Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

:confetti_ball:🐳 สรุปบทท่ี ๗ การช่วยเหลือในการทาสูติศาสตร์หัตถการ. …

- - - - การตัดกระดูกกะโหลกศีรษะทารก
      - การตัดคอทารก
      - การหักกระดูกไหลาร้า
- - - - Solid blade เป็นเเผ่นตัน
      - Fenestrated blade แผ่นมีช่องตรงกลาง
  - - - ลดเเรงกดดันที่เกิดขึ้นกับผู้คลอดทั้งด้านร่างกายเเละอารมณ์
      - ป้องกันการฉีกขาดของฝีเย็บ
      - จำกัดการเสียเลือดจากการคลอด
      - ป้องกันสมองของทารกในครรภ์ถูกทำร้ายเนื่องจากอยู่ใภาวะพร่องออกซิเจน
    - - ศีรษะทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
      - คลอกท่าก้น
      - Fetal Distress
    - - Passage
      - Passenger
      - Power
      - ผู้คลอดอ่อนเพลีย
      - ผู้คลอดมีภาวะ Eclampsia
      - โรคหัวใจ Class 3,4
      - ปัญหาเลือดออกในสมอง
  - - - กระทบกระเทือนต่อกระเพาะปัสสาวะ
      - ช็อคเนื่องจากความเจ็บปวด
      - มีอันตรายต่อกระดูกเชิงกราน
      - ใช้คีมไม่ถูกต้อง เกิดตกเลือดหลังคลอดตามา
      - มีการฉีกขาดของหนทางคลอด
      - กิดการติดเชื้อ
      - อันตรายจากการเเพ้ยาระงับความรู้สึก
    - - เกิด Erb palsy จากการกด cervical plexus
      - เกิด Facial palsyจากการกด Fascial nerve
      - มีการกระทบกระเทือนศีรษะสมองทารกในครรภ์
      - หูหนวก
      - เกิด Asphyxia จากเเรงกดที่ศีรษะ
      - ปอดบวม
      - ถุงลมเเฟบ
  - - - ให้กำลังใจผู้คลอด เเละเเนะนำสิ่งที่ผู้คลอดควรปฏิบัติ
      - ขณะเเพทย์ใส่คีมเข้าไปในช่องคีมเเนะนำผู้คลอดผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยกระตุ้นให้สูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ
      - ประเมินเสียงหัวใจทารกทุก 5นาที หรืออย่างต่อเนื่องโดย on electronic feto-monitoring
      - ดูเเลความสุขสบายโดยเช็ดหน้าด้วยผ้าเย็นขณะมดลูกคลายตัว เเละมดลุกหดตัวกระตุ้นให้ผู้คลอดเบ่งพร้อมกับการดึง(ในรายที่ไม่มีข้อห้าม)
      - ประเมิน V/S เป็นระยะๆ
      - เเนะนำผู้คลอดหยุดเบ่งขณะที่ศีรษะมาตุงบริเวรฝีเย็บเเละเเพทย์กำลังตัดฝีเย็บ
      - กรณีช่วยคลอดด้วยคีมล้มเหลว คสรเตรียมผู้คลอด อุปกรณืต่างๆเละเซ็นใบยินยอให้พร้อม
    - - ติดตามผลตรวจร่างกายทารกว่ามีการบาดเจ็บจากการใช้คีมช่วยคลอดหรือไม่
      - เเนะนำเรื่องป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
      - ประเมินผู้คลอด เพื่อเฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
      - เเนะนำเรื่องการเปลี่ยนผ้าอนามัย เเละการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์
      - ดูเเลให้ผู้คลอดได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกต่อ อย่างน้อย 2ชั่วโมงหลังคลอด
    - - จัดท่า lithotomy ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ปูผ้าปราศจากเชื้อ เเละสวนปัสสาวะออกให้หมด
      - เตรียมอุปกรณ์ในการช่วยคลอดรวมทั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือทารก
      - ดูเเลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำเเละยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
      - อธิบายแผนการรักษาให้ผู้คลอดทราบเหตุผลการใช้คีมช่วยคลอดเเละภาวะเเทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
- - - - 4 ซอกเนื่องจากความเจ็บปวดผู้ทำคลอดทำด้วยความไม่นุ่มนวล
      - 5 เทคนิคการทำไม่ถูกต้องคือในขณะมดลูกหดรัดตัวไม่ดีจึงมีปัญหาตกเลือดหลังคลอดตามมา
      - 3 กระทบกระเทือนต่อกระเพาะปัสสาวะ
      - 6 เกิดการติดเชื้อ
      - 2 มีอันตรายต่อกระดูกเชิงกรานเช่น Symphysis pubis แยกออกจากกัน
      - 7 อันตรายจากการแพ้ยาระงับความรู้สึก
      - 1 มีการฉีกขาดของหนทางคลอดอ่อนเช่นช่องคลอดฝีเย็บคอมดลูก
    - - 3 แรงดูตอาจกระทบกระเทือนต่อ Cervical plexus จะทำให้เกิด Erbs Palsy
      - 4 แรงดูดอาจกระทบกระเทือนต่อ Facial nerve จะทำให้เกิด Facial palsy
      - 2 แรงดูดอาจกระทบกระเทือนต่อกะโหลกศีรษะสมองและหนังศีรษะทารกในครรภ์
      - 5 หูหนวกจากการกระทบกระเทือนต่อ Auditory Organs
      - 1 แรงกดที่ศีรษะทารกทำให้เกิด Asphyxia
      - 6 ปอดบวม (Pneumonia) และถุงลมแฟบ (Atelectasis)
  - - - ประเมินเสียงหัวใจทารกทุก 5 นาที่หรือประเมินอย่างต่อเนื่องโดยการ on electronic feto monitoring
      - อยู่เป็นเพื่อนให้กำลังใจผู้คลอดและรายงานความก้าวหน้าของการคลอดให้ผู้คลอดทราบรวมทั้งแนะนำสิ่งที่ผู้คลอดควรปฏิบัติ
      - ขณะที่แพทย์ใสด้วยสุญญากาศเข้าไปในช่องคลอดควรให้ผู้คลอดผ่อนคลายกล้ามเนื้อไม่เกร็งโดยบอกให้ผู้คลอตสุดลมหายใจเข้าออกช้าๆยาว ๆ
      - เมื่อแพทย์วางถ้วยสุญญากาศในตำแหน่งที่เหมาะสมและต่อสายยางเข้าเครื่องดูดสุญญากาศเรียบร้อยจะเริ่มลดความดันจนถึง 08 กก. / ตร. ซมพยาบาลต้องจับเวลาในขณะที่เครื่องลดความดัน
      - 5.เมื่อทำการลดความดันครบตามเวลาและได้ความดันตามที่ต้องการแล้วขณะหดรัดตัวควรกระตุ้นให้ผู้คลอดเบ่งพร้อมกับที่แพทย์จะเริ่มดึงถ้วยสุญญากาศเมื่อมตลูกคลายตัวดูแลความสุขสบายโดยกรเช็ดหน้าและให้เบ่งเมื่อมีการหดรัดตัวของมดลูกรอบใหม่
      - แนะนำให้ผู้คลอดหยุดบ่งขณะที่แพทย์จะทำการตัดฝีเย็บหลังจากนั้นกระระตุ้นให้ผู้คลอดเบ่งตามการหดรัดตัวของของมดลูกจนกระทั่งศีรษะคลอดจึงหยุดเบ่งแพทย์จะดูดสารคัดหลั่งในปากและในจมูกทารกทารกและทำคลอดส่วนอื่น ๆ เช่นเดียวกับการทำคลอดปกติต่อไป
      - ในกรณีที่การช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศล้มเหลวควรเตรียมผู้คลอดอุปกรณ์ต่างๆและการเซ็นใบยินยอมให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดคลอด
    - - แนะนำเรื่องการคลึงมดลูกการไม่กลั้นปัสสาวะอาการและอาการแสดงของการตกเลือดรวมทั้งการสังเกตอาการปวดแผลเนื่องจากการมี hematoma ที่แผลเพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
      - แนะนำเรื่องการเปลี่ยนผ้าอนามัยและการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทุกครั้งภายหลังการขับถ่ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
      - ติดตามผลการตรวจร่างกายทารกว่ามีการบาดเจ็บหรือความผิดปกติอื่นนอกเหนือจาก artificial caput succedaneum
      - ดูแลให้ผู้คลอดได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกต่ออย่างน้อย 2 ชั่วโมงในระยะหลังคลอด
      - ประเมินสัญญาณชีพการหดรัดตัวของมดลูกกระเพาะปัสสาวะรวมทั้งการฉีกขาดของช่องทางคลอดเพื่อเฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอดเช่นเดียวกับรายที่คลอดปกติทั่วไป
    - - จัดให้ผู้คลอดอยู่ในท่า Lithotomy ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและฝีเย็บด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อและสวนปัสสาวะออกให้หมด
      - เตรียมเครื่องดูดสุญญากาศอุปกรณ์สำหรับการให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่และอุปกรณ์ในการช่วยเหลือทารกให้พร้อมใช้
      - อธิบายให้ผู้คลอดทราบเกี่ยวกับแผนการรักษาเหตุผลของการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้ความร่วมมือในการรักษาและลดความวิตกกังวล
      - ดูแลให้ผู้คลอดใต้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำและยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
- - - - 3 การติดเชื้อของอวัยวะต่าง ๆ ภายในช่องท้อง 1.4 อวัยวะใกล้เคียงได้รับการกระทบกระเทือนหรือชอกช้ำ
      - 2 ซอกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นการได้รับยาสลบเป็นเวลานานหรือจากการเสียเลือดเป็นจำนวนมากหรือเกิดจากการแพ้ยาที่ได้ขณะผ่าตัดถ้าแก้ไขไม่ได้ผู้คลอดอาจเสียชีวิตได้
      - 1 เสียเลือดเป็นจำนวนมากจากการผ่าตัดในกรณีที่ควบคุมการเสียเลือดจากการคลอดไม่ได้แพทย์อาจต้องแก้ไขโดยการตัดมดลูกทิ้ง
    - - .1 เกิดภาวะพร่องออกซิเจนโดยเป็นผลกระทบจากการผ่าตัดทำให้ทารกไม่ผ่านการคลอดโดยวิธีธรรมชาติทำให้สิ่งขับหลั่งยังค้างอยู่ในปอดปอดจึงไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเช่นเด็กโดยทั่วไปปัญหาที่ตามมาคือทารกเกิดปัญหาพร่องออกซิเจนได้ง่ายกว่าทารกที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติ
      - 2 ทารกอาจได้รับความชอกช้ำหรือกระทบกระเทือนจากการผ่าตัดได้ทั้งนี้ทารกที่คลอดโดยการผ่าตัดทางหน้าท้องจะไม่ผ่านการคลอดตามธรรมชาติซึ่งมีแรงบีบรัดต่อทรวงอกของทารกขณะผ่านหนทางคลอดออกมาทำให้ของเหลวในทางเดินหายใจและปอดถูกบีบไล่ออกมาเพื่อให้เกิดที่ว่างสำหรับอากาศจากภายนอกที่ทารกสูดเข้าไปแทนที่นับได้ว่าเป็นการหายใจครั้งแรกทารกที่คลอดโดยการผ่าตัดจะไม่ผ่านกลไกนี้และยังได้รับผลกระทบจากการวางยาสลบมารดาด้วย
  - - - ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก 15 นาทีกระตุ้นให้ผู้คลอดเบ่งขณะที่มดลูกหดรัดตัวเมื่อมดลูกคลายตัวดูแลให้พักและดูแลความสุขสบายโดยการเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อและกระตุ้นให้เบ่งซ้ำเมื่อมีการหดรัดตัวของมดลูกรอบใหม่
      - 3, อยู่เป็นเพื่อนให้กำลังผู้คลอดและรายงานความก้าวหนของการบ่งคลอดให้ผู้คลอดทราบ
      - ประเมินการเต้นของหัวใจทารกทุก 5 นาทีหรืประเมินอย่างต่อเนื่องโดยการ on electronic fetomornitoring
      - ประเมินสัญญาณชีพของผู้คลอดเป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสม
      - ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่างเพื่อป้องกันการขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูกและการเคลื่อนต่ำของสวนน้ำ
      - ถ้าผู้คลอดมีอาการเจ็บครรภ์มากกว่าปกติกระสับกระส่ายพักไม่ได้แม้มตลูกคลายตัวและตรวจหนท้องพบ bandl's ring ให้รีบรายงานแพทย์เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดมดลูกแตก
      - หากมดลูกหดรัดตัวไม่ดีดูแลให้ได้รับยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
    - - ดูแลให้การพยาบาลเช่นเดียวกับมารดาหลังคลอดทางช่องคลอดปกติทั่วไปและเน้นเรื่องการเฝ้าระวังภาวะมดลูกแตกและการตกเลือดหลังคลอด
    - - ควรให้ผู้คลอดงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนทำ VBAC และเจาะ GM เพื่อเตรียมเลือดให้พร้อมกรณีที่ต้องทำการผ่าตัดทางหน้าท้องแบบฉุกเฉิน
      - เตรียมอุปกรณ์กรทำคลอดและอุปกรณ์ในการช่วยเหลือทารกให้พร้อมใช้
      - เมื่อผู้คลองตัดสินใจเลือกการคลอดทางช่องคลอดเองเตรียมผู้คลอดเช่นเดียวกับผู้รายปกติ
      - ดูแลให้ผู้คลอดได้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
      - อธิบายให้ผู้คลอดทราบเกี่ยวกับการทำ VBAC ข้อดีข้อเสียและภาระแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นโดยให้ผู้คลอดและครอบครัวเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกคลอดวิธีใด
- - - - 2 การฉีกขาดของช่องทางคลอด
      - 3 การตกเลือดหลังคลอด
      - .1 การติดเชื้ออาจเนื่องมาจากถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดเป็นเวลานานการใช้เครื่องมือช่วยคลอดหรือการเจ็บครรภ์คลอดนานกว่าปกติ
    - - 2 อันตรายต่ออวัยวะภายในช่องท้องเช่นตับแตกม้ามแตกเป็นต้นมักเกิดจากผู้ทำคลอดจับทารกบริเวณท้องและกดบริเวณตับและม้ามแรงเกินไปขณะทำคลอด
      - 3 เลือดออกในสมองเกิดจากการดึงทารกที่รุนแรงหรือดึงศีรษะออกมาเร็วเกินไปจนมีการฉีกขาดของเยื่อหุ้มสมองหรือหลอดเลือดในสมอง
      - 1 กระดูกหักและข้อเคลื่อนเช่นการหักของกระดูกไหปลาร้ากระดูกแขนขากระดูกซี่โครงการเคลื่อนของข้อสะโพกและไหล่เป็นต้นมักเกิดจากการทำคลอดที่ไม่ถูกต้องและขาดความระมัดระวัง
      - 4 ทารกขาดออกซิเจนซึ่งอาจเกิดจากสายสะตือถูกกดทับเชิงกรานเมื่อก้นทารกคลอดการติดขัดของศีรษะอยู่นานทารกหายใจขณะที่ศีรษะยังไม่คลอดทำให้สำลักน้ำคร่ำหรือเมื่อกันทารกคลอดแล้วมดลูกลดขนาดลงทำให้รกลอกตัวและทารกขาดออกซิเจน
  - - - ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและกระตุ้นให้ผู้คลอดเบ่งขณะที่มดลูกหดรัดตัวเมื่อมดลูกคลายตัวดูแลความสุขสบายของผู้คลอดโดยการเช็ดหน้าและให้ผู้คลอดพัก
      - กระตุ้นให้ผู้คลอดเบ่งตามการหดรัดตัวของมดลูกจนกระทั่งกันคลอดเตรียมผ้าปราศจากเชื้อสำหรับจับตัวทารกเมื่อแพทย์พิจารณาช่วยคลอดด้วยวิธี breech assisting หรือ breech extraction
      - อยู่เป็นเพื่อนให้กำลังใจและรายงานความก้าวหนของการคลอดให้ผู้คลอดทราบแนะนำให้ผู้คลอดผ่อนคลายกล้ามเนื้อไม่เกร็งโดยการหายใจเข้า-ออกช้าๆในขณะที่แพทย์กำลังช่วยทำคลอดทารกท่ากัน
      - ประเมินสัญญาณชีพผู้คลอดเป็นระยะ ๆ
      - ประเมินเสียงหัวใจทารกทุก 5 นาทีหรือประเมินอย่างต่อเนื่องโดยการ on electronic fetormonitoring
    - - แนะนำเรื่องการคลึงมดลูกให้แก่มารดาการไม่กลั้นปัสสาวะการสังเกตเลือดที่ออกทางช่องคลอดอาการและอาการแสดงของการตกเลือดหลังคลอดรวมทั้งการปวดบริเวณแผลเนื่องจากการเกิด hematoma ที่แผลฝีเย็บเพื่อป้องกันการตกเลือด
      - แนะนำเรื่องการเปลี่ยนผ้าอนามัยการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทุกครั้งหลังขับถ่ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
      - ติดตามการตรวจร่างกายทารกว่ามีการบาดเจ็บจากการช่วยคลอดหรือไม่เช่นข้อเคลื่อนกระดูกหักเป็นต้น
      - ดูแลให้ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
      - ประเมินสัญญาณชีพกรหดรัดตัวของมดลูกกระเพาะปัสสาวะรวมทั้งการฉีกขาดของช่องทางคลอดเพื่อเฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
    - - เตรียมอุปกรณ์ในกรช่วยคลอดให้พร้อมใช้ได้ทันที ได้แก่ ผ้าปราศจากเชื้อสำหรับคล้องตัวทารกคีมชนิด Piper forceps สำหรับใช้ในการคลอดศีรษะรวมทั้งอุปกรณ์สำหรับการผ่าตัดฉุกเฉินกรณีการช่วยคลอดท่ากันล้มเหลวหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่นภาวะสายสะดือพลัดต่ำเป็นต้น
      - เตรียมอุปกรณ์ในกรช่วยฟื้นคืนชีพทารกรวมทั้งเครื่องช่วยหายใจให้พร้อมใช้ได้ทันทีรวมทั้งตามกุมารแพทย์
      - จัดให้ผู้คลอดอยู่ในทำ lithotomy ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและฝีเย็บด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อปูผ้าปราศจากเชื้อและสวนปัสสาวะออกให้หมด
      - ดูแลให้ผู้คลอดได้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
      - อธิบายให้ผู้คลอดทราบเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องคลอดทำกันและขั้นตอนการช่วยคลอด
- - - - 1 มารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรม
      - 2 มารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนทางอายุกรรม
    - - 2 มีประวัติทารกเคยตายในครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุควรทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงก่อนถึงระยะที่ทารกเคยตายในครรภ์ แต่ควรรอให้อายุครรภ์เกิน 36 สัปดาห์
      - 3 ทารกพิการไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เช่นทารกไม่มีสมองทารกหัวบาตรเป็นต้น
      - 1 ทารกตายในครรภ์ในกรณีที่ทารกตายในครรภ์แล้ว 1 เดือนและยังไม่เจ็บครรภ์เองควรก่อให้เกิดการเจ็บครรภ์เพราะอาจเกิดภาวะเลือดไม่แข็งตัวและมีอันตรายต่อมารดา
      - 3 ทารกพิการไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เช่นทารกไม่มีสมองทารกหัวบาตรเป็นต้น
- - - - แนะนำการคลึงมดลูกการไม่กลั้นปัสสาวะอาการและอาการแสดงของการตกเลือดหลังคลอด
      - แนะนำเรื่องการเปลี่ยนผ้าอนามัยและการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทุกครั้งภายหลังการขับถ่ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
      - ประเมินอาการและอาการแสดงของการตกเลือตเช่นใจสั่นซีพจรปลายมือเท้าเย็นเป็นต้น
      - ดูแลให้ได้รับยากระตุ้นมดลูกต่ออย่างน้อย 2 ชั่วโมงในระยะคลอดฉวีเบาทรวง
      - ประเมินสัญญาณชีพการหดรัดตัวของมดลูกกระเพาะปัสสาวะรวมทั้งการฉีกขาดของช่องทาคลอดและปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอดเพื่อเฝ้าระวังการกเสือตหลังคลอดเช่นเดียวกับรายที่คลอดปกติทั่วไป
    - - ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและปริมาณเลือดที่ออกทั้งจากแผลฝีเย็บและช่องคลอด
      - ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
      - ประเมินสัญญาณชีพทุก 5 นาที