Hypoglycemai

พยาธิสภาพ

Symptomatic hypoglycemia หมายถึง อาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
เป็นอาการที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใดในผู้ป่วยเบาหวาน มักเกิดจากการได้รับยารักษาเบาหวานที่ไม่เหมาะสม ร่างกายได้รับคาร์โบไฮเครตไม่เพียงพอหรือมีการใช้กลูโคสเพิ่มขึ้น หากการตรวจรักษาไม่ได้มาตรฐานดีพอผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากภาวะสมองขาดกลูโคสได้
Hypoglycemia ทำให้มีการหลั่ง glucagon เพิ่มขึ้น และหลั่ง Insulin ลดลง ทำให้มีการสลาย triacylglycerol จาก tissuse ระดับ fatty acid และ Keton bodies ในเลือดเพิ่มขึ้น

การวางแผนทางการพยาบาล

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่1
มีภาวะHypo/Hyperglycemai : เนื่องจากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้
S = ผู้ป่วยแจ้งว่ามีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน รักษาแบบกินยาและฉีด Insulin
S=ผู้ป่วยให้ประวัติว่าญาตินำส่งด้วยเรื่องหมดสติเรียกไม่รู้สึกตัว
O = DTXแรกรับญาตินำส่ง 33mg%
O= ขณะอยู่โรงพยาบาลผู้ป่วย เจาะ DTX q 4 hr keep 80-200mg% ผู้ป่วยจะมีปัญหาน้ำตาลสูง จะได้รับ RI scale กลางตลอด

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่2
มีภาวะน้ำเกิน เนื่องจากหัวใจไม่สามารถบีบตัวให้เลือดไปเลี้ยงไตได้เพียงพอทำให้ไตขับปัสสาวะออกน้อย
S = ผู้ป่วยแจ้งว่า 3 เดือนก่อน มีอาการเหนื่อย หายใจไม่สะดวก ตัวบวม รักษาที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร
S = ผู้ป่วยแจ้งว่าอยู่ที่บ้านมีอาการเหนื่อยเป็นพักๆ
S = ผู้ป่วยแจ้งว่าอยู่ที่บ้านนอนหมอน 1 ใบ นอนราบไม่ได้
S = ผู้ป่วยแจ้งว่า ตอนกลางคืนเคยมีอาการเหนื่อย ต้องตื่นลุกขึ้นนั่ง ถ้าอาการดีแล้วถึงนอนต่อ
S = ผู้ป่วยแจ้งว่า หลังจากรักษาเรื่องตัวบวม เหนื่อย ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร กลับบ้านมีปัสสาวะออกน้อย O = ผู้ป่วยมีใบบวม แขนทั้ง 2 ขา ,ขาทั้ง 2 ข้างมี Pitting Edema 2+
O = ผลตรวจห้องปฏิบัติการ Sodium : 126mmol/L (25/3/64)
Sodium : 131mmol/L (27/3/64),Sodium : 128mmol/L (29/3/64),Sodium : 131mmol/L (30/3/64)

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่3
เสี่ยงต่อการเกิดการพลัดตกหกล้ม เนื่องจากบวมทรงตัวลำบาก
S : ผู้ป่วยพูดถึงเรื่องขา ว่ามีการบวม ทําให้เดิน
ไม่สะดวกเดินไม่ไหว ไปไหนมาไหนไม่เหมือนเดิม การทรงตัวลำบาก
O = ขาทั้ง2 ข้าง มีมี Pitting Edema 2+
O = ผู้ป่วยไม่เดินเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะใส่กระบอก
O = motor power letf arm grade 5,motor power right arm grade 5,motor power letf leg grade 5,motor power right leg grade 5
O = ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้บางส่วน

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ประเมินระดับความรู้สึกตัวและอาการเปลี่ยนแปลงของภาวะ Hypoglycemia เช่น เวียนศีรษะ ใจสั่น มือเท้าเย็น เหงื่อออกมาก หิวบ่อย และสังเกตภาวะ Hyperglycemai เช่น ปากแห้ง หิวน้ำบ่อย ปากแห้ง อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หายใจเร็ว หายใจหอบลึก หายใจมีกลิ่น
    Acetone อ่อนๆ ชีพจรเร็ว
  2. วัดสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง และวางแผนการช่วยเหลือได้ทันท่วงที
    3.ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดและติดตามผลเพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูง

กิจกรรมการพยาบาล
1.ลดความต้องการการใช้ออกซิเจนของร่างกายให้หัวใจทำงานลดลงโดยการให้นอนพักอยู่บนเตียง
2.สังเกตและประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะออกซิเจนลดลง เช่น หายใจหอบลึก ใช้กล้ามหน้าท้องช่วยในการหายใจ ปีกจมูกบาน ผิวหนังซีด ปลายมือปลายเท้เขียว มีเหงื่อออกมาก หายใจมีเสียงหลอดลมตีบ หายใจถีบ ลักษณะหายใจลำบาก
3.จัดท่าให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนศีรษะ
4.วัดสัญญาณชีพและวัด O2Sat ทุก 4 ชั่วโมง O2Sat room air keep >98% เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ประเมินความเสี่ยงการเกิดการพลัดตกหกล้มด้วยแบบประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม Morse (Fall risk assessment tool : Morse) ระดับความเสี่ยง คะแนน 0–24 หมายถึง ไม่มีความเสี่ยงต่อการลื่น/ตก/หกล้มคะแนน 25–50 หมายถึง มีความเสี่ยงต่อการลื่น/ตก/หกล้มคะแนน ≥51 หมายถึง มีความเสี่ยงสูงต่อการลื่น/ตก/หกล้ม
  2. ให้ข้อมูลการป้องกันอุบัติเหตุกับผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยขาทั้ง2ข้างบวม เพื่อผู้ป่วยจะมีการระมัดระวังมากยิ่งขึ้นและไม่เกิดอุบัติเหตุ
  3. ตรวจสอบความแข็งแรงของไม้กั้นเตียง หากมีการเคลื่อนหลุดต้องมีการแก้ไข เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

ข้อมูลผู้ป่วย

ผู้ป่วยชายไทย อายุ 73 ปี
วินิจฉัยโรค Hypoglycemai : ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล
ขณะผู้ป่วยนั่งดูทีวีหมดสติ เรียกไม่รู้สึกตัว 30 นาทีก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
3 เดือนก่อนมาโรงพยาบาลผู้ป่วย มีอาการเหนื่อย หายใจไม่สะดวก ขาบวมทั้ง 2 ข้าง รักษาที่โรงพยาบาลบําราศนราดูร
1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยนั่งดูโทรทัศน์รอรับประทานอาหารเที่ยง หลังจากนั้นหมดสติเรียกไม่รู้สึกตัว
30 นาทีก่อนมาโรงพยาบาลหมดสติเรียกไม่รู้สึกตัว ญาติเรียกรถกู้ชีพนำส่ง
ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นมาแล้ว 5 ปี รักษาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เบาหวานใช้ยากินและฉีด Insulinลูกชายเป็นคนฉีดผู้ป่วยไม่ทราบว่าฉีดเท่าไหร่ ความดันโลหิตสูง กินยาอย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาดยา

การรักษา

ให้ 50%Glucose 50 ml IV push
ให้10%D/N/2 1,000ml rate 60 cc/hr
เจาะ Lab electrolyte,BUN,Cr
Lasix 40 mg IV q 8 hr
E.KCL 30 ml q 3 hr ×2 dose
50%MgSo4 4 ml + NSS 100 ml IV drip in 4 hr ×2 day

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หากปล่อยให้เกิดอาการนานจนเกินไปอาจทำให้ผู้ป่วยหมดสติ เพราะสมองต้องการน้ำตาลเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตามปกติ นอกจากนั้น ควรสังเกตถึงสัญญาณและอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเพื่อให้ทันท่วงที เพราะหากไม่ได้รักษาอาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรง เช่น อาการชัก หมดสติ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาการและอาการแสดง

สาเหตุ
โดยปกติร่างกายจะผลิตฮอร์โมน Insulin ซึ่งผลิตจากตับอ่อนทำหน้าที่ในการดึงน้ำตาลในเลือดที่มีอยู่มากเข้าสู่เซลล์เพื่อให้เกิดการเผาผลาญกลายเป็นพลังงานทำให้เกิดความสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่ง Insulin ทำหน้าที่ควบคู่กับ Glucagon ทำหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดออกมาใช้งานในกรณีที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดที่เกินไป ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดโรคเบาหวานเกิดจากการทำงาน Insulin และ glucagon ไม่สามารถทำงานเต็มที่

  • ได้รับยารักษาเบาหวานที่ไม่เหมาะสมทั้งชนิดของยา ขนาดยาที่มากเกินไป และเวลาในการรับประทานยา
    
  • รับประทานอาหารปริมาณน้อยกว่าปกติหรือไม่เพียงพอ หรืองดมื้ออาหาร หรือเลื่อนเวลารับประทานอาหาร รวมไปถึงปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารที่ทำให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลต่ำลง
    
  • มีการใช้กลูโคส (Glucose Utilization) เพิ่มขึ้น เช่น ออกกำลังกายมากขึ้น เป็นต้น
    
  • มีการผลิตกลูโคสที่ตับน้อยลง เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นโรคตับแข็ง
    

อาการออโตโนมิค (autonomic symptom) ได้แก่ รู้สึกใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตซิสโตลิคสูง มือสั่น รู้สึกกังวล กระสับกระส่าย คลื่นไส้ รู้สึกร้อน เหงื่อออก ชาและรู้สึกหิว อาการดังกล่าวเป็นอาการเตือนก่อนที่จะมีอาการสมองขาดกลูโคสที่รุนแรงขึ้น
อาการสมองขาดกลูโคส (neuroglycopenic symptom) ได้แก่ อ่อนเพลีย อุณหภูมิกายตํ่า ผิวหนังเย็นและชื้น มึนงง สับสน ไม่มีสมาธิ ตาพร่ามัว พูดช้า เซื่องซึม เป็นอัมพาตครึ่งซีกร่างกาย หากอาการรุนแรงอาจชักหรือหมดสติ ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าซํ้าๆหลายครั้ง อาจมีอาการสมองขาดกลูโคส โดยไม่มีอาการออโตโนมิคนำมาก่อน