Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค - Coggle Diagram
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ระบบภูมิคุ้มกันโรค หมายถึง ระบบที่ทำหน้าที่คุ้มกันร่างกาย ประกอบด้วยสารน้ำและเซลล์หลายพวกทำหน้าที่ร่วมกัน
การสร้างภูมิค้มุกันเป็นหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว2ชนิด คือ
B lymphocyte จะสร้าง antibody ซึ่งจะอยู่ใน
กระแสเลือดซึ่งมีคณุสมบัติในการป้องกันไม่ให้เป็นโรคครั้งต่อไป
T lymphocyte จะกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มจำนวนของ เม็ดเลือดขาว ที่จะมีคุณสมบัติในการทำลายเชื้อที่ทำให้เกิดโรค
การให้วัคซีนและหลักการให้วัคซีน
• Active Immunization วัคซีนซึ่งเตรียมมาจากเชื้อทำให้เกิด โรคทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งจะทาหน้าที่เป็นAntigenเข้าไปกระต้นุให้ร่างกาย สร้าง antibody
• PassiveImmunization การให้ Antibody ซึ่งมีผลป้องกันได้ทันทีที่เข้าไปในร่างกายซึ่งจะให้ในกรณีมีต้องให้การป้องกันอย่างรีบด่วน antibody ที่ให้เข้าไปนี้จะอยู่ในร่างกายในระยะเวลาสั้นประมาณ
3-4 สัปดาห์ที่ใช้กันบ่อย คือGammaglobulin
วิธีการให้วัคซีน
การกิน
การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
การฉีดเข้าในผิวหนัง
การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
วัคซีนป้องกันวัณโรค
Bacill Calmette Guerin (BCG)
วัคซีนท่ีเตรียมจากเชื้อแบคทีเรียมีชีวิต สายพันธ์ุ Mycobacterium bovis ฉีดเข้าในผิวหนัง (Intradermal) ตำแหน่งที่ใช้ฉีด คือ บริเวณกล้ามเนื้อส่วนบนของต้นแขน
เก็บไว้ที่อณุหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ไม่ให้ถูกแสงสว่างเก็บได้นาน1-2ปี หากผสมหรือ เปิดใช้แล้วต้องใช้ให้หมดไปใน 2 ชั่วโมง
วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี
Hep B Vaccine
เป็นวัคซีนที่เตรียมจากโปรตีนผิวนอกของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (2,4,6เดือน)
แรกเกิด-10 ปี ฉีดครั้งละ 0.5 มล. เข้ากล้ามเนื้อครบชุด 3 ครั้ง ส่วนอายมุมากกว่า 10 ปี ฉีด
ครั้งละ1มล.เข้ากล้ามเนื้อครบชุด 3ครั้ง
วัคซีป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน และบาดทะยัก (DTP)
-ฉีดขนาด0.5มล.เข้ากล้ามเนื้อต้นขาบริเวณด้านนอกในเด็กเล็กหรือต้นแขนใน เด็กโตและผู้ใหญ่
-การให้วัคซีนชุดแรก (Primary immunization) เริ่มเมื่ออายุเด็ก 2-3 เดือน รวม 3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 1-2 เดือน ให้ครั้งที่ 4 เมื่ออายุ 18-24 เดือน นับเป็นการให้วัคซีนครบชุดแรก
วัคซีนป้องกันหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR)
ฉีดครั้งละ0.5มล.ในชั้นใต้ผิวหนัง(subcutaneous)ครั้งแรกเมื่ออายุ9- 12 เดือน ครั้งที่สองเมื่ออายุ 2 1/2 ปี
วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ(Poliomyelitis)
เกิดจากเชื้อ ไวรัส เชื้อไวรัสจะเข้าทางปาก มีการแบ่งตัวในระบบทางเดินอาหารและ แพร่กระจายเข้าสู่ไขสันหลัง เชื้อจะถูกขับออกมาทางคอของผู้ป่วยประมาณ1-2 สัปดาห์และทางอุจจาระเป็นเวลาหลายสัปดาห์
ให้ตอนอายุ2,4,6,18เดือน,4-5ปี
วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอี
ให้2ครั้งตอนอายุ1ปี,และ21⁄2ปี
(ให้ห่างกันอย่างน้อย3–12เดือน)ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง(subcutaneous)
วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบเอ
เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย
ใช้สำหรับเด็กอายุ 2-18 ปี ฉีด 0.5 มล. เข้ากล้ามเนื้อต้นแขน 3 ครั้ง ครั้ง ที่ 2 ห่างครั้งแรก 1 เดือน ครั้งที่ 3 ห่างครั้งแรก 6- 12 เดือน
วัคซีนป้องกันโรคไข้สุกใส
สำหรับเด็กอายุ1-12ปีฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 1ครั้งหรือ 2เข็มขนาด0.5มล.โดยให้วัคซีน เข็มที่สอง เมื่ออายุ 4-6 ปี หรือห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
วัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ให้ตอนเด็กอายุ2,4,6,18เดือนในเด็กเล็กให้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณกึ่งกลางต้นขาด้านหน้าค่อนไปด้านนอกครั้งละ0.5มล.
วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าไวรัส
เป็นเชื้อมีชีวิตถูกทำให้อ่อนฤทธ์ิลงเป็นผงแห้งต้องละลายกับตัวทำละลายก่อนนำไปรับประทานปริมาณ1มล.(2,4เดือน)
วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
มีอยู่ 2 ชนิด คือ วัคซีนนิวโมคอคัส ชนิดโพลีแซ็คคาไลน์ และวัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอและหัด คางทูม หัดเยอรมันมักจะมีปฏิชีวนะเช่น Neomycin ผสมอยู่
เด็กท่ีติดเชื้อโรคเอดส์ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ตามสามารถให้วัคซีนทุกชนิดได้เหมือนเด็กปกติ
ก่อนให้วัคซีนจะต้องดูวันหมดอายุที่ข้างขวดหรือข้างหลอดก่อนทุกครั้ง
การฉีดเข้ากล้ามเนื้อเด็กทารกควรใช้เข็มเบอร์ 25G ยาว 1 นิ้ว
เด็กโตหรือผู้ใหญ่ใช้เข็มเบอร์22ถึง 25Gยาว1ถึง 1นิ้วครึ่ง
การฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือในหนังควรใช้เข็มเบอร์26Gยาว1⁄2นิ้ว
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
วัคซีนนี้สามารถใช้ได้ในเด็กอายุ2ปีขึ้นไปถึงผู้ใหญ่อายุ49ปีโดยให้ทางฉีดเข้า กล้ามเนื้อ(Intramuscular)หรือฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังลึกๆ(Deep subcutaneous)
วัคซีนป้องกันฮิวแมนแปบปิโลมาไวรัส
เป็นวัคซีนป้องกัน HPV อายุที่แนะนำคือ 10–25 ปี ตารางการฉีดคือ0,1,6เดือน ฉีดขนาด0.5มล.เข้ากล้ามเนื้อต้นแขนในเด็กโต และผู้ใหญ่