Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
นางสาวสุรีรัตน์ เผ่าหอม เลขที่ 71 ห้อง B นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิ…
นางสาวสุรีรัตน์ เผ่าหอม เลขที่ 71 ห้อง B
นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 26
การใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางจิตสังคม
มีปัญหาหลักสำคัญดังนี้
ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร
(Hostility)
ลักษณะ
อารมณ์โกรธ
พฤติกรรมการทำลาย (Destructive) บุคคล
มีทัศนคติในทางลบ
สาเหตุ
บุคคลไม่สามารถแสดงออกถึงความคับข้องใจได้
สิ่งแวดล้อม
บุคคลอื่น
กลไกทางจิต
บุคคลจะรู้สึกผิดหวัง
เจ็บปวด
สูญเสียคุณค่าในตนเอง (Low self-esteem)
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
1.การประเมินปัญหาทางการพยาบาล
ด้านร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง ชีพจรเต้นเร็ว หายใจถี่ข้ึน เป็นต้น
ด้านคำพูด เช่น การพูดส่อเสียด
ดูถูก ข่มขู่ การดุด่า เป็นต้น
ด้านพฤติกรรม เช่น ท่าทีเฉยเมย ต่อต้าน
เงียบ เชื่องช้า ไม่ยอมสบตา เดินหนี หรือกำหมัดแน่น
2.ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มุ่งเน้นที่การประเมินด้านร่างกาย และด้านสติปัญญา
3.กิจกรรมทางการพยาบาล
เป้าหมาย
การป้องกันอันตรายที่จะเกิดข้ึนกับบุคคลอื่นและการช่วยเหลือบุคคลน้นั ให้เผชิญกบัความไม่เป็นมิตรในเชิงสร้างสรรค์
แนวทางการปฏิบัติ
การวิเคราะห์ว่าบุคคลมีภาวะความไม่เป็นมิตรหรือไม่เพื่อจะให้การพยาบาลได้อย่างทันท่วงที
การจัดการกับสิ่งแวดล้อม
และบุคคลรอบข้าง
เตรียมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เพื่อช่วยในยามฉุกเฉิน
จัดห้องแยก
ทีมสุขภาพต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะความไม่เป็นมิตร
พยาบาลต้องอยู่ในอารมณ์ที่สงบสุขุม เยือกเย็น แต่ฉับไว
ลดสิ่งกระตุ้น
เปิดโอกาสให้บุคคลนั้น ๆได้ระบายความรู้สึกคับข้องใจ ความไม่พอใจ หรือความไม่เป็นมิตร
4.การประเมินผลทางการพยาบาล
บุคคลนั้นสามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่เป็นมิตรได้
สามารถบอกความพูดเกี่ยวกับความรู้สึกไม่เป็นมิตร
แยกแยะสิ่งที่มาคุกคามทางจิตใจ
การเผชิญปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะและเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์
การจัดการความโกรธในชีวิตประจำวันตามแนวพุทธธรรม (Control anger on a daily basis according to Buddhadhamma) เพื่อนำมาเป็นกระบวนการพัฒนาทางจิดทำให้เกิดการปรับพฤติกรรมทางกาย ทางวาจา ได้แก่ การเจริญสติ ขันติ และเมตตา เพื่อใช้ในการควบคุม บรรเทาอารมโกรธ ทำให้การดำเนินชีวิตมีความสุขทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต (สุภา ศรีสวัสดิ์,พระมหาบุญศรี ญาณวุทุโด และสุเชาว์ พลอยชุม)
ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว (Aggression)
ลักษณะพฤติกรรมก้าวร้าว
ทางคำพูด
คำพูดตำหนิติเตียน
วิพากษ์วิจารณ์พูดในแง่ร้าย
วาจาหยาบคาย
ทางร่างกาย
ทำลายสิ่งของ
ทำร้ายตนเอง
ทำร้ายคนอื่น
สาเหตุ
ปัจจัยทางด้านชีวภาพ (Biological factors)
ระดับความผิดปกติของสารเคมีในสมอง เช่น serotonin, dopamine และ norepinephrine เพิ่มหรือลดลง การได้รับอุบัติเหตุทางศีรษะ และการมีเนื้องอกที่สมอง
การเจ็บป่วยด้วยโรคทางร่างกาย
ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคสมองเสื่อม เป็นต้น
ปัจจัยทางด้านจิตสังคม (Psychosocial factors)
ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) กล่าวว่า ความก้าวร้าวเป็นสัญชาติญาณหนึ่งของมนุษย์ที่แสดงออกของความโกรธและจะส่งผลให้บุคคลดังกล่าวมีอารมณ์เศร้าได้
ทฤษฏีทางด้านจิตวิทยา (Psychological Theory) กล่าวว่า พฤติกรรมก้าวร้าวเกิดจากการไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน (basic needs)
การถือแบบอย่าง (Modelling) ลอกเลียนแบบการแสดง
ความโกรธจากพ่อแม่หรือบุคคลสำคัญในชีวิต และวิดีโอ
โทรทัศน์ ภาพยนตร์ อินเตอร์เน็ต
ทฤษฏีทางด้านสังคมวิทยา (Sociocultural Theory)
มีประวัติถูกทำร้ายร่างกาย (Physical abuse)
การที่พ่อแม่มีพฤติกรรมที่รุนแรง
ประวัติการถูกล่วงเกินทางเพศ (Sexual abuse)
การถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
1.การประเมินความเสี่ยง
ประวัติการมีพฤติกรรมก้าวร้าว
การได้รับการวินิจฉัยการเจ็บป่วย
พฤติกรรมที่แสดงออกในปัจจุบัน
2.ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีพฤติกรรมหงุดหงิดก้าวร้าวไม่เหมาะสมเนื่องจากขาดทักษะการควบคุมอารมณ์
มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นเนื่องจากมีประวัติพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
เสี่ยงที่จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงเนื่องจากมีประวัติพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาล
.1 สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกไว้วางใจ รู้สึกปลอดภัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
2.ฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) เปิดโอกาสให้ได้พูดระบายถึงความรู้สึก
3.เมื่อความโกรธลดลงให้บุคคลนั้นสำรวจถึงสาเหตุที่ทำให้รู้สึกโกรธ
4.จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการออกแรงเพื่อปลดปล่อยพลังงานส่วนเกินที่เกิดจากความกดดันความโกรธ
5.ให้คำแนะนำถึงวิธีการจัดการกับความโกรธในทางที่เหมาะสม
จากบทความวิจัย: บทบาทหน้าที่ของพยาบาลในการจัดการกับพฤติกรรมก้าวร้าวในผู้ป่วยจิตเวช พยาบาลจะใช้ 3 กลยุทธ์ที่จำเป็นในการจัดการและดูแลผู้ป่วยให้มีประสิทธภาพของพยาบาล ดังนี้ (เครือวัลย์ ศรียารัตน์,2558)
กลยุทธ์เพื่อการป้องกัน (preventive strategy) แนวทางที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว
การตระหนักรู้ในตนเองของพยาบาล (self-awareness)
การฝึกพฤติกรรมกล้าแสดงออก (assertive training)
การให้ความรู้กับผู้ป่วย (patient education)
กลยุทธ์ในระยะคาดว่าจะเกิดพฤติกรรม
(anticipatory strategy)
การใช้เทคนิคในการติดต่อสื่อสาร (communication strategy) ก้าวร้าว โดยเฉพาะพฤดิกรรมก้าวร้าวทางคำพูด
การปรับสิ่งแวดล้อม (environmental change)
การปรับพฤติกรรม (behavioral modifications)
ผู้ป่วยมีพื้นที่ส่วนตัว การเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม
การรักษาด้วยยา (psychopharmacology)
กลยุทธ์ในระยะเกิดพฤติกรรม (con-tainment strategy) เมื่อใช้กลยุทธ์เพื่อการป้องกัน และการใช้กลยุทธ์ในระยะคาดว่าจะเกิดพฤดิกรรมไม่ประสบความสำเร็จ
การจัดการในภาวะวิฤต (crisis management) โดยการใช้ห้องแยก (Seclusion) และการผูกมัดผู้ป่วย
ผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรง (Violence)
เป็นพฤติกรรมการแสดงออกจากการมีความโกรธเกิดขึ้นอาจแสดงออกทางคำพูดและจากการกระทำเล็กน้อยจนถึงขั้นรุนแรง
ลักษณะ
การแสดงออกความก้าวร้าวทางด้านกายภาพ
ความตั้งใจที่จะใช้กำลังทางกายเพื่่อข่มขู่หรือกระ
ทําอันตรายต่อตนเองผู้อื่น กลุ่มบุคคลหรือสังคม
การใช้คำพูดพฤติกรรมคุกคามทีมีผลทําให้คนอื่นตกใจกลัว
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
สำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ประเมินสภาพผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ประเมินอาการและการแสดง
ประเมินการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกและอารมณ์อย่างเฉียบพลัน
การศึกษา ประวัติจากญาติ เกี่ยวกับพฤติกรรมในอดีต
2.พยาบาลควรมีท่าทีที่เป็นมิตร สงบ และให้เกียรติเพื่อให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจ
พยาบาลไม่ยืนเอามือเท้าเอว
พยาบาลไม่ควรยืนเอามือไขว้ข้างหน้า
ยืนเอามือไขว้หลัง ควรยืนเอามือไว้ข้าง ๆ ตัว
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
หลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการสงบพยาบาลควรเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความรู้สึก
พยาบาลควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีจัดการกับอารมณ์ ความโกรธออกไปในทางที่เหมาะสม