Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
GDMA2 & Obesity (BMI 32.37 kg/m2) - Coggle Diagram
GDMA2 & Obesity
(BMI 32.37 kg/m2)
พยาธิสภาพ
ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ GDM
เป็นความผิดปกติของการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายในขณะตั้งครรภ์และปัจจัยทางด้านพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ต่อหญิงตั้งครรภ์และทารก
การคัดกรอง
การประเมินความเสี่ยง สตรีในกลุ่มนี้ให้ตรวจกรองเบาหวานทันทีเมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรกในกรณีผลตรวจกรองปกติให้ตรวจซ้ำเมื่ออายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์หรือเมื่อมีอาการแสดงของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
อายุ 30 ปีขึ้นไป
-เคยมีประวัติ gestational diabetes (GDM) ในครรภ์ก่อน
-น้ำหนักตัวมาก BMI มากกว่า 27
-มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน (บิดามารดาหรือพี่น้องท้องเดียวกัน)
-ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ มากว่าหรือเท่ากับ 1+
-มีประวัติไม่ดีทางสูติศาสตร์ เช่น ทารกตายคลอดไม่ทราบสาเหตุ ทารกพิการโดยกำเนิด มีประวัติคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม ทารกเสียชีวิตในครรภ์
-ตรวจพบมีภาวะความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์หรือมีประวัติโรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
-พบภาวะตั้งครรภ์แฝดน้ำ
ใช้วิธีกินน้ำตาล 50 grams (glucose challenge test :GCT) โดยผู้ป่วยไม่ต้องงดอาหาร ให้ผู้ป่วยรับประทานกลูโคส 50 กรัม จากนั้นเจาะเลือดหลังรับประทานกลูโคส 1 ชั่วโมง
ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดมีค่ามากกว่า
หรือเท่ากับ 140 mg/dLถือว่าผิดปกติ
ให้ตรวจวินิจฉัยต่อโดยใช้ 100gm 3 ชั่วโมง OGTT
การตรวจวินิจฉัย
ค่าปกติ 100gm OGTT
ค่า fasting 95 mg/dL
1hr. 180 mg/dL
2hr. 155 mg/dL
3hr. 140 mg/dL
การแปลผล 100gm OGTT
ผิดปกติ2ค่าขึ้นไป วินิจจัยเป็น GDM
ในกรณีผลตรวจค่า 100 gm, OGTT ผิดปกติ 1 ค่า
ให้ตรวจซ้ำภายใน 1 เดือน
และถ้าตรวจปกติทุกค่าให้ตรวจซ้ำอีก
เมื่ออายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์
การจำแนก
ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
GDMA1
ผิดปกติ2ค่าขึ้นไป โดยค่า fasting น้อยกว่า
95 mg/dL และ ค่า 2hr.Postprandial น้อยกว่า 120 mg/dL
ให้การรักษาโดยการควบคุมอาหาร
และออกกำลังกาย
ในกรณีที่ไม่สามารถคุมน้ำตาลได้หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้น เช่น ความดันโลหิตสูง,IUGR, โรคไตหรืออื่น ๆ ให้ส่งตรวจ NST สัปดาห์ละ 2 ครั้งตั้งแต่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์พิจารณาส่งตรวจ ultrasonography ที่ห้องตรวจครรภ์เพื่อดูการเจริญเติบโตในกรณีที่สงสัยภาวะ macrosomia
GDMA2
ผิดปกติ2ค่าขึ้นไป โดยค่า fasting มากกว่า
หรือเท่ากับ 95 mg/dL และ ค่า 2hr.Postprandial
มากกว่าหรือเท่ากับ 120 mg/dL และได้รับ
การรักษาด้วยการฉีด Insulin
เริ่มต้นการรักษาด้วยยาอินซูลินควบคู่ไป
กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
ส่งปรึกษาอายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อ
ให้ดูแลรักษาผู้ป่วยร่วมกันและเป็นผู้ปรับขนาดยา insulin
เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ในรายที่ควบคุมเบาหวานไม่ดีให้ทำ non stress test (NST) สัปดาห์ละ 2 ครั้งตั้งแต่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ถ้าผลเป็น non reactive test ให้ประเมินต่อด้วย biophysical profile (BPP) และตรวจบ่อยขึ้นถ้ามีภาวะแทรกซ้อน
ผลกระทบต่อร่างกาย
ของหญิงตั้งครรภ์
การแท้งบุตร
ทารกขาดออกซิเจนเกิดภาวะแท้ง
การติดเชื้อ ในช่องคลอดหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
ครรภ์แฝดน้ำ
การคลอดยาก
การตกเลือดหลังคลอด
ความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
และทารกแรกเกิด
ทารกในครรภ์ขาดอาหารและออกซิเจน
ทารกตัวโต
ทารกมีความพิการ
ภาวะหายใจลำบาก
น้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด
สาเหตุมาจากการต้านฮอร์โมนอินซูลินกับความพร่องของการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสเหลืออยู่ในกระแสเลือดมาก โดยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจากรกที่สูงขึ้นจะกระตุ้นให้เบต้าเซลล์ของตับอ่อนของหญิงตั้งครรภ์หลั่งอินซูลินมากขึ้น ส่งผลให้มีการใช้กลูโคสเพื่อสร้างเนื้อเยื่อไขมันไว้เพื่อเป็นพลังงานของร่างกายทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สองและสามรกจะสร้างฮอร์โมนที่ฤทธิ์ต้านการทำงานของอินซูลิน ได้แก่ ฮอร์โมน HPL ฮอร์โมนโปรแลกติน ฮอร์โมนคอติซอลและฮอร์โมนอินซูลินเนส โดยเฉพาะฮอร์โมน HPL จะเพิ่มมากขึ้นตามอายุครรภ์และจะทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงตั้งครรภ์ก็จะสูงขึ้น
ข้อมูลผู้ป่วย
หญิงตั้งครรภ์ ชาวไทย อายุ 29 ปี G2P1001 GA 35 wks.+ 3 day by date LMP 25 กรกฎาคม 2563
EDC by date 1 พฤษภาคม 2564 ปี 2555 term คลอด NL เพศชาย น้ำหนัก 2950 กรัม ได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ครบ 2 เข็ม ปฏิเสธโรคประจำตัว มารดาของผู้ป่วยเป็น HT ปฏิเสธการผ่าตัด ช่วงไตรมาสเเรก มีคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ให้ประวัติว่า4วัน ก่อนมาฝากครรภ์โรงพยาบาลตำรวจมีก้อนเลือดออกทางช่องคลอด มีอาการปวดบิด ไปพบเเพทย์ รพ.วิภาราม แพทย์เเจ้งว่ามีภาวะแท้งคุกคาม
ประวัติการฝากครรภ์
ANC 11 ครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ 1st ANC at GA 7wks.+ 6 day by date ก่อนตั้งครรภ์ น้ำหนัก 86 กิโลกรัม สูง 163 เซนติเมตร BMI 32.37 kg/m2 คัดกรอง 50 grams (glucose challenge test :GCT) ผลการตรวจ 148 mg%
ANCครั้ง2 GA 11+6 wks.
ผลการตรวจ VDRL non-reactive,
HIV negative,HBsAg negative, Thalassemia screening negative,Hb 14.2, Hct 42.2, MCV 81.1, DCIP negative,
OGTT 95,181,134,97 mg%
ส่งพบ med เรื่อง GDM
ANCครั้ง3 GA 20+6 wks
U/S screening นัด OGTT 4 wks.
ANC ครั้ง5 GA 24+6 wks GDMA2
ANC ครั้งที่ 7 GA 29+6 wks.by date Consult med เรื่อง GDMA2 คุมอาหาร+ฉีด Insulin Novorapid 6-6-4 unit sc ac. gensulin N 16 unit sc at 21.00 น. ยาบำรุง Cal tab 1x1 po pc. Nataral 1x1po pc.
ANC ครั้งที่ 8 GA 33+6 wks. med ปรับยา Novorapid 6-8-4 unit sc ac. gensulin N 20 unit sc at 21.00 น. ยาบำรุงยาเดิม NST Reactive No UC Repeat Lab ผลการตรวจ VDRL non-reactive, HIV negative,HBsAg negative, Thalassemia screening negative, MCV 77.7, DCIP negative,Hb13, Hct 40.4
นัด NST สัปดาห์ละ2ครั้ง เป็นทุกวันอังคารกับวันศุกร์
ผล Reactive No UC
แรกรับ BP 129/74 mmHg. Pluse 93 ครั้งต่อนาที
น้ำหนัก 90.9 กิโลกรัม BMI 34.21kg/m2
ตรวจร่างกาย เยื่อบุตาไม่ซีด มีฟันผุ1ซี่ คอไม่บวมโต หัวนมปกติ ไม่บอดไม่บุ๋ม ไม่มีขาบวม
ระดับยอดมดลูก 3/4>สะดือ
ส่วนนำเป็น Vx,HF,FHS 140 bpm,OL,ลูกดิ้นดี
ข้อวินิจฉัยและการพยาบาล
ไตรมาสแรก
1.
มีภาวะไม่สุขสบายในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ
ข้อมูลสนับสนุน
หญิงตั้งครรภ์ มีอาการเวียนศีรษะ อาเจียน
ในไตรมาสแรกน้ำหนักหยญิงตั้งครรภ์ลดทั้งหมด 2.6 กิโลกรัม
วัตถุประสงค์
เพื่อบรรเทาอาการไม่สุขสบาย
เกณฑ์การประเมินผล
อาการเวียนศีรษะ อาเจียนลดลง
สามารถพักผ่อนได้เยอะขึ้น
น้ำหนักของมารดาตลอดการตั้งครรภ์ในไตรมาสเเรกควรขึ้น 1-2 กิโลกรัม และตลอดการตั้งครรภ์ควรเพิ่มขึ้น 5-7 กิโลกรัม
กิจกรรมการพยาบาล
1.คลื่นไส้
ให้คำเเนะนำหญิงตั้งครรภ์ เช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ย่อยยาก กลิ่นเเรง
หลีกเลี่ยงการแปรงฟันหลังอาหารทันที
เมื่อเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนให้นอนพัก 15-20นาที
หลังอาเจียนบ้วนปากให้สะอาด
ครอบครัวเอาใจใส่ ให้กำลังใจ
รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย มื้อละน้องๆเเต่บ่อยครั้ง - หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารทอด
ดูแลให้ได้รับยา Dimenhydrinate 1x3 po pc
Besix 1x1 po hs
Folic acid 1x1 po pc
Iodine 1x1 po pc
ตามแผนการรักษาของแพทย์
2.เวียนศีรษะ
แนะนำให้เปลี่ยนอริยบถช้าๆ
หลีกเลี่ยงการนอนหงายเป็นเวลานาน ให้นอนตะแคงซ้าย
ไม่สวมเสื้อผ้าที่คับแน่น ไม่อยู่ในที่ที่แออัด
3.น้ำหนักลด
แนะนำให้รับประทานอาหารที่ที่ประโยชน์ ครบ 5หมู่ เน้นโปรตีน นม ไข่ เนื้อสัตว์ ถั่ว ไข่ไก่วันละ 1-2ฟอง นมสดวันละ 1-2แก้ว
ผลการประเมิน
ตลอดการตั้งครรภ์น้ำหนักขึ้นทั้งหมด 4.9 กิโลกรัม หลังได้รับยา Dimenhydrinate อาการอาเจียนลดลง
2.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ข้อมูลสนับสนุน
-BMI 32.37 kg/m2
-ผลตรวจ GCT 148 mg%
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินความเสี่ยงและคัดกรองสำหรับการรักษา
เกณฑ์การประเมินผล
ค่า OGTT อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ค่า fasting <95 mg/dL
1hr. <180 mg/dL
2hr. <155 mg/dL
3hr. <140 mg/dL
FBS & 2 PP < 95,120 mg/dL
กิจกรรมการพยาบาล
ซักประวัติและคัดกรองความเสี่ยงโดยใช้วิธี BS 50 grams GCT
ตรวจวินิจฉัย การแปลผล 100gm OGTT
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดโรค ลักษณะอาการ ผลของโรคเบาหวานต่อการต้ังครรภ์
จัดให้หญิงตั้งครรภ์ได้ปรึกษาโภชนากร เน้นให้หญิงตั้งครรภ์ทราบว่าการควบคุมอาหาร
ให้แนะนำหญิงตั้งครรภ์ ปฏิบัติตัวในการควบคุมเบาหวาน รับประทานอาหาร ครบ 5 หมู่ โปรตีนที่มาจากสัตว์ไขมันต่ำ นมสดพร่องมันเนย งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ได้แก่ น้ำหวานต่างๆ น้ำผลไม้ผสมน้ำตาล น้ำอัดลม แยม เยลลี่ นมข้นหวาน ช็อคโกเลต ลูกกวาด ผลไม้แช่อิ่ม ขนมหวานต่างๆ ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน อ้อย ลำไย องุ่น
การประเมินผล
ผลตรวจน้ำตาลในเลือด OGTT= 95,181,134,97 mg % วันที่ 16 ต.ค.63 เเพทย์วินิจฉัยเป็น GDM
3. มารดาเสี่ยงต่อการเเท้งบุตรเนื่องจากมีภาวะแท้งคุกคาม
ข้อมูลสนับสนุน
หญิงตั้งครรภ์บอกว่า "ก่อนมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจเคยมีก้อนเลือดออกทางช่องคลอด มีปวดบิด ไปพบเเพทย์ รพ.วิภาราม แพทย์เเจ้งว่ามีภาวะแท้งคุกคาม"
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการแท้งบุตรจากภาวะแท้งคุกคาม
ผลการประเมิน
หญิงตั้งครรภ์ไม่มีอาการผิดปกติ รับประทานยาตามเเพทย์สั่ง มาตรวจตามนัดทุกครั้ง
เกณฑ์การประเมินผล
หญิงตั้งครรภ์ไม่มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องอย่างรุ่นเเรง มีเลือดออกทางช่องคลอด อาจออกกะปริบกะปรอยหรือออกมาก
กิจกรรมการพยาบาล
เเนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตตัวเองเกี่ยวกับอาการผิดปกติ ที่ควรมาพบเเพทย์ทัน เช่น ปวดท้องอย่างรุ่นเเรง มีเลือดออกทางช่องคลอด อาจออกกะปริบกะปรอยหรือออกมาก
ดูแลและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
แนะนำให้มาตรวจตามนัดที่ห้องฝากครรภ์
ให้คำแนะนำหญิงตั้งครรภ์เรื่องการปฏิบัติตัว เช่น
ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
งดดื่มเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน
ไม่ควรเดินทางไกล
งดมีเพศสัมพันธ์
แนะนำไม่ให้หญิงตั้งครรภ์งดทำงาน ยกของหนัก
ให้ออกกำลังกายเบาๆ สม่ำเสมอ ไม่หักโหมเกินไป วันละ 30นาที เช่น การเดิน
แนะนำให้ดูแลความสะอาดร่างกายและอวัยวะสืบพันธ์ุ
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตและนับการดิ้นของทารกในครรภ์ รวมกันแล้วมากกว่าหรือเท่ากับ 10 ครั้งต่อวัน ถือว่าปกติ
ออกกำลังกายเบา ๆ เป็นประจำอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ควรได้รับการแนะนำหรือปรึกษากับแพทย์ก่อน เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูก
ดูแลให้ได้รับยา Besix 1x1 po hs
Folic acid 1x1 po pc
Iodine 1x1 po pc
ตามแผนการรักษาของแพทย์
ไตรมาสสอง
1.
ทารกในครรภ์เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากมารดามีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ข้อมูลสนับสนุน
(1/02/64) หญิงตั้งครรภ์บอกว่า “ลูกดิ้นน้อยลง”
ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นGDMA2
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะ
แทรกซ้อนต่อทารก
เกณฑ์การประเมินผล
ตรวจครรภ์พบ ขนาดท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์
NST อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือ NST reactive
FHS อยู่ในเกณฑ์ปกติ (110-160ครั้งต่อนาที)
กิจกรรมการพยาบาล
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของทารกเมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดมารดาสูง เช่น ทารกตัวโต preterm เป็นต้น
ติดตามผลการตรวจ Ultrasound เพื่อประเมินขนาดตัวของทารก
ติดตามผลการตรวจน้ำตาลในเลือดของมารดา
จัดให้หญิงตั้งครรภ์ได้ปรึกษาโภชนากร เน้นให้หญิงตั้งครรภ์ทราบว่าการควบคุมอาหารมีความสำคัญมาก
ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกและรับประทานอาหาร ครบ 5 หมู่ รับประทานผลไม้ที่มีกากและรสหวานน้อย แทนขนมหวาน เช่น ฝรั่ง ชมพู่ พุทรา
แอปเปิ้ล หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้น้ำตาล ได้แก่ น้ำหวานต่างๆ น้ำผลไม้ผสมน้ำตาล น้ำอัดลม แยม เยลลี่ นมข้นหวาน ช็อคโกเลต ลูกกวาด ผลไม้แช่อิ่ม ขนมหวานต่างๆ ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน อ้อย ลำไย องุ่น และดื่มน้ำให้เพียงพอ เน้นโปรตีนที่มาจากสัตว์ไขมันต่ำ นมสดพร่องมันเนย
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตและนับการดิ้นของทารกในครรภ์ โดยให้นับการดิ้นของทารกในครรภ์หลังรับประทานอาหาร แต่ละมื้อ นั่งพักและนับการดิ้นของทารกนาน 1 ชั่วโมง ถ้าได้ 4 ครั้งขึ้นไป แสดงว่าปกติ หรือนับจนครบหลังอาหาร 3 มื้อ รวมกันแล้วน้อยกว่า 10 ครั้ง แสดง ว่าทารกอาจมีภาวะผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ดูแลให้คำเเนะนำการได้รับยา Cal tab 1x1 po pc. Nataral 1x1po pc. ตามแผนการรักษา เลือกอาหารที่เสริมธาตุเหล็ก ไอโอดีน วิตามินต่างๆ เช่น ตับ ไข่ ผักใบเขียว ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ วันละ 30-45นาที และนอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง และนอนนอนกลางวันเสริมวันละ 1-2 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หนักเกินไป เช่น การขึ้นลงบันได สิ่งที่ทำให้เครียด และทำกิจกรรมที่ชอบ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สูง งดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงจากผู้สูบบุหรี่
แนะนำให้มาตรวจตามนัดที่ห้องฝากครรภ์และสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบเเพทย์ ได้เเก่ มีไข้สูง ปัสสาวะแสบขัด ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ปอดท้องอย่างรุ่นเเรง ทารกดิ้นน้อยลง มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรมารับการตรวจทันที
แนะนำหญิงตั้งครรภ์ชั่งน้ำหนักเวลาเดิมทุกวัน
ผลการประเมิน
ตรวจครรภ์ พบ ขนาดหน้าท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์ GA 27+3 wks. ขนาดของมดลูก 2/4 เหนือสะดือ วัดได้ 29 เซนติเมตร ผลการตรวจ NST ผล Reactive , No UC FHS อยู่ในช่วง 138-150 bpm. หญิงตั้งครรภ์ฉีดอินซูลินครบสม่ำเสมอทุกครั้ง ดูแลตัวเอง ควบคุมอาหารทุกมื้อ ปฏิบัติตัวตามเเพทย์แนะนำ
3.
หญิงตั้งครรภ์มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอันตรายต่อตนเองและทารกในครรภ์ เนื่องจากการเป็นโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์
ข้อมูลสนับสนุน
-มารดา ถามว่า “ลูกเป็นยังไงบ้าง”
วัตถุประสงค์
เพื่อลดความวิตกกังวล
เกณฑ์การประเมินผล
มีสีหน้า สดชื่น
มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมากเพิ่มขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพ เปิดโอกาสให้ซักถาม
สังเกตอาการ สีหน้า ท่าทาง
เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ ซักถามเกี่ยวกับการเกิดโรค ลักษณะอาการ ผลของโรคเบาหวานต่อการต้ังครรภ์ เพื่อให้ทราบข้อมูล ช่วยให้ลดความวิตกกังวลในสิ่งท่ีไม่เข้าใจ
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ทราบถึงแนวทางการรักษาของแพทย์
อธิบายให้ทราบถึงความสาคัญของการดูแลรักษา พยาบาลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การมาตรวจตามนัดที่ห้องฝากครรภ์เพื่อติดตามการควบคุมอาหาร น้ำหนักตัว
แนะนำภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะพบได้และการสังเกตอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ปัสสาวะแสบ เป็นต้น ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรมารับการตรวจทันที
แนะนำการรักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์
ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัว ดังนี้
-งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สูง งดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงจากผู้สูบบุหรี่
-เน้นให้เห็นความสาคัญของการมาตรวจตามนัดทุกครั้ง
-เมื่อมีภาวะผิดปกติ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด ลูกดิ้นน้อย ปวดท้องน้อย ควรรีบพบแพทย์
ผลการประเมิน
หญิงตั้งครรภ์พูดคุยด้วยสีหน้าแจ่มใส มีการซักถามข้อมูล มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น สามารถบอกความสำคัญและตอบคำถามวิธีการดูแลตัวเอง การควบคุมอาหาร การมาตรวจตามนัดได้ถูกต้อง
2.
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากมารดาควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
ข้อมูลสนับสนุน
แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นGDMA2
ANC ครั้งที่ 6 มารดามี BP สูง
วัดครั้งเเรก 153/68 mmHg
วัดครั้ง2 140/77 mmHg
วัดครั้ง3 118/69 mmHg
หญิงตั้งครรภ์บอกว่า "ผลเจาะ DTX 1 ชั่วโมง หลังมื้ออาหารที่บ้าน เกิน 140 mg% ตามเกณฑ์ที่เเพทย์รักษา"
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
เกณฑ์การประเมินผล
1.ไม่มีอาการแสดงและอาการของภาวะแทรกซ้อนจากการควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี เช่น น้ำตาลในเลือดสูง
ความดันโลหิตสูง ติดเชื้อง่าย
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
BT = 36.5-37.4 องศาเซลเซียส
PR = 60-100 /min
BP = 90-130/60-80 mmHg
RR = 12-22 /min
O2 sat มากกว่าหรือเท่ากับ 96-100%
ผลการตรวจ Urine strip test ผล Neg/Neg
ไม่พบโปรตีนในปัสสาวะ
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินอาการและอาการเเสดงของภาวะแทรกซ้อนจากการควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี เช่น ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย น้ำหนักลด ผิวแห้ง ร้อนวูบวาบ มองเห็นไม่ชัด เป็นต้น ปวดมึนท้ายทอย เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น ตามัว มือเท้าชา มีไข้
เจ็บคอ สีเสมหะ ปัสสาวะแสบขัด สีขุ่น เป็นต้น
ดูแลและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจวัดสัญญาณชีพให้อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกครั้งที่มาตรวจตามนัด
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ปฏิบัติตัวในการควบคุมเบาหวาน
เเนะนำเรื่องรับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีนที่มาจากสัตว์ไขมันต่ำ นมสดพร่องมันเนย งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ได้แก่ น้ำหวานต่างๆ น้ำผลไม้ผสมน้ำตาล น้ำอัดลม แยม เยลลี่ นมข้นหวาน ช็อคโกเลต ลูกกวาด ผลไม้แช่อิ่ม ขนมหวานต่างๆ ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน อ้อย ลำไย องุ่น
ดูแลแนะนำการฉีด Insulin ให้ฉีด insulin 4 ครั้งต่อวัน ก่อนอาหารเช้า เที่ยง เย็น และก่อนนอน เวลา 21.00น. ตามแผนการรักษา คือ Novorapid 6-8-4 unit sc ac. gensulin N 20 unit sc at 21.00 น และเเนะนำให้ดูแลบริเวณที่ฉีด ควรหมุนเวียนบริเวณใดบริเวณหนึ่งเป็นสัปดาห์ ดูแลแนะนำให้ประเมินระดับน้ำตาลจากการเจาะ DTX ทุกวัน วันละ4ครั้ง คือ ก่อนอาหารเช้า 1ครั้ง หลังอาหาร 1 ชั่วโมง เช้า 1ครั้ง เที่ยง 1ครั้ง และเย็น1ครั้ง keep ก่อนอาหารเช้า ห้ามเกิน 95 mg% หลังอาหารห้ามเกิน 140 mg%
แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ สม่ำเสมอ ไม่หักโหมเกินไป วันละ 30นาที เช่น การเดิน
แนะนำให้ดูแลความสะอาดร่างกายและอวัยวะสืบพันธ์ุ โดยเช็ดจากหน้าไปหลัง ไม่เช็ดย้อน
แนะนำให้มาตรวจตามนัดที่ห้องฝากครรภ์และสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบเเพทย์ ได้เเก่ มีไข้สูง ปัสสาวะแสบขัด ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ปอดท้องอย่างรุ่นเเรง ทารกดิ้นน้อยลง มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรมารับการตรวจทันที
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตและนับการดิ้นของทารกในครรภ์ โดยให้นับการดิ้นของทารกในครรภ์หลังรับประทานอาหาร แต่ละมื้อ นั่งพักและนับการดิ้นของทารกนาน 1 ชั่วโมง ถ้าได้ 4 ครั้งขึ้นไป แสดงว่าปกติ หรือนับจนครบหลังอาหาร 3 มื้อ รวมกันแล้วน้อยกว่า 10 ครั้ง แสดง ว่าทารกอาจมีภาวะผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แนะนำให้นอนตะแคงซ้าย ศีรษะและไหล่สูงเล็กน้อย เพื่อช่วยให้มดลูกไม่กดทับเส้นโลหิต inferior vena cava และไม่เบียดกระบังลม
ผลการประเมิน
ไตรมาสสองมา ANC ทั้งหมด4 ครั้ง มาตรวจตามนัดทุกครั้ง ไม่มีอาการเเสดงของภาวะแทรกซ้อน ฉีดอินซูลินครบสม่ำเสมอทุกครั้ง ดูแลตัวเอง ควบคุมอาหารทุกมื้อ ปฏิบัติตัวตามเเพทย์แนะนำ ตลอดไตรมาสสอง สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ PR อยู่ในช่วง 86-94 /min BP อยู่ในช่วง
118-134/69-77 mmHg GA 24+6 ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ 1+ ไม่มีอาการและอาการเเสดงของภาวะแทรกซ้อนจากการควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
ไตรมาสสาม
1.
ทารกในครรภ์เสี่ยงเกิดภาวะ Macrosomia เนื่องจากมารดาเป็น GDMA2
ข้อมูลสนับสนุน
-หญิงตั้งครรภ์เป็นGDMA2
-BMI 32.37 kg/m2
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินขนาดของทารกในครรภ์
เกณฑ์การประเมินผล
ขนาดท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์
น้ำหนักมารดาตลอดการตั้งครรภ์ควรเพิ่มขึ้น 5.7 กิโลกรัม
น้ำหนักทารกในครรภ์อยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 10-90
กิจกรรมการพยาบาล
ตรวจครรภ์ ดูขนาดท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์โดยวัดระดับความสูงของมดลูก
แนะนำหญิงตั้งครรภ์ชั่งน้ำหนักเวลาเดิมทุกวัน
ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์ ควบคุมอาหารและดูแลการฉีด insulin เพื่อควบคุมระดับน้ำตาล
แนะนำหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับน้ำหนักที่ควรขึ้นในไตรมาสที่ 3 ควรขึ้นสัปดาห์ละ 0.25-0.3 กิโลกรัม
แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ
แนะนำให้มาตรวจตามนัดทุกครั้ง
ดูแลให้ได้การตรวจ ultrasound เพื่อดูการเจริญเติบโต
ผลการประเมิน
ผล U/S GA 29+6 wks. EFW 1562 g.
GA 35+3 wks. ขนาดของมดลูก 3/4 เหนือสะดือ วัดได้ 37 เซนติเมตร น้ำหนักมารดาตลอดการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น 4.9 กิโลกรัม มารดา ฉีดอินซูลินครบสม่ำเสมอทุกครั้ง ดูแลตัวเอง ควบคุมอาหารทุกมื้อ ปฏิบัติตัวตามเเพทย์แนะนำ
2.ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Fetal distress
ข้อมูลสนับสนุน
หญิงตั้งครรภ์เป็นGDMA2
BMI 32.37 kg/m2
ตลอดไตรมาสสาม น้ำหนักขึ้น 1.6 กิโลกรัม
วัตถุประสงค์
ทารกในครรภ์ปลอดภัยไม่เกิดภาวะFetal distress
ผลการประเมิน
ตรวจครรภ์ พบ ขนาดหน้าท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์ GA 35+3 wks. ขนาดของมดลูก 3/4 เหนือสะดือ วัดได้ 37 เซนติเมตร
ผลการตรวจ NST ผล Reactive , No UC FHS อยู่ในช่วง 140-150 bpm. ลูกดิ้นดี ดิ้นมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน
เกณฑ์การประเมินผล
NST อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือ NST reactive
FHS อยู่ในเกณฑ์ปกติ (110-160ครั้งต่อนาที)
หญิงตั้งครรภ์น้ำหนักที่ควรขึ้นใสัปดาห์ละ 0.25-0.3 กิโลกรัม
ทารกดิ้นมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำให้มาตรวจตามนัดที่ห้องฝากครรภ์ ประเมินทารกในครรภ์ โดย NST สัปดาห์ละ2ครั้ง เป็นทุกวันอังคารกับวันศุกร์ ฟังเสียงหัวใจทารก
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตและนับการดิ้นของทารกในครรภ์ โดยให้นับการดิ้นของทารกในครรภ์หลังรับประทานอาหาร แต่ละมื้อ วันละ 3 ครั้ง รวมกันแล้วน้อยกว่า 10 ครั้ง แสดง ว่าทารกอาจมีภาวะผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แนะนำให้สังเกตอาการที่ต้องมาพบเเพทย์ทันที ได้เเก่ ทารกดิ้นน้อยลง มีเลือดออกทางช่องคลอด หายใจเหนื่อยขึ้น ปวดท้องถี่ร่วมท้องเเข็ง อาการเจ็บครรภ์จริง น้ำเดิน
ตรวจครรภ์ ดูขนาดท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์โดยวัดระดับความสูงของมดลูก
แนะนำให้นอนตะแคงซ้าย ศีรษะและไหล่สูงเล็กน้อย เพื่อช่วยให้มดลูกไม่กดทับเส้นโลหิต inferior vena cava และไม่เบียดกระบังลม
คำแนะนำหญิงตั้งครรภ์
ไตรมาสแรก
อาการที่ผิดปกติที่ให้มารพ.ทันที
เลือดออกจากช่องคลอด
แพ้ท้องมาก
ตกขาวผิดปกติ
ปัสสาวะลำบาก
เจ็บครรภ์
ปวดท้องน้อยมาก
รับประทานอาหารมีประโยชน์ เน้นโปรตีน นมวันละ1-2แก้ว ไข่ วันละ 1-2 ฟอง
รับประทานผลไม้ผักทุกๆวัน เช่น ส้ม มะละกอ
รองเท้าไม่มีส้น
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ไม่น้อยกว่า 6-8แก้วต่อวัน
ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
ไม่ควรเดินทางไกล
งดมีเพศสัมพันธ์
งดทำงาน ยกของหนัก
ไตรมาสสอง
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตและนับการดิ้นของทารกในครรภ์ โดยให้นับการดิ้นของทารกในครรภ์หลังรับประทานอาหาร แต่ละมื้อ นั่งพักและนับการดิ้นของทารกนาน 1 ชั่วโมง ถ้าได้ 4 ครั้งขึ้นไป แสดงว่าปกติ หรือนับจนครบหลังอาหาร 3 มื้อ รวมกันแล้วน้อยกว่า 10 ครั้ง แสดง ว่าทารกอาจมีภาวะผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกและรับประทานอาหาร ครบ 5 หมู่
รับประทานผลไม้ที่มีกากและรสหวานน้อย แทนขนมหวาน เช่น ฝรั่ง ชมพู่ พุทรา แอปเปิ้ล หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้น้ำตาล ได้แก่ น้ำหวานต่างๆ น้ำผลไม้ผสมน้ำตาล น้ำอัดลม แยม เยลลี่ นมข้นหวาน ช็อคโกเลต ลูกกวาด ผลไม้แช่อิ่ม ขนมหวานต่างๆ ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน อ้อย ลำไย องุ่น และดื่มน้ำให้เพียงพอ เน้นโปรตีนที่มาจากสัตว์ไขมันต่ำ นมสดพร่องมันเนย
แนะนำให้มาตรวจตามนัดท่ีห้องฝากครรภ์และสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบเเพทย์ ได้เเก่ มีไข้สูง ปัสสาวะแสบขัด ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ปอดท้องอย่างรุ่นเเรง ทารกดิ้นน้อยลง มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรมารับการตรวจทันที
อธิบายให้ทราบถึงความสาคัญของการดูแลรักษาการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การมาตรวจตามนัดท่ีห้องฝากครรภ์ การควบคุมอาหาร น้ำหนักตัว และการปฏิบัติตัวในการควบคุมเบาหวาน
แนะนำเกี่ยวกับการเกิดโรค ลักษณะอาการ ผลของโรคเบาหวานต่อการต้ังครรภ์ เพื่อให้ทราบข้อมูล
ไตรมาสสาม
เตรียมข้อมูลเอกสารการตั้งครรภ์
ติดตัวตลอดเวลา เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
เเนะนำอาการเจ็บครรภ์คลอด เช่น เจ็บหน่วงๆร้าวไปหน้าท้อง ลงขา
เจ็บท้องถี่ๆ นาน5นาที เจ็บไม่หาย ร่วมกับมีอาการท้องเเข็ง มีน้ำเดิน มีมูกเลือด ให้รีบมาโรงพยาบาล
แนะนำให้มาตรวจตามนัดท่ีห้องฝากครรภ์และสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบเเพทย์ ได้เเก่ มีไข้สูง ปัสสาวะแสบขัด ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ปอดท้องอย่างรุ่นเเรง ทารกดิ้นน้อยลง มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรมารับการตรวจทันที
ให้เห็นความสำคัญของการตรวจตามนัดทุกครั้ง การควบคุมระดับน้ำตาล การคุมอาหาร การฉีดอินซูลิน
แนะนำการกระตุ้นพัฒนาการ การพูดคุยกับลูก ฟังเพลง ลูบหน้าท้อง เรียกชื่อ นั่งเก้าอี้โยก ส่องไฟที่หน้าท้อง