Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
G1P000 GA 38+5 wks by U/S Mild preeclampsia GDMA 2 Elderly Pregnancy …
G1P000 GA 38+5 wks by U/S
Mild preeclampsia
GDMA 2
Elderly Pregnancy
Failed induction
Mild Preeclampsia
เกิดหลัง 20 สัปดาห์ gestational hypertension
มีความดันโลหิตสูง >= 140/90 ซึ่งพบเป็นครั้งแรกขณะตั้งครรภ์
ร่วมกับการมีโปรตีนในปัสสาวะ >= 300 มก./24 ชม. หรือโปรตีนในปัสสาวะ dipstick 1+ หรือ2+ โดย WHO เน้นการมีไข่ขาวในปัสสาวะ
UPCR > 0.3 ขึ้นไป
การรักษาพยาบาล mild preeclampsia
ตรวจสุขภาพทารกในครรภ์
NST
ไม่ใช้ยาลดความดันโลหิต หรือยาขับปัสสาวะ
แนะนำการปฏิบัติตัว
แนะนำให้นอนพักผ่อนบนเตียงทำให้เลือดไหลเวียนสู่หัวใจ และมดลูกดีขึ้น
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โปรตีนสูง รวมทั้งอาหารที่มีกากใยสูง แนะนำดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
สังเกตอาการปวดศีรษะ ปวดท้ายทอย ตาพร่ามัว เวียนศีรษะจุกแน่นลิ้นปี่ บวมที่ แขน ขา
ชั่งน้ำหนักทุกวันถ้าเพิ่มมากกว่า 0.5 kg. ใน1สัปดาห์ มาพบแพทย์
วัดความดันโลหิตอาทิตย์ละ 2 ครั้งถ้า >= 140/90 mmHg มาพบแพทย์
ตรวจปัสสาวะหาไข่ขาวทุกวัน
สังเกตปัสสาวะออกน้อยรายงานแพทย์
สังเกตการดิ้นของทารก
ถ้ามีอาการก่อนกำหนด
ประครองให้ครบกำหนด
ไม่ให้มีความดันสูงขึ้น
ตรวจโปรตีน 24 ชม.
Lab
NST ทุกอาทิตย์
ครบกำหนด
ยุติการตั้งครรภ์
GDMA 2
พยาธิสภาพ
ระยะแรกของการตั้งครรภ์ estrogen และ progesteroneจากรก มีฤทธิ์กระตุ้น beta cell ของตับอ่อน ทำให้มีการหลั่ง insulinเพิ่มขึ้น ระดับ FBS ต่ำกว่าระดับก่อนการตั้งครรภ์ระยะหลังของการตั้งครรภ์มีภาวะต้านinsulin เป็นปัจจัยสำคัญ : HPL human placenta ที่เพิ่มขึ้น ร่วมกับprolactin, cortisol, glucagon ทำให้ความดื้อต่อ insulin มีมากขึ้น (diabetogenic effect) ร่วมกับความต้องการ insulin ที่เพิ่มขึ้น จึงเกิดเป็นเบาหวาน
สาเหตุของ Gestational diabetes mellitus (GDM)
รกสร้างฮอร์โมนหลายชนิด ทำให้เกิดตื้อต่ออินซูลินหลังคลอดผลเลือดมารดามักปกติ
กลุ่มที่มีการตรวจคัดกรองเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์
คัดกรองเฉพาะสตรีตั้งครรภ์ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงด้วย
50 gms. glucose challenge test (GCT) เช่น
อ้วนน้ำหนักเท่ากับ หรือมากกว่า 70 กิโลกรัม หรือ BMI > 27
อายุเท่ากับหรือมากกว่า 30 ปี
ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง หรือ ความดันโถหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์
มีน้ำตาลในปัสสาวะ 2+
ตั้งครรภ์แฝดน้ำ (polyhydramnios)
มีประวัติ บิดา มารดา ปู่ข่า ตายาย ของสตรีตั้งครรภ์เป็นเบาหวาน
ประวัติ GDM ในครรภ์ก่อน
เคยคลอดทารกตัวโต เท่ากับหรือมากกว่า 4000 กรัม เคยแท้ง
ทารกพิการแต่กำเนิด ทารกตายคลอด โดยไม่ทราบสาเหตุ
OGTT
ตรวจ 3 hour 100 gms. oral glucose tolerance test (100 gms OGTT)
เพื่อวินิจฉัย ให้รับประทานโดยไม่จำกัดอาหาร 3 วันก่อนทดสอบ
รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตอย่างน้อย 150 - 200กรัม ให้งดอาหาร และน้ำหลังเที่ยงคืน 8-14 ชั่วโมง
เจาะเลือดตรวจกลูโคสก่อนดื่มน้ำตาล และเจาะเลือดตรวจกดูโคส และหลังดื่มน้ำตาลตามเกณฑ์
ค่าปกติ < 95, 180, 155, 140 มก./ดล ตามลำดับ
ดู Fasting blood sugar and 2 hour postprandial
ชนิดของ gestational diabetes mellitus (GDM) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระดับความ รุนแรงคือ
Class A1 คือค่า OGTT (ตามเกณฑ์ของ National data Group) ผิดปกติ 2 ค่า และ FBS < 95 mg% 2 hr pp. < 120
Class A 2 หมายถึง มีระดับน้ำตาล OGTT (ตามเกณฑ์ของ National data Group)
ผิดปกติค่าใดค่าหนึ่ง และค่า FBS > 95 mg% 2 hr pp. > 120
ให้ยาฉีด เพราะยากินโมเลกุลเล็ก
ระวังลูกน้ำตาลต่ำ
GA 9+4 wks
OGTT 129-235-237-209
75 gms. OGTT
ผลของโรคเบาหวานต่อการตั้งครรภ์
ภาวะความคัน โลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์ สูงขึ้นประมาณ 2-4 เท่า
ครรภ์แฝดน้ำ (hydramnios) เนื่องจากน้ำตาลในมารคาสูง ทำให้น้ำตาลในทารกสูงด้วยทารกจะถ่ายปัสสาวะที่มีน้ำตาลสูงด้วย
การคลอดยาก เนื่องจากทารกตัวใหญ่กว่าปกติ (macrosomia)
การตกเลือดหลังคลอด พบได้มากขึ้นเนื่องจากทารกตัวใหญ่กว่าปกติ
ระดับน้ำตาลต่ำหลังได้รับยา insulin โดยน้ำตาลใน plasma ต่ำกว่า 2.8 - 3.1 มิลิโมล/ลิตร (50 - 55 mg%)
ไตรมาสแรก
น้ำตาลยังไม่สูง
ไตรมาส 2 24-28 Wk
Repeat FBS
Treat
ระยะคลอด
น้ำตาลต่ำ
NPO
ผลต่อทารก
ทารกตัวโตกว่าปกติ (macrosomia) ทารกน้ำหนักแรกคลอด เกิน 4500 กรัม
อัตราการเกิด RDS พบได้บ่อยขึ้น
พิการโดยกำเนิด เนื่องจากการควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีในช่วง
อายุครรภ์ 3 - 6 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงพัฒนาของทารก
การแท้ง คลอดก่อนกำหนด
ทำให้เกิดภาว hyperglycemia และ hyperbilirubinemia ในทารกเนื่องจากมารดามี hyperglycemia
ไตรมาส 3
ในไตรมาสแรก
ตัวเล็กๆได้ IUGR
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรคเบาหวาน
การควบคุมโรคเบาหวานยากขึ้นโดยเฉพาะหลัง 20 สัปดาห์
ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง diabetic kctoacidosis
เกิดได้ง่ายเนื่องจากร่างกาย สร้างอินซูลินไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังของการตั้งครรภ์
อาการคือปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ หายใจมีกลิ่น acctone มักพบเมื่อระดับน้ำตาลสูงกว่า 250 mg%
Diabetic retinopathy โอกาสเกิด สูงขึ้น เนื่องจากโรคทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะตั้งครรภ์ และควบคุมก็ยากขึ้นด้วย
Diabetic nephropahy การทำงานของไตอาจแย่ลงจากการตั้งครรภ์
เกิดน้ำตาลต่ำในเลือดขณะเจ็บครรภ์
การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ (urinary tract infection) เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
สถานการณ์
มารดาของผู้ป่วยเป็นเบาหวาน
ปี 2548 ผ่าไส้ติ่ง
ปี 2556 เป็น Adenomyosis ( Cyst ที่มดลูก ) รักษาที่รพ.วิภาราม ฉีด DMPA ( Depot Medroxyprogesterone Acetate เป็นยาฉีดคุมกำเนิด ) q 1 เดือน จนถึง ปี 2561 จึงหยุดยา
ปฏิเสธการแพ้ยา แพ้อาหาร
หญิงตั้งครรภ์อายุ 36 ปี G1P0A0L0 อายุครรภ์ 38 week 4 day by U/S
LMP UCD
EDC by U/S 6/03/64
1st ANC and U/S GA 6 week 4 day by U/S
มีอาการคลื่นไส้ กินได้น้อย ไม่มีอาเจียนไม่มีปวดศีรษะ
ได้รับ Folic 1x1 po pc
Iodine 1x1 po pc
Vitamin B6 1x1 po hs
Total ANC 23 times
BMI ก่อนการตั้งครรภ์ 30.4 kg/m2
Total weight gain 12 ( 80 to 97 )
GA 9 week 4 day by U/S OGTT 129,235,237,209 consult med R/O GDM/Overt DM
GA 25 week 4 day by U/S Dx. GDMA 2 ให้ Insugen (70/30) 15-0-15 SC
GA 31 week 3 day ,33 week 4 day ,33 week 5 day ฉีด Influenza Vaccine
GA 33 week 6 day by U/S แสบร้อนกลางหน้าอก Dx. GERD ( กรดไหลย้อน ) ได้รับ gaviscon 15 ml tid
GA 34 week 3 day by U/S BP 130/90 > 148/97 No head ache No Blurred vision
GA 34 week 6 day by U/S NST Reactive Alb 1+
GA 37 week 2 day by U/S NST Reactive ปรับยา Insugen (70/30) 15 unit SC OC 15-0-0
GA 37 week 5 day by U/S NST Reactive มีเจ็บครรภ์ q 10-15 min
GA 37 week 6 day by U/S NST Reactive มีท้องแข็งบางครั้ง+ปวดหน่วงท้องน้อย
GA 38 week 1 day by U/S NST Reactive จุกแน่นลิ้นปี่ ตาพร่ามัวรางๆ แล้วหายไป
GA 38 week 4 day by U/S NST Reactive มีอาการเวียนหัว ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ส่ง Lab PIH (Pregnancy-induced hypertension) > mild pre-eclampsia
GA 38 week 4 day by U/S แพทย์รับไว้ในโรงพยาบาล ที่ LR มีแผนการรักษาคือ
24/02/64 13.30 น. Admit LR
24/02/64 13.30 น.
ORDER FOR 1 DAY ONLY
Admit LR
Shave perineum
NPO ระหว่างมื้อ
On EFM 20 minute then continue monitoring
Observe BP if SBP ≥ 160, DBP ≥ 110 Please notify
ORDER FOR CONTINUATION
regular diet
record V/S
25/02/64
9.30 น.
ORDER FOR 1 DAY ONLY
Fleet enema
RLS 1,000 ml IV drip rate 100 ml/hr.
5%DN/2 1000 ml + syntocinon 10 unit IV drip rate 20 ml/hr titrate until good contraction
CBC,FBS,DTX q 2 hr start at เที่ยง
10.20 น.
ORDER FOR 1 DAY ONLY
off RLS 1,000 ml IV drip rate 100 ml/hr
5%DN/2 1000 ml IV drip rate 100 ml/hr
DTX next 1 hr
12.17 น.
ORDER FOR 1 DAY ONLY
off 5%DN/2
RLS เดิม IV drip rate 100 ml/hr.
เบิก Cefazolin 2 g IV ไป OR
Transamin 2 amp IV ไป OR
off synto
CBC ตัวที่ผิดปกติ
Neutrophil 73.8 % H
Lymphocyte 18.4 % L
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิด severe preeclampsia
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยเมื่อ GA 34+3 wks by U/S ความดันสูงขึ้น BP 130/94 > 148/97
GA 38+1 wks จุกแน่นลิ้นปี่ ตาพร่ามัวรางๆ แล้วหายไป
GA 38+4 wks Proteinuria 1+ dipstick
UPCR 0.34
วัตถุประสงค์
ไม่มีอาการของ Severe Preeclampsia
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำให้นอนพักบนเตียง (absolute bed rest) มากที่สุด
โดยนอนกลางวัน 2 ชั่วโมง กลางคืน 8 ชั่วโมง
จะทำให้ renin angiotensin ลดลง และความดันโลหิตจะลดลงตามมา
แนะนำให้นอนตะแคงซ้าย เพื่อไม่ให้ความดัน โลหิตเพิ่ม และปริมาณเลือดไปเลี้ยงที่ไตมาก
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โปรตีนสูง รวมทั้งอาหารที่มีกากใยสูง แนะนำดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
สังเกตอาการปวดศีรษะ ปวดท้ายทอย ตาพร่ามัว เวียนศีรษะจุกแน่นลิ้นปี่ บวมที่ แขน ขา
ชั่งน้ำหนักทุกวันถ้าเพิ่มมากกว่า 0.5 kg. ใน1สัปดาห์ มาพบแพทย์
วัดความดันโลหิตอาทิตย์ละ 2 ครั้งถ้า >= 140/90 mmHg มาพบแพทย์
สังเกตปัสสาวะออกน้อยรายงานแพทย์
สังเกตการดิ้นของทารก
Record V/S ทุก 30 นาที โดยเฉพาะ ความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้น
LAB
Serum creatinine สูงขึ้นมากกว่า 1.1 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
Liver enzyme เพิ่มภาวะ hyperbilirubinemia AST ALT เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือ มากกว่า 70 ขึ้นไป
ตรวจพบเกร็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) < 100,000 per ml แสดงว่ามี hemolysis
สังเกตอาการ severe preeclampsia ปวดหัวมาก ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่เจ็บชายโครงขวา ค่าความดันโลหิต >= 160/110
ดูแลให้ยา oxytocin ตามการรักษาของแพทย์ คือ 5% DN/2 1,000 ml + Syntocinon 10 unit IV drip rate 20 ml/hr ปรับ rate เพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ ที่ละ 4-6 ml/hr จน contraction ดีขึ้น
ดูแลความก้าวหน้าของการคลอด Interval 2-3 นาที Duration 40-60 วินาที intensity ++
เสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงและต่ำ เนื่องจากเป็น GDMA 2
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาอายุ 36 ปี
TWG 17 (80 to 97)
BMI 30.4
OGTT 129,235,237,209 mg% (ค่าปกติ <105, 190, 165, 145 mg%)
วัตถุประสงค์
มีระดับน้ำตาลในเลือดปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ Insugen 70/30 15 unit เพื่อควบคุมน้ำตาลได้ปกติ ให้ตรงเวลา
แนะนำให้รับประทานอาหาร มื้อหลัก 3 มื้อ อาหารว่าง 10.00 น. เช่นกล้วยน้ำว้า หรือมะละกอ 8 ชิ้น หรือส้ม 1 ผล อาหารว่าง 14,00 น. เช่นกล้วยน้ำว้า หรือมะละกอ 8 ชิ้นหรือส้ม 1 ผล ก่อนนอนให้กินนมจืด 1 กล่อง
แนะนำอาหารเบาหวาน 1800 แคลอรี่ต่อวัน CHO Fat : protein 50: 30: 20
แนะนำอาหารรับประทานให้ครบ 5 หมู่
ควบคุมอาหารมารดาให้เพิ่มอย่างเหมาะสม
งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
1 more item...
เจาะระดับน้ำตาลในเลือด
ดูแลให้สารน้ำ
ดูแลให้ได้รับน้ำตาลในรูปแบบสารน้ำสารอาหารได้อย่างเพียงพอ
ควบคุมการให้ 5%DN/2 1,000 ml โดยควรคุมระดับน้ำในเลือด โดยการเจาะ DTX
ดูแลผู้ป่วยเมื่อได้รับ 5%DN/2 1,000 ml อย่างเพียงพอ แล้วจึงให้ RLS 1,000 ml ต่อ
สังเกตอาการ Hypoglycemia เช่น เหงื่อออกมาก ตัวเย็น ใจสั่น หิว มึนงง
สังเกตอาการ Hyperglycemia เช่น กระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน หายใจเร็ว หอบลึก อาจจะมีอาการหายใจเป็นกลิ่น Acetone ได้
ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ทุกๆ 15 - 30 นาที เพื่อเช็คว่าทารกไม่มีภาวะ Fatal distress และอยู่รอดปลอดภัยดี
ภาวะแทรกซ้อนของการให้ยา oxytocin
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาได้รับ 5% DN/2 1,000 ml + Syntocinon 10 unit IV drip rate 100 ml/hr
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่อได้รับยา Oxytocin เช่น มดลูกหดตัวแล้วไม่คลาย ทารกเสียชีวิตจากมดลูกที่หดตัวถี่และรุนแรงเกินไป
กิจกรรมการพยาบาล
เตรียมยาให้ถูกต้องตามแผนการรักษา ภายหลังเติมยาลงในน้ำเกลือให้เขย่าน้ำเกลือจนกระจายทั่ว เขียน
ป้ายติดให้ชัดเจนด้วยหมึกสีแดง ในกรณีเติมในขวดที่เหลือควรเขียนจำนวนที่เหลือยาที่เติม และเวลาให้ชัดเจน
ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด ดู contraction ในระยะ latent phase ทุก 1 ชม. ระยะ Active
phase ทุก 30 นาที ก่อนให้ยาและหลังให้ยา
ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ทุกๆ 30 นาที เป็นอย่างน้อย เพราะมดลูกหดรัดตัวแรง และถี่ขึ้น เลือดที่ไปยัง
รกอาจลดน้อยลงมาก
ในระยะหลังคลอด ดูแลให้ผู้คลอดได้รับยาต่ออีกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้มดลูกยังคงหดรัดตัวดี และ
ป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการเจาะ DTX เพื่อไม่ให้เกิด Hypoglycemia หรือHyperglycemia
ทารกเสี่ยงต่อการพร่องออกซิเจน
ข้อมูลสนับสนุน
FHS 142 ครั้ง/นาที.
มดลูกมีการหดรัดตัว Interval 2’20’’ ,Duration 30” ,Intensity ++
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
กิจกรรมการพยาบาล
จัดให้มารดานอนตะแคงซ้าย เพื่อไม่ให้มีการกดทับเส้นเลือด Inferior vena cava ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก และไหลเวียนไปสู่ทารกได้สะดวกขึ้น
ให้ Oxygen cannula 3 – 6 L/min แก่มารดาซึ่งจะไปเพิ่มปริมาณ Oxygen ในเลือด ทำให้มารดาปละทารกได้รับออกซิเจนอย่างพียงพอ
ให้ IV เป็น RLS 1,000 ml IV drip rate 100 ml/hr
ประเมินสุขภาพทารกในครรภ์โดย NST monitor สังเกตภาวะ Deceleration
ฟังและบันทึกผล FHS ทุก 15 – 30 นาที
ตรวจและบันทึก Uterine contraction ทุก 30 นาที เพื่อสังเกตการณ์หดรัดตัวของมดลูก เนื่องจากเมื่อมดลูกมีการหดรัดตัว จะเกิดการเกร็งของเส้นเลือด เลือกไปเลี้ยงรกและมดลูกลดลง
สังเกต Meconium ในน้ำคร่ำ ซึ่งเกิดเนื่องจากทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน ทำให้ sphincter ของ anus หย่อนตัว ทารกถ่าย meconium ออกมายัง stain ในน้ำคร่ำ
มารดามีความวิตกกังวลกังวล เนื่องจาก กลัวคลอดไม่ได้ หรือ ลูกไม่ปลอดภัย
ข้อมูลสนับสนุน
Failed induction
Interval 2’20’’ ,Duration 30” ,Intensity ++
Cx.dilate 2 cm, Effacement 25% ,Station -3 ,MA
มารดาเป็น GDMA 2
วัตถุประสงค์
ลดความวิตกกังวล และเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาของแพทย์
การพยาบาล
ประเมินความวิตกกังวลและความรู้เกี่ยวกับกลไกการคลอด การเจ็บครรภ์ และการผ่าตัดคลอดโดยการซักถามและจากการสังเกตพฤติกรรม
อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับกลไกการคลอด เหตุผลในการทำผ่าตัด ประโยชน์หรือผลดี
ที่มารดาจะได้รับการช่วยเหลือ ขั้นตอนการเตรียมผ่าตัด เครื่องมือเครื่องใช้ในการผ่าตัด วิธีการผ่าตัด ลักษณะของห้องผ่าตัด การใช้ยาระงับความรู้สึกขณะผ่าตัด และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
อธิบายให้ทราบว่าตลอดเวลาที่ผ่าตัดคลอด มารดาจะอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์พยาบาล และทุกคนพร้อมจะให้การช่วยเหลือมารดาและทารกให้ปลอดภัยตลอดเวลา
อธิบายถึงกระบวนการช่วยเหลือทารกแรกเกิดโดยมีทีมกุมารแพทย์ พยาบาล และเตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพทารกแรกเกิดให้พร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือในภาวะวิกฤต เพื่อให้มารดาคลายความวิตกกังวล
สอนวิธีการหายใจที่ถูกวิธีขณะที่มดลูกมีการหดรัดตัวเพื่อเพื่อบรรเทาอาการเจ็บครรภ์
พูดปลอบโยนและให้กำลังใจ แสดงความเห็นใจในความเจ็บปวดที่มารดากำลังเผชิญอยู่
เพื่อให้ผู้คลอดผ่อนคลายทางจิตใจ เกิดความอบอุ่นและมีกำลังใจ
เปิดโอกาสให้มารดาซักถามข้อสงสัยและระบายความรู้สึกเกี่ยวกับความวิตกกังวลที่มีอยู่ รับฟังปัญหาด้วยท่าทีที่เป็นกันเองและให้ข้อมูลเพิ่มเติม
นศพต.ฐิตาภา บุญโสม เลขที่ 20
ความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์ ( Pregnancy induce hypertention) (PIH)
ความหมาย คือ ความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์พบได้ร้อยละ 80 ของ hypertensive disorder in pregnancy เกิดขึ้นหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ทำการวัด โดยมีค่า systolic ตั้งแต่ 140 มิลลิเมตรปรอท หรือ diastolic ตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอท อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 4-6 ชั่วโมง
การแบ่งชนิดความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์
1.1 Preeclampsia
หมายถึง กลุ่มอาการที่เกิดเนื่องจากการตั้งครรภ์ที่มีการลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายซึ่งเป็นผลจากการหดรัดตัวที่รุนแรงของหลอดเลือดทั่วร่างกายและการกระตุ้นผนังที่หลอดเลือด (endothelial activation) มักพบในครรภ์แรกมากกว่าครรภ์หลัง
Severe Preeclampsia
ปวดศีรษะมากเส้นเลือดหดเกร็ง ตาพร่ามัวเลือดเลี้ยงตาไม่พอ จุกแน่นลิ้นปี่เจ็บชายโครงขวาเลือดไปเลี้ยงตับไม่ดี
ค่าความดันโลหิต >= 160/110 วัด 2 ครั้งห่างกัน 6 ชั่วโมงขณะนอนพัก
โปรตีนในปัสสาวะ >= 2 กรัม/ลิตรในปัสสาวะที่เก็บ 24 ชั่วโมง
โปรตีนในปัสสาวะ dipstick 3+, 4+
Serum creatinine สูงขึ้นมากกว่า 1.1 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
Liver enzyme เพิ่มภาวะ hyperbilirubinemia AST ALT เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือ มากกว่า 70 ขึ้นไป
ตรวจพบเกร็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) < 100,000 per ml แสดงว่ามี hemolysis
pulmonary edema หัวใจมีปัญหา
ครรภ์ครบกำหนด
คลอดเลย C/S แต่ให้ stabiles BP ก่อน
Drip MgSO4
ฉี่น้อย
Reflex
MgSO4 ห้ามเกิน 4.8 - 8.4 mg%
GA 37
Dexa ให้ครบ แล้วค่อยคลอด
ห้ามให้คลอดก่อน
สังเกต HELLP Syndrome
C/S
รอ induction ไม่ไหว
น้อยกว่า GA 24
ยุติการตั้งครรภ์
1.2 Eclampsia
หมายถึง ผู้ป่วยมีภาวะชัก ร่วมกับ pre eclampsia มีความรุนแรงมากที่สุดมีอาการชักเกร็ง การชักเกร็งจะชักทั้งตัว (grand mal) แบบกระตุก (clonic convulsion) ร่วมกับ อาการแสดง ของ pregnancy induce hypertension
ปัจจัยเสี่ยง ( Risk Factor )
ประวัติครอบครัว และมีประวัติครรภ์ก่อนเป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ครรภ์แรกครรภ์แฝด
อายุน้อยกว่า 20 ปี หรืออายุมากกว่า 35 ปี
เบาหวานก่อนการตั้งครรภ์
ดรรชนีมวลกาย มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
ผลกระทบของโรคต่อมารดา
ความผิดปกติของตา DR
เส้นเลือดในสมองแตกหัวใจวาย น้ำท่วมปอด ตับวาย ไตวายเฉียบพลัน
เสียสมดุล electrolytes
HELLP Sydrome เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบความผิดปกติในระบบอวัยวะต่างๆหลายระบบ ได้แก่
H = Hemolysis (การแตกของเม็ดเลือดแดง) LDH
EL = Elevate liver enzyme (การเพิ่มขึ้นของเอมไซม์ตับ)
LP = Low platelet (การมีเกร็ดเลือดต่ำ) < 100,000 /ml
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ fibrinogen ต่ำ
รกลอกตัวก่อนกำหนด (abruptio placenta)
มารดาเสียชีวิต
ผลต่อทารก
ทารกขาดออกซิเจน เพราะรกเสื่อม
ทารกจะเจริญเติบโตช้า (IUGR) หรือน้ำหนักตัวน้อย เนื่องจากการส่งอาหารจากมารดาสู่ทารกน้อย เกิด Uteroplacental insufficiency ทำให้ทารกขาดออกซิเจน
แท้ง หรือคลอดก่อนกำหนด
ทารกเสียชีวิต
ผู้ป่วยอายุ 36 ปี
ผู้ป่วยเมื่อ GA 34+3 wks by U/S
ความดันสูงขึ้น BP 130/94 > 148/97 Albumin drip stick 1+
UPCR 0.34
มารดามีความดันโลหิตสูง
มารดาได้รับ Insugen (70/30)