Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Chest Injuries - Coggle Diagram

- - - - ไหล่ข้างที่ได้รับบาดเจ็บตก ยกแขนไม่ขึ้น เคลื่อนไหวได้น้อย ปวดบวม มีแผลฟกช้ำ
    - - กรณีที่ไม่ผ่าตัด
        ให้ส่วนที่หักอยู่นิ่งโดยการใส่ผ้าคล้างคล้องแขนไว้ (arm sling) หรือใส่อุปกรณ์พยุงไหล่ (figure of eight) นานประมาณ 2 wks. ร่วมกับให้ยาระงับปวด โดยกระดูกที่หักจะติดกันภายใน 10-12 wks.
        ภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ กระดูกไม่ติด (nonunion) หรือติดผิดรูป (malunion) กระดูกสั้นลง ปวด ชาปลายมือ ไหล่ตกและไม่สวยงาม
      - การผ่าตัด
        ทำในรายที่มีกระดูกเคลื่อนมากกว่า 2 cm. กระดูกหักมีแผลเปิด (open fracture) มีการบาเจ็บต่อเส้นประสาทหรือหลอดเลือด ขยับไหล่ไม่ได้ ไหล่หลุด (floating shoulder) ถ้าปล่อยทิ้งไว้กระดูกจะไม่ติดหรือติดผิดรูป ยกไหล่ไม่ขึ้น โดยแพทย์จะใส่เหล็กดามยึดตรึงกระดูก (clavicle osteosynthesis) เพื่อให้กระดูกติดดีขึ้น หลังผ่า 2 wks. แรก ห้ามกางแขนเกิน 90 องศา ควรใส่ผ้าคล้องแขนไว้ 6 wks. โดยกระดูกจะติดต้องใช้เวลา 120 วัน แนะนำให้งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้กระดูกไม่ติดและแผลแยกหลังผ่าตัด
        อาการแทรกซ้อน ได้แก่ ปวด ไหล่ติด (frozen shoulder) ไม่สุขสบายและปผลติดเชื้อ
    - - ประเมินอาการปวด ให้ยาระงับปวดให้เพียงพอ สังเกตอาการแทรกซ้อนจากยา
        
        หลีกเลี่ยงการเปิดเส้นและให้สารน้ำแขนข้างที่มีไหปลาร้าหัก
        
        ไม่ให้แขนข้างที่มีเคลื่อนไหว โดยสอนและแนะนำการใช้ผ้าคล้างแขนแขน (arm sling) หรือใส่อุปกรณ์พยุงไหล่ (figure of eight dressing/clavicle strap)
        
        สอนวิธีการบริหารข้อไหล่และแขนเมื่ออาการปวดทุเลาลง
        
        คลำชีพจรข้อมือข้างที่ไหปลาร้าหัก เพื่อประเมินการบาดเจ็บของหลอดเลือดและเส้นประสาทที่เลี้ยงแขน
  - - - ปวดมากหรือหายใจตื้น ทำให้ปอดแฟบ มีการคั่งของเสมหะ เกิดการติดเชื้อและการหายใจล้มเหลว
    - - กรณีที่ไม่ผ่าตัด
        ถ้ากระดูกสันอกหักอย่างเดียวและไม่เคลื่อนมาก โดยใช้ระฆังสุญญากาศ (vacuum bell) ครอบส่วนที่ยุบเป็นระยะๆ เป็นเวลา 6 wks. โดยระหว่างนั้นห้ามออกกำลังกาย ไม่สามารถทำได้ทุกราย
        ก้อนเลือดใต้ผิวหนัง (subcutaneoud hematoma), จ้ำเลือด (petechial bleeding), และ ชาที่แขน (transient paresthesia)
      - การผ่าตัด
        ทำในรายที่กระดูกเคลื่อนมาก ปวดรุนแรงตลอดเวลา มีอาการของหัวใจถูกกด เสื่อต่อกระดูกไม่ติดหรือกระดูกด้านหน้าผิดรูปซึ่งจะทำให้อกบุ๋ม (pectus excavatum) การหายใจล้มเหลวหีือทรวงอกไม่มีการเคลื่อนไหว
    - - ใช้หลักการเดียวกับภาวะอกรวน คือ ดูแลระบบทางเดินหายใจ ให้ออกซิเจน ให้ยาระงับปวด ดูแลการให้สารน้ำและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  - - - ซี่โครงซี่ที่ 1-3 บริเวณนี้อยู่ใต้กระดูกไหปลาร้าและมีกล้ามเนื้อแข็งแรงปกคลุม หากมีการหักมักเกิดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรงทำให้มีการฉีกขาดของหลอดเลือดใหญ่และหลอดลมคอ
        
        ซี่โครงซี่ที่ 4-9 พบบ่อยที่สุดของการบาดเจ็บจากแรงกระแทกซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อปอดและหัวใจ เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีลมหรือเลือดในโพรงเยื่อหุ้มปอด
        
        ซี่โครงซี่ที่ 10-12 เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บต่ออวัยวะภายในช่องท้องโดยเฉพาะตับและม้าม (hepatosplenic injury)
    - - จะมีอาการปวดบริเวณที่มีพยาธิสภาพโดยเฉพาะขณะหายใจ อาการปวดทำให้หายใจตื้น ไม่กล้าไอ การแลกเปลี่ยนอากาศและออกซิเจนไม่มีประสิทธิภาพ เสมหะคั่ง เจ็บเมื่อถูกกด
    - - ประเมินอาการปวด ให้ยาระงับปวดตามแผนการรักษา
        
        จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบาย ดูแลให้ได้พักผ่อนเพียงพอ
        
        ประคบเย็นบริเวณที่มีพยาธิสภาพ ในระยะเวลา 24-48 ชม.แรก หลังจากนั้นให้ประคบร้อน เพื่อลดอาการปวด
        
        ประเมินการหายใจและภาวะพร่องออกซิเจน โดยการวัดสัญญาณชีพ ดูอัตราการหายใจ ฟังเสียงปอด สังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอก อาการปลายมือปลายเท้าเขียวและค่า O2 sat
        
        ป้องกันภาวะปอดแฟบ โดยกระตุ้นให้หายใจเข้าออกลึกๆหรือเครื่องบริหารปอด เพื่อให้ปอดขยายและช่วยให้ไออย่างมีประสิทธิภาพ
        
        ติดตามภาพถ่ายรังสีปอดตามแผนการรักษา เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของการบาดเจ็บและภาวะแทรกซ้อนที่อาจขึ้น
  - - - ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เช่น กรีดใต้ผิวหนัง (subcutaneous incision), ใช้เข็มหลายเล่มเจาะระบายลม (amgiocatheter needle), ใส่ท่อระบาย (drains)
    - - ขึ้นกับสาเหตุและการรักษา สิ่งที่พยาบาลต้องเฝ้าระวัง คือ การสังเกตการเกิดลมรั่วใต้ผิวหนังจากการทำหัตถการต่างๆ เช่น การสังเกตอาความผิดปกติของผิวหนังบริเวณท่อระบายทรวงอกหรือรอบท่อหลอดลม โดยเฉพาะหลังผ่าตัดเจาะคอใหม่ๆ รวมทั้งการดูแลแผลหลังเจาะคอ
    - - จะคลำได้ฟองอากาศอยู่ใต้ผิวหนัง มีเสียงกรอบแกรบ เกิดอาการเจ็บปวดหรือแน่นอึดอัดในบริเวณที่บวมมาก ในกรณีที่ลมเซาะไปที่คอทำให้คอบวมและกดหลอดลมทำให้หายใจลำบาก กลืนลำบาก เจ็บ อาจได้ยินเสียง wheezing
- - - - การค้นหาตำแหน่งและขนาดของบาดแผล
        รอยถลอก ฟกช้ำ ดูตำแหน่งของหลอดลมคอ สีเขียวคล้ำของริมฝีปากหรือปลายมือปลายเท้า
    - - ยกตัวอย่างเช่น ถ้าซี่โครงหักหากกดจะรู้สึกเจ็บ หรือถ้ามีลมรั่วใต้ผิวหนังจะคลำเสียงกรอบแกรบได้
    - - ถ้าเคาะแล้วมีเสียงทุบแสดงว่ามีเลือดในโพรงเยื่อหุ้มปอด
      - ถ้าเคาะได้เสียงโปร่งแสดงว่ามีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด
    - - ประเมินเสียงดังผิดปกติขณะหายใจออก
        และเพื่อฟังเปรียบเทียบเสียงลมที่เข้าปอดทั้ง2ข้าง ปติเสียงลมที่เข้วรจะเท่ากันและได้ยินชัดเจนทั้งสองข้าง
  - - - มีลมค้างอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอดและไม่มีลมรั่วต่อเนื่อง
        
        สาเหตุอาจเกิดจาก
        -แรงกระแทก
        -ถูกยิง ถูกแทง
      - อาการและอาการแสดง
        
        ถ้ามีน้อยอาจไม่มีอาการแสดงหรืออาจบ่นแน่นหน้าอกหรือเจ็บเเน่นชายโครงหรือลิ้นปี่เพียงเล็กน้อย
        
        ปอดมีพยาธิสภาพลดลงเมื่อดูจากการถ่ายภาพรังสี ถ้าหายใจออกในรายที่มีลมมากจะทำให้ปอดที่มีพยาธิสภาพแฟบลงและขยายไม่ได้เต็มที่
      - การรักษา
        
        ติดตามผลภาพถ่ายรังสีปอด (Chest X-ray)
        
        หากมีลมมากแพทย์จะให้ใส่สารระบายทรวงอกในตำแหน่งของช่องซี่โครงซี่ที่5 ตัดกับกึ่งกลางรักแร้ค้อนมาทางข้างหน้า หลังจากนั้นต่อท่อระบายกับขวดจุ่มใต้น้ำและอาจต่อกับเครื่องดูดหรือไม่ก็ได้
    - - ภาวะเลือดออกในโพรงเยื่อหุ้มปอด
        
        สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการฉีกขาดของหลอดเลือดที่ปอด
      - อาการและอาการแสดง
        
        แน่นหน้าอก หายใจตื้น เหนื่อยหอบหรือช็อคจากการเสียเลือด
        
        ถ้าเคาะทรวงอกจะได้เสียงทึบ
        
        ภาพถ่ายรังสีปอดจะเห็นเงาของเหลวเป็นสีขาวทึบอยู่รัหว่างปอดกับผนังทรวงอกหรือกระบังลม
    - - ภาวะที่มีซี่โครงหักอย่างน้อย3ซี่ติดต่อกันโดยแต่ละซี่หักตั้งแต่2ตำแหน่งขึ้นไป บริเวณที่ซี่โครงหักจะขาดการยึดเหนี่ยวกับส่วนอื่นเกิดการเคลื่อนไหวตามความดันภายในทรวงอกและสวนทางกับส่วนอื่นขณะหายใจ
        
        จะสังเกตเห็นทรวงอกบริเวณนั้นยุบเข้าขณะหายใจเข้าและนูนออกขณะหายใจออก
      - สาเหตุ
        
        อุบัติเหตุจากพาหนะที่มีความเร็วสูง
        
        ถูกพวงมาลัยรถยนต์กระแทกหน้าอก ตกจากที่สูง
        
        วัตถุที่มีน้ำหนักมากตกทับ
    - - มีพยาธิสภาพที่เนื้อปอด มีเลือดออกในถุงลมปอด
        การแลกเปลี่ยนก๊าซไม่มีประสิทธิภาพ
    - - สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ ถูกรถชน ตกจากที่สูง
      - อาการและอารแสดง
        
        แน่นหน้าอก
        
        ความดันเลือดต่ำ ชีพจรผิดปกติและเต้นเร็วที่สาเหตุไม่ได้
    - - เป็นสาเหตุการตายเฉียบพลันในที่เกิดเหตุจากอุบัติเหตุรถชนหรือตกจากที่สูงมาก
        หากรอดชีวิตมักจะมีการฉีกขาดบางส่วนของหลอดเลือดที่ใกล้เคียงกับหลอดเลือด aorta