ยาลดอาการข้างเคียงของยารักษาโรคจิต (Anticholinergic drugs/Antiparkinson drugs)
ข้อบ่งใช้ ใช้ยานี้เพื่อป้องกันและลดอาการข้างเคียงโดยเฉพาะอาการ EPS ที่เกิดจากการใช้ยารักษาโรคจิต
ข้อควรระวัง
กลไกการออกฤทธิ์
ผลข้างเคียงของยาลดอาการข้างเคียงของยารักษาโรคจิต
ตัวอย่างยาที่ใช้
Trihexyphenidyl (Aca, Artane,
Benz, Benzhexol)
ใช้ควบคุมอาการ EPS ได้ผลดีกับ tremor และต้าน
อาการ cholinergic
- ขนาดยา 2 mg, 5 mg
Benztropine (Cogentin)
เป็น cholinergic blocking และ antiparkinsonism แต่มีฤทธิ์ข้างเคียงมาก - ขนาดยา 0.5 mg, 1 mg, 2 mg
Diphenhydramine (Benadryl)
เป็น antihistamine และ antiparkinsonism - ขนาดยา 25 mg
อาการ parkinsonism เป็นกลุ่มอาการที่มีลักษณะการเคลื่อนไหวผิดปกติ คือ กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (Rigidity) ไม่มีแรงเคลื่อนไหว (Akinesia) และมือสั่น (Tremor) การเคลื่อนไหวช้า แขนขาสั่น พบในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยารักษาโรคจิต มักเกิดใน 4 สัปดาห์แรกของการรักษา ยาในกลุ่ม anticholinergic หรือ antiparkinson มีเป้าหมายเพื่อลด อาการข้างเคียงดังกล่าว
เนื่องจากยารักษาโรคจิตออกฤทธิ์ยับยั้ง/ปิดกั้น dopamine receptor ใน สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ท าให้ปริมาณ dopamine neurotransmitter และ acetylcholine neurotransmitter ไม่สมดุล คือ มี acetylcholine และขาด dopamine ยาใน กลุ่มนี้จะไปลดปริมาณ acetylcholine และเพิ่มปริมาณ dopamine เพื่อให้เกิดความสมดุล เมื่อสารทั้งสองนี้อยู่ในภาวะสมดุลก็จะท าให้อาการ parkinson ทุเลาลง
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาลดอาการข้างเคียงของยารักษาโรคจิต
ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วย gluacoma, myasthenia gravis และ ผู้ป่วย prostatic hypertrophy
1) ให้ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีเพื่อป้องกันการ ระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
2) ให้ดื่มน้ำจิบบ่อยๆ อมลูกกวาด อมน้ำแข็ง เพื่อลดอาการปากแห้ง
3) ให้รับประทานอาหารที่มีกากใย และเพิ่มกิจกรรมในรายที่มีอาการท้องผูก
4) ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพและความสมดุลของน้ำ
5) ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และแนะนำให้เปลี่ยนอิริยาบถจาก นอนเป็นนั่ง หรือนั่งเป็นยืนอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด
6) อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าอาการต่างๆ เป็นผลข้างเคียงของยาไม่เป็น อันตราย เพื่อให้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวล
7) ถ้าลืมรับประทานยา แนะน าให้รับประทานยาทันทีเมื่อนึกได้ แต่ให้ห่าง จากมื้อต่อไป 2 ชั่วโมง ไม่รับประทานยาเป็น 2 เท่าในมื้อเดียว
8) ระวังอุบัติเหตุ ให้ผู้ป่วยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสายตาในรายที่มี อาการตาพร่าและง่วงซึม อ่อนเพลีย แนะนำไม่ให้ขับรถยนต์หรือใช้ของมีคม
- Anticholinergic effects
เช่น ปากแห้ง ตาพร่า ท้องผูก ปัสสาวะลำบากในผู้สูงอายุ
แนะนำให้ดื่มน้ำมากขึ้น และเพิ่มการทำกิจกรรม ซึ่งอาการส่วนมากไม่รุนแรง
- คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง แนะนำรับประทานยาพร้อมอาหาร หรือหลัง อาหารทันที
- Sedation, Drowsiness, Dizziness ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม
ตกเตียง หลีกเลี่ยงการควบคุมเครื่องจักร
- Orthostatic hypotension ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และ แนะนำเปลี่ยนอิริยาบถ
- Anticholinergic delirium
อาการสำคัญ คือ สับสน ไม่รู้วัน เวลา สถานที่ หรือแสดงอาการ ทางจิตต่างๆ พบน้อย มักเกิดในผู้สูงอายุ ควรให้หยุดยา
- Extrapyramidal Symptoms (EPS)
1.1 Acute dystonia มักเกิด 1-5 วันแรก หลังจากการใช้ยา มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ (Muscle spasm) คอบิด (Torticollis) ไปข้างใด ข้างหนึ่งหรือลำตัวบิดไปด้านข้าง กล้ามเนื้อที่หน้า กระตุก ขากรรไกรแข็ง น้ าลายไหล ลิ้นคับปาก พูด ไม่ชัด กลืนลำบาก ตาเหลือกขึ้นข้างบนตลอดเวลา หลังแอ่น
1.2 Akathisia มักเกิดใน 2-3 สัปดาห์แรก หลังจากการใช้ยา เป็นความรู้สึกกระวนกระวาย กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้ ผุดลุกผุดนั่งต้อง เคลื่อนไหวตลอดเวลา มือและแขนสั่น มีอาการ คล้าย agitation
1.3 Parkinsonism มักพบใน 4 สัปดาห์แรก ของการใช้ยา มีอาการเหมือนกับคนเป็นโรค parkinson เช่น การเคลื่อนไหวช้า (Akinesia) เดินขาลาก มีอาการสั่น (Tremor) กล้ามเนื้อแข็ง เกร็ง (Rigidity) สีหน้าเฉยเมยไม่แสดงความรู้สึก เหมือนใส่หน้ากาก (Mask face) กลืนน้ำลายไม่ลง มีน้ำลายเต็มปาก
1.4 Tardive dyskinesia เกิดจากการใช้ยาใน ขนาดสูงเป็นระยะนานติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน มีอาการของการเคลื่อนไหวซ้ าๆ ของกล้ามเนื้อ บริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัว หรือควบคุมไม่ได้ เช่น ดูดปาก แลบลิ้น เลียริม ฝีปาก เคี้ยวปาก แสยะใบหน้า กลืนลำบาก