Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) - Coggle Diagram
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
การวินิจฉัย
ประวัติของผู้ป่วย
โดยบิดมารดา หรือผู้เลี้ยงดูจะให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยมีไข้สูง ปวดศีรษะและ
ปวดคอ ซึม อาเจียน เด็กเล็กไม่ยอมดูดนม ร้องกวน กระสับกระส่าย
การตรวจห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
การตรวจเลือด
พบปริมาณเม็ดเลือดขาวมีจํานวนสูงขึ้น
และมีอีโฮซิโนฟลสูง ผลการน้ำเลือดเพาะเชื้อ
จะพบเชื้อแบคทีเรีย
การตรวจน้ำไขสันหลัง
การตรวจคอมพิวเตอร์สมอง (CT scan)
การตรวจคอมพิวเตอร์สมองเพื่อ
ค้นหาตําแหน่งของการติดเชื้อและ
การลุกลามของโรค
การย้อมสีนาไขสันหลัง (gram stain)
การนําน้ำไขสันหลังย้อมสีจะพบเชื้อแบคทีเรีย
และการเพาะเชื้อจากน้ำไขสันหลังจะพบมีการติดเชื้อ
แบคทีเรียเกิดขึ้นเช่นกัน
ช่วยยืนยันการวินิจฉัยโรคและ
หาเชื้อทีเป็นสาเหตุของโรค
2.ความดันน้ำไขสันหลังปกติในเด็กโตมีค่าประมาณ 110-150 มม/น้ำ
ส่วนทารกแรกเกิดมีค่าประมาณ 100 มม/นา ความดันน้ำไขสันหลัง
ผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจะมีค่าสูงมากกว่ า 180 มม/น้ำ
3.จํานวนเซลล์ในน้ำไขสันหลังเม็ดเลือดขาวในน้ำไขสันหลัง
ในเด็กปกติไม่ควรเกิน 10 เซลล์/ม3 ส่วนผู้ปวยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
จะตรวจพบเม็ดเลือดขาวในน้ำไขสันหลังเพิ่มจํานวนมากขึ้นมากกว่า
1000 เซลล์/ม3 ส่วนใหญ่เป็นเซลล์ชนิดโพลีมอร์โฟนิวเคียร์
1.ลักษณะน้ำไขสันหลังปกติใสไม่มีสีแต่น้ำไขสันหลัง
ของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีลักษณะขุ่นคล้ายนาซาวข้าว
หรือใสแต่มีลักษณะข้น แสดงว่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
จากเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะเซลล์ส่วนใหญ่เป็นชนิด
โพลีมอร์โฟนิวเคียร์
โปรตีนในน้ำไขสันหลังเด็กปกติจะตรวจพบโปรตีนในน้ำไขสันหลัง
ไม่เกิน 40 mg/dl ถ้าตรวจพบโปรตีนในน้ำไขสันหลังสูงขึ้นร่วมกับ
มีเซลล์จํานวนมากขึ้นให้สงสัยว่าเกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
5) น้ำตาลในน้ำไขสันหลังปกติควรมีค่าเกิน ½ ของน้ำตาลในเลือด
ถ้าตรวจพบน้ำตาลในน้ำไขสันหลังตา แสดงถึงภาวะ
เยื่อหุ้มสมองติดเชื้อแบคทีเรีย
ความหมาย
โรคติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง มีการอักเสบหรือติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง บริเวณส่วนที่เป็นเมมเบรนห่อหุ้มเนื้อสมองและ
ไขสันหลังยังเป็นโรคที่มีอัตราตายและความพิการทางสมองสูง
พบได้บ่อยในเด็กอายุตากว่า 5 ปี
การรักษา
การรักษาทั่วไปตามอาการและ
การรักษาแบบประคับประคอง
เจาะคอหรือใช้เครืองช่วยหายใจในผู้ป่วยทีมีปัญหา
การหายใจ หรือภาวะหมดสติ
ให้ยาลดไข้เมือมีไข้สูง
ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดํา
เพื่อรักษาภาวะสมดุลของน้ำและอิเลคโตไลท์
ให้ยานอนหลับเพื่อลดอาการกระสับกระส่าย
ให้ยาลดอาการบวมของสมองในผู้ป่วย
ที่มีอาการสมองบวม เช่น ม่านตาโตขึน หัวใจเต้นช้า ซึมลง เป็นต้น
ให้ยากันชักในผู้ปวยที่มีอาการชักเกร็ง
การรักษาภาวะแทรกซ้อน
3.2 ฝีในสมอง (brain abscess)
จะพบอุบัติการณ์การเกิดฝีในสมองจากภาวะ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้น้อยการรักษาทําได้โดย
การผ่าตัดและ/หรือให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
3.3 ความดันในกะโหลกศีรษะสูง
พบว่าผู้ปวยเด็กทีเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
ความดัน้ำไขสันหลังสูงกว่า 200 น้ำ 2 ซึ่ง
อาจเกิดจากภาวะสมองบวม
3.1 ของเหลวคั่งในช่องใต้
เยื่อหุ้มสมอง (subdural effusion)
พบได้บ่อยร้อยละ 30 เกิดจากการเชื้อ
hemophilus influenza typeb ร้อยละ 20
เกิดจากการติดเชื้อ streptococcus pneumonia
3.4การมองเห็นและการได้ยินผิดปกติ
พบว่าผู้ปวยเด็กเยื่อหุ้มสมองอักเสบจาก
เชื้อแบคทีเรียมักเกิดปัญหาหูหนวก
ซึ่งเกิดจากการอักเสบโดยรอบเส้นประสาทลุกลามเข้าถึง
เส้นประสาททําให้เกิดพังผืดไปบีบรัดประสาทสมองทําให้
ประสาทสมองพิการ
การรักษาเฉพาะ
โดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาต้านจุลชีพหรือ
ยาปฏิชีวนะสอดคล้องกับผลการเพาะเชื้อ
น้ำไขสันหลังที่เป็นสาเหตุทําให้เกิดเยื่อหุ้ม
สมองอักเสบในผู้ป่วย
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
อาจเกิดอันตรายต่อเซลล์สมอง
เนืองจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เป้าหมายการพยาบาล
เซลล์สมองของผู้ป่วยไม่ได้รับอันตราย
และการติดเชื้อลดลง/หมดไป
กิจกรรมการพยาบาล
3.ประเมินและบันทึกอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท
เช่น ขนาดรูม่านตา ระดับความรู้สึกตัว การรับรู้บุคคล สถานที่ เวลา
ความจํา และความสามารถในการทําตามคําสังอย่างน้อยทุก 1 ชัวโมง
ในระยะแรกๆหลังจากนันเมื่ออาการเริ่มคงที่ให้ประเมินอย่างน้อย
ทุก 4 ชัวโมง หรือตามแผนการรักษา รวมทั้งสังเกตอาการชักเกร็ง
อาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง ถ้ามีอาการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติใดๆ
ให้รายงานแพทย์ทราบเพื่อให้การพยาบาลช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที
4.จัดให้ผู้ป่วยนอนพักอยู่บนเตียง อากาศถ่ายเทสะดวก สิ่งแวดล้อมให้
งบไม่ควรทําให้เกิดเสียงดังและไม่ควรรบกวนผู้ปวยโดยไม่ จําเป็น
โดยเตรียมอุปกรณ์ในการให้การพยาบาลพร้อมก่อนให้การพยาบาล
ผู้ปวยทุกครั้ง เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
2..วัด และบันทึกสัญญาณชีพ อย่างน้อยทุก 4 ชัวโมง
เพื่อประเมินความผิดปกติ
5.ทําความสะอาดร่างกายผู้ป่วยให้สะอาดโดยเฉพาะช่องปาก
เพื่อลดการติดเชื้อแทรกซ้อน
1.ดูแลให้ผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
ชนิดเป็นหนองได้รับยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะ
ส่วนผู้ป่วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค
ดูแลให้ได้รับยาต้านวัณโรคร่วมด้วย
6.ช่วยแพทย์ในการเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น เลือด
น้ำไขสันหลัง เป็นต้น และติดตามผลการตรวจดังกล่าวเพื่อประเมินภาวะโรค การรักษา รวมทั้งการวางแผนในการรักษาและการพยาบาลต่อไป
เกณฑ์การประเมินผล
1.ไม่มีไข้
2.ไม่มีอาการชัก เกร็ง
3.ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีขึ้น
4.ตรวจไม่พบอาการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
เช่น Stiffnessn of neck , Kernig’ sign และ Brudzinski’s sign