Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Development of nose - Coggle Diagram
Development of nose
Soft tissue landmarks on the nose
Nasal root (selion)
ตำแหน่งที่อยู่ลึกที่สุดของแนวสันจมูก
Nasal tip (pronasale)
ตำแหน่งที่โด่งที่สุดเมื่อมองจากแนวสันจมูกใน Lateral view
Nasal base
เส้นสมมติที่ล่างจากตำแหน่งล่างสุดของปีกจมูกมาเชื่อมกัน
Nasal bridge
บริเวณที่คลุม Nasal root โดยมีตำแหน่งสูงสุด,ต่ำสุดอยู่ระหว่าง Glabella กับ Rhinion
มีตำแหน่งทางด้านข้างอยู่ระหว่างมุมตาด้านใน (inner canthi) ทั้ง 2 ข้าง
Nasal ridge (dorsum of the nose)
บริเวณที่อยู่ระหว่าง Nasal root-Nasal tip
Columella
เยื่อกั้นจมูก 2 ฝั่ง
Ala
ปีกจมูก
Philtrum
บริเวณร่อง vertical groove ในแนวกลางจาก Base of nose ไปถึง upper lip
Development of the palate
intermaxillary process
เกิด posterior extension
แบ่งได้เป็น 3 ส่วนย่อย คือ
labial component
philtrum
alveolar component
เป็นส่วนของ jaw ที่เป็นที่อยู่ของ 4 incisors
palatal component
primary palate
maxillary prominences
ในผู้ชาย
เริ่มพัฒนาใน week 7
ในผู้หญิง
เริ่มพัฒนาใน week 8
เกิด lateral extension กลายเป็นส่วนที่เรียกว่า palatine shelves
ในตอนแรกจะอยู่ล่างต่อลิ้น แต่จะยกตัวสูงขึ้น จนอยู่ในแนวระนาบเหนือต่อลิ้น หลังจากนั้นจะมาเชื่อมกันในแนวกลาง
เกิดเป็น secondary palate โดยการเชื่อมกันจะเกิดใน week 9-12
primary palate + secondary palate
definitive palate หรือ hard palate
โดยจะมี incisor foramen เหลืออยู่
frontonasal prominence และ merge medial nasal prominence
เกิด inferior extension
ได้ nasal septum แล้วไปเชื่อมกับ hard palate ที่ fuse กันสมบูรณ์แล้วกั้นช่องว่างของจมูก ให้กลายเป็น 2 ช่องที่สมบูรณ์
primitive choanae เคลื่อนที่ขึ้นไปทาง posterior
กลายเป็น definitive choanae ซึ่งจะเป็น opening ที่เชื่อมต่อจมูกกับ nasopharynx
ectodermal epithelium ของ nasal sacs
บริเวณ roof of the nasal cavities จะพัฒนาไปเป็น olfactory epithelium
แล้วจะให้ olfactory nerve ขึ้นไป synapse กับ olfactory bulb เกิดเป็นทางเดินกระแสประสาทของการดมกลิ่น
lateral wall of nasal cavities จะยกตัวขึ้น
เกิดเป็น nasal turbinates หรือ nasal conchae
ใน lateral wall เกิด pneumatization ขึ้น
ได้ paranasal air sinuses โดยจะขยายขนาดขึ้นตั้งแต่หลังคลอดจนถึงวัยรุ่น
Summary of facial development
Frontonasal prominence
พัฒนาเป็น Nasal bridge, forehead
Merged medial nasal prominence
พัฒนาเป็น Nasal crest
แล้วพัฒนาเป็น columella, philtrum
Lateral nasal prominence
พัฒนาเป็น Alae
Maxillary prominence
พัฒนาเป็น Lateral portion of the upper lip, cheek
Mandibular prominence
พัฒนาเป็น Lower lip and chin
Bone landmarks on the nasal bone
Frankfurt Horizontal plane (FHP)
Orbitale - Porion
คำแสดงตำแหน่งการจัดวางมาตรฐานของกะโหลก
Glabella
ตำแหน่งที่อยู่หน้าสุดของ Supraciliary arch ในตำแหน่ง midline
Nasion
ตำแหน่งที่อยู่หน้าสุดของ Frontonasal suture
Rhinion
ตำแหน่งที่อยู่ปลายล่างสุดของ Nasal bone
Formation of the external surface of the nose
Week 5
ตรงกลางของ Nasal placode หวำเข้าไปเป็นช่อง
เรียก Nasal pits
ด้านข้างของ Nasal placode เป็นตุ่มนูนขึ้นมา
เรียก Nasal prominence
แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Medial + Lateral prominences
Week 6
Maxillary prominences(MP) ขยายขนาดใหญ่ขึ้น + เคลื่อนที่ขึ้นบนและเข้าหาแนวกลาง ในขณะเดียวกัน Lateral nasal prominences (LNP) ก็ขยายขนาดและเคลื่อนที่เข้าหาแนวกลางเช่นกัน
ทำให้ MP และ LNP บีบกันจนเกิดเป็นร่อง Nasolacrimal groove
Lateral nasal prominences จะพัฒนาเป็น Lateral part of the nose
Week 7
Maxillary prominences จะดันให้ Nasal prominence เคลื่อนที่เข้าหาแนวกลางด้วย จนในที่สุดจะมาชนกันในแนวกลาง
Medial nasal prominence เชื่อมรวมกันเป็นส่วนเดียว
พัฒนาต่อเป็น
medial part of the nose
upper lip
intermaxillary segment (median palatine process)
Nasolacrimal groove
Groove ที่เกิดจากร่องที่อยู่ระหว่าง Lateral nasal prominence กับ Maxillary prominence
Week 6
groove จะถูกดันให้ลึกขึ้น กลายเป็น Nasolacrimal groove
จากนั้น epithelium ที่อยู่ตรง floor จะหลุดหวำเข้าไป กลายเป็นแท่งยาวตลอดแนว groove
เรียกว่า epithelial cord
epithelial cord หลุดแยกจาก groove เข้าไปอยู่ข้างใน mesenchyme
เกิด canalization เปลี่ยนจาก cord ตัน
เป็น cord กลวง มีช่องว่างตรงกลาง
พัฒนากลายเป็น nasolacrimal duct
Upper end of nasolacrimal duct
1 more item...
Lower end of nasolacrimal duct
1 more item...
Canalization
เกิดตั้งแต่ week 8 – until birth
ในทารกอายุประมาณ 1 - 3 เดือน หากกระบวนการ Canalization เกิดไม่สมบูรณ์
Distal valve of Hasner ไม่สลาย
น้ำตาไหลลงช่องจมูกไม่ได้
watery eye, running tear
Nasal placodes
พัฒนาการของจมูกเริ่มจากตอนที่มี Nasal placodes ขึ้นมา
ปรากฏขึ้นที่ Frontal prominence ตอนปลาย week 4
จากนั้นจะพัฒนาไปเป็นโครงสร้างต่างๆ
Some controversies in the nose and upper lip development
Concept : nerve distribution
Maxillary prominence overgrow ไปบน Medial nasal prominence แล้วมาเชื่อมกันในแนวกลาง จากนั้นจึงพัฒนาเป็น all tissue for the upper lip
Mesenchyme ของ Maxillary prominence เข้าไปแทนที่ mesenchyme ของ Medial nasal prominence แล้วจึงพัฒนาเป็น all tissue for the upper lip
Concept : histological evidence
3.Maxillary prominence แค่เข้ามาชนด้านข้าง ไม่ได้เข้ามาแทนที่ / overgrow นั่นคือโครงสร้างบริเวณนี้มาจาก Medial nasal prominence เจริญเป็น middle part of the nose, columella, philtrum, middle part of upper lip
Development of the nasal cavity
nasal cavity เริ่มเกิดใน week 6 ของการพัฒนาการ
nasal pits จะ invaginate เข้าไป กลายเป็น primary nasal sacs โดย dorsal part ของ nasal sacs จะเชื่อมรวมกันเป็น sac ใหญ่ๆ 1 sac ซึ่งจะพัฒนาไปเป็น nasopharynx
week 7
floor of the sacs จะบางลง กลายเป็น oronasal membrane ซึ่งกั้นช่องจมูกกับปาก เมื่อ oronasal membrane เกิดการ rupture จะทำให้ช่องจมูกและช่องปากเชื่อมต่อกันชั่วคราว เรียกช่องที่เชื่อมต่อกันนี้ว่า primitive nasal choanae
Stomodeum
เป็นช่องว่างที่เกิดจากการโอบล้อมของก้อนเนื้อ 5 ก้อน
Frontonasal prominence (FNP)
ส่วนของ mesenchymal cell ที่มารวมกระจุกกันอยู่หน้าต่อบริเวณ brain vesicle
มี Major cells ที่มาจาก Neural crest cell ซึ่งเคลื่อนย้ายมาจากบริเวณ Forebrain, Midbrain
1st pharyngeal arch
เป็น mesenchymal cell ที่ประกอบเป็นใบหน้า
มี Major cells ที่มาจาก Neural crest cell ซึ่งเคลื่อนย้ายมาจากบริเวณ Midbrain, Hindbrain
ประกอบด้วย
Maxillary prominences (MxP) 2 ข้าง
Mandibular prominences 2 ข้าง (MnP)
Clinical correlation
cleft lip and cleft palate
anterior palate และ posterior palate
แบ่งที่ incisor foramen
unilateral cleft lip
ริมฝีปาก 1 ข้าง เกิดร่องแหว่ง
unilateral cleft lip and jaw
ริมฝีปาก 1 ข้าง และ anterior palate เกิดร่องแหว่ง
bilateral cleft lip and jaw
เกิดรอยแหว่งทั้ง 2 ข้าง
cleft palate
เกิดที่ posterior palate
unilateral cleft lip and cleft palate
เกิดร่องแหว่งที่ริมฝีปาก 1 ข้าง และ posterior palate เกิดร่องแหว่ง
ทำให้เกิด incisor teeth ผิดปกติ หรือ ไม่สามารถเกิด incisor teeth ได้ เพราะ palate บริเวณ alveolar component ผิดปกติ
ทำให้มีแรงในการพูด, การหายใจ, แรงในการดูดนมลดลง เพราะการกั้นระหว่างช่องจมูกและช่องปากไม่สมบูรณ์
สาเหตุ เกิดได้ทั้งจาก genetic และ environment
migration of neural crest cells ที่จะเคลื่อนที่มาอยู่ที่ 1st pharyngeal arch ไม่เพียงพอ
กรามล่างเล็ก ทำให้ลิ้นไม่เคลื่อนที่ลงไปด้านล่าง
palatine shelves มีขนาดเล็กเกินไปที่จะพัฒนาให้สมบูรณ์ได้
palatine shelves ไม่ยกตัว
inhibition of the fusion process
secondary rupture after fusion เช่น โครงสร้างรอบนอกใหญ่เกินไปจนเบียดดันให้โครงสร้างที่เชื่อมกันแล้ว แยกออกจากกัน
severe cleft lip and cleft palate
median cleft lip
medial nasal prominence merge กันไม่สมบูรณ์
medial nasal prominence merge กันมากเกินไป จน overlap กัน โดยกรณีนี้มักเป็นกรณีที่ telencephalon 2 อัน เชื่อมรวมกันในแนวกลาง (holoprosencephaly) จะเห็นว่าโครงสร้างอะไรที่อยู่ในแนวกลางจะเชื่อมรวมกันกลายเป็นอันเดียวเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น หากเจอลักษณะแบบนี้ต้องไปตรวจความผิดปกติของระบบประสาทด้วย
oblique facial cleft
failure ในการ merge lateral nasal prominence กับ maxillary nasal prominence