Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและด้านจิตสังคมของสตรีในระยะตั้งครรภ์ - Coggle…
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและด้านจิตสังคมของสตรีในระยะตั้งครรภ์
ระบบสืบพันธ์ุ
เต้านม
มีเลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ลานนมมีสีเข้มขึ้น Montgomery tubercles ใหญ่ขึ้น
หัวนมจะไวต่อการกระตุ้นและตั้งชัน
น้ำนม prolactin จะเพิ่มมากขึ้น 12-14 สัปดาห์ เริ่มมีการหลั่งน้ำใสๆ
มดลูก
ขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน
เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมน estrogen และ progesterone หลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์
เปลี่ยนแปลงจาก pear shape เป็น spherical shape ใน 3 เดือน
ใกล้คลอดการหดรัดตัวของมดลูกจะมีความถี่เพิ่มขึ้น เกิด false labor pain
ปากมดลูกและเยื่อบุช่องคลอด
มีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น
ปากมดลูกอ่อนนุ่มผลิตมูก อุดที่ cervical canal ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้า
เยื่อบุช่องคลอดมีสีคล้า เกือบม่วงแดง 6-10 สัปดาห์
รังไข่
corpus luteum จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเกือบ 1/3 ของขนาดของรังไข่
ผลิต estrogen และ progesterone เต็มที่ใน 6-8 สัปดาห์แรก
corpus luteum เริ่มลดขนาดลงเมื่อรกผลิตฮอร์โมนแทน
ช่องคลอดและฝีเย็บ
เยื่อบุช่องคลอดมีสีคล้ำม่วงแดง
ผนังช่องคลอดมีสารคัดหลั่งมากขึ้น ป้องกันการแบ่งตัวของเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
ฝีเย็บจะอ่อนนุ่มกว่าปกติ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ปริมาณเลือด
ปริมาณที่เพิ่มขึ้นของพลาสมามากกว่าเม็ดเลือดแดง
โลหิตจาง Hb น้อยกว่า 11 g/dL หรือ Hct น้อยกว่า 33 %
การสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยอาจพบได้ประมาณ 12,000-15,000 cell/dL
ปริมาณโปรตีนในเลือดจะต่ำลงเนื่องจากความต้องการของทารกในครรภ์ที่เพิ่มขึ้น
หัวใจ
ตำแหน่งของหัวใจถูกดันให้สูงขึ้นและหมุนไปทางซ้าย
อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที
ท่านอนตะแคง cardiac output จะสูงกว่าท่านอนหงาย
ความต้องการธาตุเหล็ก
มีการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น
ต้องได้รับธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นประมาณ 800-1,000 mg
การขาด folic acid ทำให้เป็นโลหิตจางชนิด megalohemoglobinemia
ความดันโลหิต
ลดลง 5-10 มิลลิเมตรปรอทในไตรมาสที่สอง
มดลูกกดทับเส้นเลือดในอุ้งเชิงกราน ทำให้การไหลกลับของเลือดดาจากขาสู่หัวใจช้าลง
ขึ้นกับท่าทางการทรงตัว
ระบบทางเดินหายใจ
มดลูกที่มีขนาดโต ขึ้นจะดนั ให้ระดับกะบังลมเลื่อนสูงขึ้น
ทำให้สตรีมีครรภ์รู้สึกหายใจลาบาก (dyspnea)
estrogen ทำให้เส้นเลือดฝอยมีเลือดคั่ง มีบวม ทำให้คัดจมูก
progesterone ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ
ปริมาตรอากาศที่แลกเปลี่ยนต่อหนึ่งนาที เพิ่มขึ้นร้อยละ 30-50
มีภาวะหายใจลึกและยาวทำให้ร่างกายมีภาวะ respiratory alkalosis
ระบบทางเดินอาหาร
ช่องปากและเหงือก
estrogen ทำให้มีเลือดมาเลี้ยงบริเวณช่องปากและเหงือกมากขึ้น
มีเหงือกบวมนุ่มจากการมีเลือดคั่ง มีเลือดออกง่าย
ขณะเคี้ยวอาหารน้ำลายมีความเป็นกรดมากขึ้น และไหลมากกว่าปกติ
หลอดอาหารกระเพาะและลำไส้
เคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ลดน้อยลง
progesterone ที่เพิ่มขึ้นทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว
ทำให้อาหารและกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารขึ้นไปยังหลอดอาหาร
progesterone ทาให้เกิดท้องผูก เกิดริดสีดวงทวารได้
คลื่นไส้อาเจียน เพิ่ม estrogen และ human chorionic gonadotropin (hCG)
ถุงน้ำดีและตับ
น้ำดีทำหน้าที่ในการละลาย cholesterol ลดลง เกิดภาวะ hypercholesterolemia
plasma albumin ลดลงและ serum cholinesterase ทำงานลดลง
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ไต และท่อไต
เคลื่อนไหวของท่อไตจะช้าลงเนื่องจากอิทธิพลของ prostaglandin E (PGE)
ท่อไตถูกกดเบียด
ทำให้มีน้ำ ปัสสาวะคั่งในกรวยไตและท่อไต ติดเชื้อง่าย
น้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้พบน้ำตาลในปัสสาวะเล็กน้อย
ตรวจพบ albuminuria ได้เป็นครั้งคราวในปริมาณน้อย (trace ถึง +1)
กระเพาะปัสสาวะ
ความจุของกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ปัสสาวะค้างมากขึ้น เยื่อบุหนาตัวขึ้น ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย
การนอนตะแคงซ้ายจะทำให้สตรีมีครรภ์ปัสสาวะบ่อย
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
ข้อต่อ เอ็นยึดข้อต่อ กระดูกและกระดูกอ่อน กล้ามเนื้อของอุ้งเชิงกราน
relaxin และ progesterone ทาให้ pelvic cartilages อ่อนนุ่ม
ข้อต่อ sacroiliac และ sacrococcygeal joint มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น
กระดูก symphysis pubis จะแยกออก
ไม่สมดุลของ calcium และ phosphorus การวางท่า
ทางที่ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ก็จะส่งผลให้สตรีมีครรภ์มีอาการชาและตะคริว
กระดูกสันหลัง
จุดศูนย์ถ่วงเลื่อนมาข้างหน้าเพื่อรักษาสมดุล
กระดูกสันหลังมีการโค้งงอ (lordosis) หลังจึงแอ่น
มีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อหลังอาจมีการปวดหลัง
ระบบผิวหนัง
melanotropin ทำให้บริเวณที่มีเม็ดสีมาก
เส้นแนวกลางหน้าท้องมีสีคล้ำขึ้น (linea nigra)
ฝ้าบริเวณใบหน้า (chloasma หรือ melasma)
ผิวหนังมีรอยแยก (striae gravidarum) เป็นริ้วๆ สีชมพูแดง
ผมบางลงประมาณ 1-4 เดือน
ระบบต่อมไร้ท่อและฮอร์โมน
ต่อมธัยรอยด์
ภาวะ euthyroid state ฮอร์โมน estrogen จะ
กระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์โตขึ้นเล็กน้อย
ทำให้ basal metabolic rate สูงขึ้นประมาณร้อยละ 20
ได้รับ iodine ไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดคอพอกได้
ต่อมพาราธัยรอยด์
การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนจากต่อมพาราธัยรอยด์ทา ให้การดูดซึมแคลเซียมได้ดี
โตขึ้นเล็กน้อย
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง
follicle-stimulating hormone (FSH) และ luteinizing
hormone (LH) จะถูกยับยั้งโดย estrogen และ progesterone จากรกทาให้ไม่มีการตกไข่
thyrotropin และ adrenotropin เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญ
หลั่งฮอร์โมน prolactin เตรียมสร้างน้ำนม
หลั่งฮอร์โมน oxytocin และ vasopressin โดย oxytocin จะกระตุ้น การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก การเจ็บครรภ์คลอด
ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต
หลั่ง aldosterone
estrogen ทา ให้ระดบั cortisol ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น
ควบคุมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน
ฮอร์โมนจากตับอ่อน
สร้าง insulin เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองกับ glucocorticoid
insulin ทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้มีการสลายไขมันใช้เพื่อเป็น
พลังงานทดแทน และผู้ที่เป็นเบาหวานจะมีอาการรุนแรงขึ้นและเกิด ketoacidosis ได้ง่าย
insulin antagonist ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งให้ทารก
ระบบเผาผลาญสารอาหาร
คาร์โบไฮเดรต
ควรให้สตรีมีครรภ์ได้รับอาหารแคลอรีสูง
ไม่ควรงดอาหารนานกว่า 12 ชั่วโมง
ไม่รับประทานอาหารเป็นเวลานานจะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ระดับน้ำตาลในเลือดของสตรีมีครรภ์จะสูงกว่าภาวะปกติ (hyperglycemia) จากผลของ insulin antagonist
โปรตีนและไขมัน
มีการสะสมไขมันในร่างกายทา ให้ไขมันในเลือดสูงขึ้น
การนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานทดแทนกลูโคสมากขึ้นทำให้เกิดภาวะ ketosis
น้าจะสะสมในร่างกายมากขึ้น อาจบวมได้
การเพิ่มของน้าหนัก
น้ำหนักเพิ่มขึ้นทั้งหมดประมาณ 11-12 กิโลกรัม
ไตรมาสแรก น้ำหนักอาจลดลงหรือเพิ่มเพียงเล็กน้อย ประมาณ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
ถ้าเพิ่มน้อยกว่า 1 กิโลกรัมต่อเดือน หรือเพิ่มมากกว่า 3 กิโลกรัมต่อเดือน ต้องหาสาเหตุ
ด้านจิตสังคม
การสร้างความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยของการตั้งครรภ์และคลอด
แสดงออกถึงความห่วงใยสุขภาพของตัวเองและทารก
แสวงหาความรู้ ข้อมูล
หลีกเลี่ยงสารพิษหรืออันตรายต่อตนเองและทารก
การแสวงหาการยอมรับทารกในครรภ์จากบุคคลอื่น
ต้องการให้ครอบครัว ญาติ และเพื่อนๆ ยอมรับทารกในครรภ์
สามีและบุคคลที่ใกล้ชิดมีความสาคัญในการสนับสนุน
การปรับตัว
การแสวงหาความรับผิดชอบและการยอมรับบทบาทการเป็นมารดา
สร้างสัมพันธภาพกับทารกในครรภ์โดยการสนใจต่อการดิ้น
มีความรักใคร่ผูกพันกับทารก
เริ่มมองเห็นทารกเป็นบุคคลหนึ่ง
เรียนรู้ที่จะเสียสละเพื่อทารกในครรภ์
แสดงออกถึงการจัดการเพื่อทารกที่จะเกิด
วางแผนสาหรับการคลอด
ฝึกหัดทักษะการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
ด้านอารมณ์ของสตรีมีครรภ์
ไตรมาสที่ 1
ความไม่แน่ใจ และความรู้สึกก้ากึ่ง
ความรู้สึกเสียใจ
ความกลัวและการเพ้อฝัน
อารมณ์แปรปรวน
ความสนใจและความต้องการทางเพศ
ไตรมาสที่ 2
การยอมรับการตั้งครรภ์
รักและใส่ใจตนเอง
การรับรู้ภาพลักษณ์
ความสนใจและความต้องการทางเพศ
ไตรมาสที่ 3
ความเครียด
ความสนใจและความต้องการทางเพศ