลาประมาณ 10-14 วัน
ให้ออกซิเจน หรือเครื่องช่วยหายใจ
ให้สารนํ้าและสารอาหารทางหลอดเลือดดําให้เพียงพอ
การให้อาหารทางลําไส้ ควรเริ่มต้นด้วยสารนํ้าเกลือแร่ นมเจือจาง แล้วเพิ่มความเข้มข้นของนมจนปกติ เมื่อทารกรับได้
มักพบในทารกคลอดก่อนกําหนดถึงร้อยละ 90 และพบร้อยละ 10 ในทารกแรกเกิดนํ้าหนักน้อยกว่า 1,500 กรัม ที่รอดชีวิตและได้รับอาหารเร็ว
ปัญหาทางการพยาบาล
มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดเนื่องจากลําไส้มีภาวะขาดเลือดไปเลี้ยง
เนื้อเยื่อร่างกายพร่องออกซิเจนจากการแลกเปลี่ยนก๊าซได้ไม่ดีเนื่องจากมีภาวะท้องอืด
9.การพยาบาลทารกที่มีภาวะพิษออกซิเจนต่อตาในทารกคลอดก่อนกําหนด (Retinopathy of Prematurity: ROP)
การรักษา
พบว่าอาร์โอพีระยะ 1 และ 2 มักจะรักษาหายเป็นปกติ )
ส่วนระยะ3 รักษาโดยใช้วิธีจี้ด้วยความเย็น(cryotherapy)
เป็นโรคจอประสาทตา (retina) ในทารกคลอดก่อนกําหนด
สาเหตุ
มารดาที่เลือดออกระหว่างตั้งครรภ์
ทารกที่ภาวะหยุดหายใจที่ต้องรักษาด้วยการช่วยหายใจ โดยใช้ถุงช่วยหายใจและหน้ากาก และเครื่องช่วย
หายใจ
ทารกที่ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
ทารกมีภาวะขาดออกซิเจน
แสงสว่างในหออภิบาลทารกแรกเกิด
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีความพิการแต่กำเนิด
1 ปากแหว่ง เพดานโหว่Cleft Lip: CL and Cleft Palate: CP
สาเหตุยังไม่ทราบแน่นนอน
ปัญหาทางการพยาบาล
อาจได้รับอาหารไม่เพียงพอหรือสําลักนมได้ง่าย เนื่องจากการดูดกลืนไม่ดี
มีโอกาสอาจเกิดการติดเชื้อในช่องปาก และหูชั้นกลาง หลังผ่าตัดตกแต่งปากแหว่งและเพดานโหว่
. มีโอกาสเกิดภาวะหายใจลําบาก ภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด
การพยาบาล
ในระยะก่อนผ่าตัด
การรักษา
โดยการผ่าตัดตกแต่งปิดรอยแหว่งหรือรอยโหว่
การแบ่งชนิดของโรค
ปากแหว่ง(cleft lip)
ปากแหว่งตลอดริมฝี ปากและเหงือก (completecleft of the lip and alveolus)
ปากแหว่งบางส่วน (incomplete cleft of the lip)
ปากแหว่งสองข้าง (bilateral cleft lip)
อาจเป็นชนิดมีรอยแหว่งบางส่วน (incomplete)
หรือมีรอยแหว่งตลอด(complete)
เพดานโหว่(cleft palate)
เพดานโหว่ตลอด (complete palate)
เพดานโหวบางส่วนและเพดานโหว่ชนิด submucous
Tracheoesophageal Fistula(T-E fistula)
การมีรูติดต่อระหว่างหลอดลมและหลอดอาหาร ในขณะที่ยังเป็นตัวอ่อน
อาการและอาการแสดง
ส่วนมากจะมีอาการผิดปกติตั้งแต่แรกเกิดใหม่ๆ ไม่กี่ชั่วโมง และจะชัดขึ้นเมื่ออายุได้
2-3 วัน
มีนํ้าลายมาก ไอ เมื่อดูดเอาออกทิ้งจะมีขึ้นมาอีกในเวลาไม่นาน
สําลักง่ายเมื่อให้ดูดนํ้า ทารกจะสํารอกทันที
ท้องอืด หายใจลําบาก เขียว และอาจหยุดหายใจได้
มักมีปอดอักเสบร่วมด้วยเสมอ เนื่องจากสําลักเอานํ้าลายหรือนํ้าเข้าไป
การรักษา
แล้วแต่แบบของความผิดปกติโดยผ่าตัดปิดรูติดต่อนั้นและต่อหลอดอาหาร
การวินิจฉัย
อาการทางคลินิก และมักพบในทารกที่เกิดจากมารดาที่มีpolyhydramnios
X - ray พบลมในกระเพาะอาหาร
ปัญหาทางการพยาบาล
ระยะหลังการผ่าตัด
มีโอกาสเกิดภาวะพร่องออกซิเจนจากการมีเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ
ระยะก่อนผ่าตัด
มีโอกาสเกิดการสําลักนํ้าลายหรือนํ้าย่อย จากกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้าไปในหลอดลมคอ
ทวารหนักไม่มีช่องเปิด(Imperforated anus)
เป็นความผิดปกติการอุดตันของระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากไม่มีรูทวารหนักมาตั้งแต่เกิด จากความผิดปกติในการสลายตัวของผังผืด ซึ่งแยกทวารหนัก (Rectum) และช่องทวารหนัก (Anus)ออกจากกัน
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะมีอาการ ไม่ถ่ายขี้เทา ท้องอืด อาเจียน หายใจลําบาก dehydration ใน 2-3 วันต่อมา
การวินิจฉัย
ไม่พบ meconium stool ตั้งแต่เกิดและผู้ป่วยอาการท้องอืด อาเจียน หายใจลําบาก
ตรวจพบไม่มีรูทวารหนัก
ไม่สามารถสอดนิ้ว หรือปรอทเข้าไปในรูทวารหนักได้
การรักษา
ขึ้นอยู่กับชนิดของความพิการ
การพยาบาล
ระยะหลังผ่าตัด
กรณีตกแต่งทวารหนักตั้งแต่เกิด ทําความสะอาดแผลหลังการขับถ่าย
ทุกครั้ง เพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ หรือฉีกขาด
กรณีที่ต้องทํา Colostomy และทําการตกแต่งรูทวารหนักในภายหลังในความผิดรูประดับกลางและสูง ต้องอธิบายให้บิดามารดาทราบก่อนว่าบุตรของตนมีความผิดรูปลักษณะ
ระยะก่อนผ่าตัด
แก้ไขปัญหาการขาดสมดุลของนํ้า และอิเล็คโตรลัยท์
บรรเทาอาการท้องอืด โดยให้ทารกนอนศีรษะสูง หรือใส่สายสวนคากระเพาะอาหาร
ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง Spina bifida
เป็นความผิดปกติที่มักเป็นมาแต่กําเนิด ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวโค้งของ vertebral arches ทั้งสองด้านไม่เชื่อมต่อกันระหว่างการเจริญในครรภ์
การรักษา
การผ่าตัดมักจะคํานึงถึงโอกาสรอดจากความพิการของเด็ก
การวินิจฉัยโรค
เกตปฏิกิริยาตอบสนองของทารก ขณะกระตุ้นทารกจะไม่มีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงที่ใบหน้า และแขนขา
การตรวจระบบประสาทโดยตรวจความรู้สึกเจ็บ และการ
เคลื่อนไหวของแขนขา
สาเหตุ
ยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การขาดออกซิเจน การได้รับสารเคมี หรือรังสีต่างๆ การขาดสารอาหารในมารดา หรือการติดเชื้อต่างๆ
ปัญหาทางการพยาบาล
ระยะก่อนผ่าตัด
อาจเกิดถุงแตก หรือติดเชื้อบริเวณรอยโรค
มีโอกาสติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ หรือมีการอักเสบบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
ระยะหลังผ่าตัด
. มีโอกาสติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้ง่าย จากการปนเปื้อนอุจจาระหรือปัสสาวะ
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด เช่น ภาวะนํ้าคั่งในกะโหลกศีรษะ เยื่อหุ้มสองอักเสบ แผลกดทับ
กลุ่มอาการดาวน์(Down syndrome)
จะพบได้มากขึ้นเมื่ออายุของแม่มากขึ้นตามลําดับ ผู้ป่วยจะมีChromosome ตัวที่ 21 เกินมา 1 ตัว นอกจากนี้อาจเกิดจาก Translocation ของ Chromosome 21 กับ Chromosome ในกลุ่ม D หรือ G ผู้ป่วยที่เป็น Down’s syndrome
สาเหตุ
ที่พบบ่อยที่สุดคือ การมีโครโมโซมเกินมา 1 แท่ง คือ โครโมโซมคู่ที่ 21 มี 3 แท่ง
อาการและอาการแสดง
มีลักษณะผิดปกติทั้งทางร่างกายและสติปัญญาลักษณะความผิดปกติทางร่างกายเห็นชัดเจนตั้งแต่แรกเกิด
การวินิจฉัยโรค
การตรวจวิเคราะห์โครโมโซมของทารก จากการตรวจ chorionic villus เมื่ออายุครรภ์ 9-12 สัปดาห์
จากอาการและอาการแสดง
การรักษา
มุ่งที่จะให้การบําบัดโรคที่เกิดร่วมกัน และให้ผู้ป่วยเหล่านี้สามารถช่วยตนเองได้ในชีวิตประจําวัน สิ่งสําคัญประการแรกคือ การยอมรับจากครอบครัวของผู้ป่วย
การพยาบาล
. บิดามารดาขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลเด็กกลุ่มอาการดาวน์
บิดามารดามีความเครียด และไม่ยอมรับสภาพของบุตรที่มีภาวะปัญญาอ่อน
การจำแนกตามอายุครรภ์
ทารกแรกเกิดหลังกeหนด (Posterm infant) ทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์มากกว่า 41 สัปดาห์
ทารกเกิดก่อนกeหนด (Preterm infant) คือ ทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์
ทารกแรกเกิดครบกำหนด (Term or mature infant) คือทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์ มากกว่า 37สัปดาห์ ถึง 40 สัปดาห์