Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กรณีศึกษา : ทารกเพศหญิงอายุ 1 วัน การวินิจฉัยโรค Preterm with Very Low…

- - - - GA 33 weeks by U/S, GA 32 weeks by BS (ballard score)
      - หลังคลอด 1 ชั่วโมง หายใจหน้าอกบุ๋ม RR=80/min O2 sat RA = 90 % On O2 box 10 LPM O2 sat = 95 %
    - - 1.อัตราการหายใจอยู่ระหว่าง 30-60 ครั้ง/นาที
      - ไม่มีการหายใจลำบาก
      - ความอิ่มตัวของออกซืเจนอยู่ระหว่าง 95-100%
    - - การเเลกเปลี่ยนก๊าซเพียงพอ
    - - 5.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งอยู่เสมอ
        
        Suction ในปากก่อนในจมูก เพราะการดูดเสมหะในจมููกจะกระตุ้น Receptor ที่เยื่อบุจมูกทำให้เกิด reflex อ้าปากหายใจ
        ซึ่งจะทำให้ดูดสำลักเสมหะเข้าทางเดินหายใจ
        
        ดูดเเต่ละครั้งไม่ควรเกิน 5-10 วินาที เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกขาดออกซิเจน
      - 4 การจัดท่านอน เพื่อช่วยใ้ห้มีการเเลกเปลี่ยนก๊าซอย่างเหมาะสม
        
        ยังไม่มีอาการหายใจลำบาก
        
        ให้ทารกนอนราบตะเเคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้เสมหะไหลออกสู่ภายนอกได้ง่าย
        
        เริ่มหายใจลำบาก
        
        จัดให้นอนในท่าศีรษะสูง เพื่อช่วยให้กระบังลมหดตัวได้เต็มที่ ปริมาตรในช่องอกจะเพิ่มขึ้นและปอดยืดขยายตัวได้เต็มที่
        
        จัดให้นอนราบ และใช้้ผ้าหนุนบริเวณคอเเละไหล่ เพื่อให้เเหงนหน้าเล็กน้อย ทำให้ทาเดินหายใจเปิดตลอดเวลา
        
        ควรเปลี่ยนท่านอนทุกๆ 2-3 ชม. เพื่อช่วยระบายอากาศและลดการคั่งค้างของเสมหะ
      - 2.ดูเเลให้ออกซิเจนOn Nasal IMV,PIP = 15 , PEEP = 5 ,Fio2 =100 Rate = 60/min TiO2=30 keep O2 sat ≥ 92 %,
      - ระมัดระวังการให้นมทารก เพื่อป้องกันการอาเจียน เเละสูดสำลักนม ทำให้ทารกเกิดภาวะเเทรกซ้อนของปอด
      - 6.กำหนดกิจกรรมการพยาบาลให้เสร็จสิ้นในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ทารกมีระยะเวลาพักนาน และมีการรบกวนทารกน้อยที่สุดเพื่อลดการใช้ออกซิเจน
      - การประเมินการหายใจ ได้เเก่ ลักษณะ จำนวนครั้ง สีผิว ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดเเดง ปฏิกิริยาตอบสนองของทารกต่อการทำกิจกรรม ซึ่งอาจเพิ่มการใช้ออกซิเจน เช่น การสัมผัสจับต้อง การให้อาหารนม การเปลี่ยนผ้าอ้อม เป็นต้น
      - 3.v/s
      - 1.ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
      - keep warm
      - ติดตาม Arterial blood gas
  - - - GA 33 weeks by U/S, GA 32 weeks by BS
    - - มีอุณหภูมิร่างกายอยู่นระดับปกติ
    - - 1.ควบคุมอุณหภูมิสิ่งเเวดล้อมหรือตู้ให้ความอบอุ่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (neutral thermal environment) เพื่อให้ร่างกายของทารกมีการสร้างความร้อน และการใช้ออกซิเจนน้อยที่สุด
      - 2.ระมัดระวังการสูญเสียความร้อนจากผิวกาย ทั้งทางการนำ การพา การแผ่รังสี และการระเหย
        
        หลีกเลี่ยงการวางทารกบนพื้นผิวที่เย็น
        
        ตรวจสอบอุณหภูมิสิ่งเเวดล้อมหรือตู้ให้ความอบอุ่น
        
        ดูเเละผิวหนังทารกให้เเห้งอยู่เสมอ
        
        ดูเเลตู้ให้ความอบอุ่น เครื่องแผ่รังสีให้ความอบอุ่น และเตียงเด็กอยู่ห่างจากประตูเพื่อป้องการสูญเสียความร้อนโดยการระเหย
      - 3.ดูเเลอุ่นนมก่อนนอนให้ทารก นมที่ให้ทารกควรมีอุณหภูมิใกล้เคียงนมเเม่ ควรมีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส หรืออย่างน้อย ไม่เย็นกว่าอุณหภูมิห้อง
      - 4.สวมหมวกให้ทารกหรือใช้ผ้าคลุมศีรษะ ทแลพการใช้ผ้าม้วนกลมล้อมทารก จะช่วยให้ร่างกายของทารกอบอุ่น
      - ให้มารดาอุ้มเเบบ Kangaroo
      - ประเมินอุณหภูมิร่างกายอย่างสม่ำเสมอ โดยวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก ซึ่งในทารกเกิดก่อนกำหนด จะสอดเทอร์โมมิเตอร์ลึก 2.5 เซนติเมตร เเละวัดนาน 3 นาที ส่วนวัดอุณหภูมิทางรักเเร้ใช้เวลา 5 นาที
  - - - GA 33 weeks by U/S, GA 32 weeks by BS
    - - ได้รับสารน้ำและสารอาหารเพียงพอ
    - - 1.น้ำหนักลดลงไม่เกินร้อยละ 15-20 ในสัปดาห์แรก
      - 2.น้ำหนักเพิ่มขึ้น 20-30 กรัม/วัน ในสัปดาห์ที่สอง
      - ระดับกลุโคสในเลือดระหว่าง 60-90 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
      - 4.ไม่มีอาการรับนมไม่ได้เช่นเหนื่อย หายใจลำบาก อาเจียน ท้องอืด จำนวนนม เหลือค้างมาก
      - ได้รับเเคลอรีเพียงพอ
      - 6.ปริมาณปัสสาวะของทารกปกติในวันเเรกประมาาณ 0.5 ml./kg./hr.
    - - 1.ดูเเลให้สารน้ำเเละอาหาร นม ตามแผนรักษา
        
        จัดท่าให้ทารกนอนตะเเคงข้างขวา และศีรษะสูง เพื่อให้นมผ่านกระเพาะอาหารเข้าสู่ลำไส้ได้เร็วขึ้น
        
        การช่วยส่งเสริมการดูด
        
        การดูเเลอุ่นนมก่อนให้ทารก
        
        ก่อนให้นมทางสายให้อาหารแต่ละมื้อ ควรดูดปริมาณนมที่ค้างอยู่ในกระเพาะอาหารขึ้นมาดูจำนวนก่อนขณะเเละหลังให้นมต้องสังเกตอาการเเหวะนม อาเจียน และ ท้องอืด
        
        สังเกตปฏิกิริยาตอบสนองต่อการให้อาหาร
        
        ดูแลให้ได้รับ10% D/W 500 ml IV drip 4.3 ml/hr.
      - 2.ชั่งน้ำหนักทารกทุุกวัน เพื่อประเมินดูว่าทารกกำลังได้รับพลังงานเพียงพอหรือไม่ ซึ่งสัปดาห์เเรกเกิดทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักจะลดลง ร้อยละ 15และน้ำหนักจะขึ้นเท่ากับเเรกเกิดในปลายสัปดาห์ ที่ 2 หลังจากนั้น น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นวันละ 20-30 กรัม
      - 3.วัดเส้นรอบท้อง และฟังเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ เพื่อประเมินอาการท้องอืด
      - 4.วัดเเละบันทึกการเจริญเติบดตทุกสัปดาห์ เช่น เส้นรอบศีรษะ ความยาวของลำตัว
      - ดูแลให้วิตามินและเร่ธาตุ ตามแผนการรักษา
      - 6.สังเกตความตึงตัวของผิวหนัง ( skin turgor ) อาการบวม และติดตามผล Lab Electrolyte
  - - - GA 33 weeks by U/S, GA 32 weeks by BS
    - - ไม่มีการติดเชื้อ
    - - ไม่มีอาการการเเสดงของการติดเชื้อ
      - 2.จำนวนเม็ดเลือดขาวอยู่ในระดับปกติ
      - 3.H/C no growth
    - - ดูแลรักษาความสะอาดของผิวหนังเเละสะดือ
      - 2.ทารกที่มีการให้อยู่ห่างจากทารกอื่น 4-6 ฟุต
      - 3.ควรใช้เสื้อผ้า และเครื่องใช้เฉพาะของเด็ก บุคลากร่ที่เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจไม่ควรเข้าไปให้การพยาบาล
      - 4.การล้างมือ ก่อนการทำหัตถการกับทารก
      - 5.เครื่องมือที่ทำกับทารกต้องสะอาด
      - ประเมินอาการติดเชื้อ ได้เเก่ ซึม ตัวเย็น ดูดนมไม่ดี น้ำหนักลด
  - - - GA 33 weeks by U/S, GA 32 weeks by BS
    - - การเจริญเติบโตพัฒนาการเหมาะสม
    - - 1.แสดงท่าทีผ่อนคลาย สงบ เมื่อได้รับการกระตุ้นประสาทสัมผัส
      - 2.นอนในท่างอเเขนขา
    - - กระตุ้นสัมผัสด้านการมองเห็น
        
        อุ้มทารกในระดับมองหน้า สบตาตามปปกติ รวมทั้งอุ้มทารกในท่านั่่งหรือซบไหล่
        
        ใช้ผ้าคลุมตู้อบหรือเปิดให้มีเเสงสลัวแต่เพียงพอที่จะสังเกตสีผิว โดยเฉพาะในระยะที่ทารกนอนหลับได้ และควรเปิดผ้าคลุมตู็อบในระยะที่ทารกตื่นหรือได้รับนม เพื่อปรับเวลาให้สอดคล้องกับกลางวัน กลางคืน
        
        ให้ทารกดูรูปภาพ ห่างจากสายตาทารกประมาณ 7-9 นิ้ว
        
        ประเมินการกระตุ้นประสาทสัมผัสกด้านการมองเห็นทีีมากเกิน ได้เเก่ การหันมองทางอื่น
      - การกระตุ้นประสาทสัมผัสการได้ยิน
        
        พูดคุยด้วยน้ำเสียงที่มีจังหวะต่ำเเละนุ่มนวล
        
        เรียกชื่อทารก พูดคุยกับทารกขณะดูแล
        
        ร้องเพลงหรือเปิดเพลงให้ฟัง
        
        หลีกเลี่ยงการพูดคุยเสียงดังรอบๆตัวทารก
        
        ปิดสัญญาณเตือนอุปกรณ์ที่ใช้กับทารกเมื่อได้ยินครั้งเเรก
        
        ประเมินการกระตุ้นประสาทสัมผัสด้านการได้ยินที่มากเกิน ได้เเก่ การตอบสนองลดลง หยุดหายใจ หัวใจเต้นเร็ว
      - 3.การกระตุ้นประสาทสัมผัสที่ผิวหนังและการเคลื่อนไหว
        
        ลูบสัมผัสทารกตั้งเเต่ศีรษะถึงปลายเท้าด้วยมือที่อุ่น
        
        .โอบอุ้มสัมผัสทารก
        
        จัดทำอุปกรณ์ล้อมรอบตัวทารกโดยการใช้ผ้าก่มม้วนกลมหนุนหลังเมื่อทารกนอนตะเเคงหรือโอบล้อมรอบตัวทารก ซึ่งจะทำให้ทารกอยู่ใท่างอแขนขา เหมือนในครรภ์มารดา
        
        เปลี่ยนท่านอนทารกช้าๆ ทุกๆ 2 ชั่วโมง
        
        ประเมินการกระตุ้นประสาทสัมผัสที่ผิวหนังมากเกินไป ได้เเก่การเคลื่อนไหวมากเกินไป
      - 4.ลดความเจ็บปวดจากการทำหัตถการ ได้เเก่การห่อตัว
      - 5.กำหนดกิจกรรมการพยาบาลให้เสร็จสิ้นในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ทารกมีระยะพักนาน
  - - - เป็นครั้งเเรกที่ให้กำเนิดบุตรคลอดก่อนกำหนด
      - GA 33 weeks by U/S, GA 32 weeks by BS
    - - ปฏิบัติบทบาทเป็นบิดาเเละมารดาอย่างเหมาะสม
    - - 1.บิดามารดาแสดงสีหน้าสดชื่น
      - 2.บิดามารดานอนหลับพักผ่อนได้
      - 3.ตอบคำถามและให้การดูแลบุตรได้
    - - 1.สร้างสัมพันธภาพโดยการเเนะนำตัว พูดคุยเกี่ยวกับบุตร และอธิบายลักษณะของทารกเกิดก่อนกำหนด เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยเเละไว้วางใจ
      - ให้โอกาสบิดามารดาได้บอกเล่าความรู้สึก และซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของบุตร
      - 3.ให้คำเเนะนำมารดาเเละบิดา เกี่ยวกับสิ่งที่ควรปฏิบัติในการเข้าเยี่ยม และการดูเเละรักษา รวมทั้งการเปิดโอกาสให้เข้าเยี่ยม และจับต้อง พูดคุยกับบุตร
      - 4.ให้คำเเนะนำมารดา บิดา เกี่ยวกับการดูเเลทารกเกิดก่อนกำหนด รวมทั้งพฤติกรรมของทารกและพัฒนาการ และให้มีส่วนร่วมในการดูเเลบุตร เช่น การให้นมบุตร เปปลี่ยนผ้าอ้อม การสัมผัสจับต้อง และโอบอุ้มบุตร
      - 5.การให้มารดาอุ้มแบบ Kangaroo care เป็นวิธีเสริมสร้างความรักใคร่ผูกพันระหว่างมารดาและบุตร
      - 6.ให้ความช่วยเหลือ และเเนะนำเกี่ยวกับการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
      - 7.แนะนำแหล่งช่วยเหลือต่างๆ เช่น การส่งปรึกษานักสังคมสงเคราะห์ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับค่ารักษา การให้เข้าร่วมกลุุ่มมารดาบิดาที่มีบุตรเกิดก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน