Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิด, นางสาวจุติพร สว่างดี เลขที่ 57 ชั้นปีที่ 3…
การสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิด
ทักษะการคิด
ทักษะการคิดพื้นฐาน
ทักษะการฟัง
ทักษะการพูด
ทักษะการอ่าน
ทักษะการเขียน
ทักษะการคิดที่ซับซ้อน
ทักษะการให้ความกระจ่าง
ทักษะการสรุปลงความเห็น
ทักษะการให้คำจำกัดความ
ทักษะการจัดระเบียบ
ทักษะการวิเคราะห์
ทักษะการสังเคราะห์
มิติของกระบวนการคิด
การคิดเชิงมโนทัศน์ (Conceptual Thinking)
การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
การขยายขอบเขตความคิดออกไป จากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่ สู่ความคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุด ให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น
องค์ประกอบที่เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์
ทัศนคติและบุคลิกลักษณะ
ความสามารถทางสติปัญญา
ความรู้
รูปแบบการคิด
แรงจูงใจ
*
สภาพแวดล้อม บรรยากาศที่เป็นอิสระ ไว้วางใจ
*
การคิดเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Thinking)
7.การคิดเชิงประยุกต์ (Applicative Thinking)
3.การคิดเชิงสังเคราะห์ (Synthesis-Type Thinking)
การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking)
2.การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking)
การจำแนกแจกแจงองค์ประกอบต่างๆ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผล ระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้น เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ของสิ่งที่เกิดขึ้น
องค์ประกอบ
ความสามารถในการตีความ
ความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะวิเคราะห์
ความช่างสังเกต ช่างสงสัยและช่างถาม
ความสามารถในการหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผล
9.การคิดเชิงบูรณาการ (Integrative Thinking)
การคิดเชิงวิพากย์ (Critical Thinking)
การใช้ปัญญาในการพินิจพิจารณา ไตร่ตรอง อย่างสุขุม รอบคอบ มีเหตุผล มีการประเมินสถานการณ์ เชื่อมโยงเหตุการณ์ มีการตีความสรุปความ โดยอาศัยความรู้ ความคิด และประสบการณ์ ในการสำรวจข้อมูลหลักฐานอย่างละเอียดถูกต้อง เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปและข้อตัดสินใจที่สมเหตุสมผล
การคิดเชิงอนาคต (Futuristic Thinking)
ขั้นตอนการเขียนแผนที่ความคิด (Baugh & Mellott, 1998)
เริ่มเขียนมโนทัศน์หลักหรือหัวข้อหลัก (key concept) ไว้ตรงกลางกระดาษ และเขียนมโนทัศน์ย่อย (subconcept) ไว้ภายนอก
จัดกลุ่มและเขียนข้อมูลที่สัมพันธ์กันไว้ใกล้ๆกัน กับมโนทัศน์หลักหรือมโนทัศน์ย่อยที่เกี่ยวข้อง
เชื่อมโยงมโนทัศน์หลัก มโนทัศน์ย่อยและกลุ่มข้อมูลด้วย หรือ หรือ ----- เพื่อบ่งชี้ถึงลักษณะความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน แสดงความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล และ ----- แสดงความสัมพันธ์ที่มากและน้อย ตามลำดับ
เขียนคำอธิบายสั้นๆ กำกับไว้แต่ละเส้น
ควรใช้สีและสัญลักษณ์ภาพที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อแสดงความแตกต่างระหว่างมโนทัศน์หลักและ มโนทัศน์ย่อย เพื่อเรียกความสนใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
ข้อจำกัดของแผนที่ความคิด
แผนที่ความคิดเหมาะสมสำหรับผู้เรียนที่ถนัดหรือเรียนรู้ได้ดีจากภาพ แผนภูมิและการใช้จินตนาการ
ผู้เรียนที่ไม่คุ้นนเคยหรือไม่รู้กระบวนการเขียนอาจรู้สึกว่ายาก และใช้เวลามาก
การเขียนแผนที่ Clinical Care Plan
ขั้นที่ 1: วาดแผนภาพข้อมูลปัญหาสุขภาพของผู้ป่วย
ขั้นที่ 2: เติมข้อมูลอาการ & อาการแสดงที่เกี่ยวข้อง
ขั้นที่ 3: เติมข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา
ขั้นที่ 4: เชื่อมโยงข้อมูลและอธิบายความสัมพนธ์
ขั้นที่ 5: ระบุข้อวินิจฉัยการพยาบาล และกิจกรรมการพยาบาล
สมรรถนะของพยาบาลจิตเวชในการปฏิบัติการพยาบาล
ด้านคุณธรรมจริยธรรม
การให้บริการ ทางการพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งแยกผู้รับบริการ ตามชนชั้นวรรณะ
ด้านความรู้
เข้าใจในกรอบแนวคิดด้าน จิตเวชศาสตร์ความสำคัญ หลักการความรู้เรื่องโรคทางจิตเวช แนวทางการประเมินสภาพจิต คัดกรองความเสี่ยงต่าง ๆ
ด้านทักษะทางปัญญา
สามารถประยุกต์ใช้ องค์ความรู้ด้านการพยาบาลจิตเวช และองค์ความรู้จากสหสาขา วิชาชีพในการแก้ปัญหาผู้อยู่ในความดูแล
ด้านการประเมินผลและการใช้ระบบสารสนเทศ
การสืบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยใน การสร้างสื่อการสอนสุขศึกษา หรือนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ ด้านสุขภาพจิตต่าง ๆ มีความสามารถในการใช้ระบบสารสนเทศ
ด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคลและการสื่อสาร
มีสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้อื่น มีทักษะการประสานงานและสามารถ ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในทีมรักษาพยาบาล
ด้านบุคลิกภาพ
ควบคุมอารมณ์ได้ดีเมื่อเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินทาง พยาบาลจิตเวชต้องควบคุมอารมณ์กลัวของตนให้ได้ ไม่ประหม่า
ด้านการปฏิบัติการพยาบาลจิตเวช
มีความสามารถในการปฏิบัติการพยาบาลด้านจิตเวชอย่าง เป็นองค์รวม ครอบคลุม 4 มิติของการพยาบาล
Reflection: การสะท้อนคิด
เป็นกระบวนการพินิจพิเคราะห์อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างครอบคลุมทุกด้าน แยกให้เห็นปัญหาที่เป็นเหตุผล ในการปฏิบัติทำให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้และส่งผลต่อการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
เป็นการคิดทบทวนงานอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการประเมินตนเองหรือการวิเคราะห์การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น
องค์ประกอบสำคัญ
ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องเรียนรู้
วิธีการในการเรียนรู้
ตัวบุคคล – ผู้ปฏิบัติงาน ผู้เรียนรู้
ระยะของกระบวนการสะท้อนคิด
การตระหนักรู้ในตนเอง รับรู้ถึงความรู้สึกและความคิด
การวิเคราะห์ความรู้สึกและความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์
การพัฒนามมุมมองและความคิดใหม่
แนวทางสำหรับการสะท้อนคิดและบันทึก
คิดทบทวนประสบการณ์ / เหตุการณ์ที่จำได้ให้มากที่สุด
รวบรวมรายละเอียด บรรยายเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
รู้สึกอย่างไรกับเหตุกการณ์นั้น และคิดว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรสิ่งที่เป็นไปตามความคาดหวัง และไม่เป็นไปตามที่่คาดหวัง
ทำไมเหตุการณ์จึงเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงรู้สึกเช่นนั้น สำหรับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังจะปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไปอย่างไร
ทบทวนแนวทางที่จะใช้ในการแก้ไข มีเหตุผลและข้อมูลใดช่วยในการตัดสินใจ
บทบาทของพยาบาลในการจัดการพฤติกรรมก้าวร้าวในผู้ป่วยจิตเวช
กลยุทธ์เพื่อการป้องกัน (preventive strategy)
แนวทางที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว ได้แก่ การตระหนักรู้ในตนเองของพยาบาล (self-awareness) การฝึกพฤติกรรมกล้าแสดงออก (assertive training) และการให้ความรู้กับผู้ป่วย (patient education)
กลยุทธ์ในระยะคาดว่าจะเกิดพฤติกรรม (anticipatory strategy)
การใช้เทคนิคในการติดต่อสื่อสาร (Communication strategy
การปรับสิ่งแวดล้อม (environmental change
การปรับพฤติกรรม (behavioral modifications
การรักษาด้วยยา (psychopharmacology)
กลยุทธ์ในระยะเกิดพฤติกรรม (con tainment strategy)
เมื่อใช้กลยุทธ์เพื่อการป้องกันและการใช้กลยุทธ์ในระยะคาดว่าจะเกิดพฤติกรรมไม่ประสบความสำเร็จกลยุทธ์สุดท้ายที่จะใช้คือการจัดการในภาวะวิฤต (crisis manage ment) โดยการใช้ห้องแยก (seclusion) และการผูกมัดผู้ป่วย
การจัดการความโกรธในชีวิตประจำวันตามแนวพุทธธรรม
สติ
เป็นหลักปฏิบัติที่มนุษย์ทุกคน ต้องฝึกให้มีขึ้นในตนตามกระบวนการปฏิบัติอบรมสติยังเป็นผลให้ไม่ฟุ้งซ่าน มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป คลายความยึดมั่นถือมั่น มีการพิจารณาไตร่ตรองโดยแยบคาย และมีปัญญา
ขันติ
ความอดทน สภาพชีวิตมนุษย์ตามธรรมดาต้องอยู่ในสังคมย่อมต้องมี การกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดาผู้ที่มีความอดทนหนักแน่นต่อสิ่งที่เข้ามากระทบจะทำให้จิตใจเป็นสุข ความอดทนในที่นี้มี4ระดับ
1) อดทนต่อความลำบากตรากตรำ
2) อดทนต่อทุกขเวทนา
3) อดทนต่อความเจ็บใจ
4) อดทนต่อสิ่งที่เย้ายวนใจหรือกิเลสซึ่งทนได้ยาก
เมตตา
พระมหากรุณา ชาวพุทธทุกคน ได้รับการสั่งสอนให้มีเมตตากรุณาให้ช่วยเหลือ เกื้อกูลผู้อื่นด้วยกายวาจาและมีน้ำใจปรารถนาดี แม้แต่เมื่อไม่ได้ทำอะไรอื่นก็ให้แผ่เมตตาแก่เพื่อนมนุษย์ตลอดจนสัตว์ทั้งปวง ขอให้อยู่เป็นสุข มีองค์ประกอบดังนี้
1) เมตตากายกรรม 3
2) เมตตาวจีกรรม 4
3) เมตตามโนกรรม 3
การใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางจิตสังคม
ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร(Hostility)
ความไม่เป็นมิตรมีลักษณะคล้ายกับความโกรธ มีพฤติกรรมการทำลาย (Destructive) บุคคล มีทัศนคติที่ถูกสะสมมาเรื่อย ๆ
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
การประเมินปัญหาทางการพยาบาล การประเมินความไม่เป็นมิตร พยาบาลสามารถประเมินได้ได้จากทั้งด้านร่างกายและสติปัญญาแต่การแสดงออกหรือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมีลักษณะคล้ายความโกรธ ซึ่งเป็นผลจากการถูกคุกคามทางจิตใจจากสิ่งแวดลอ้มภายนอกและภายใน
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง ชีพจรเต้นเร็ว หายใจถี่ขึ้น กล้ามเนื้อเกร็ง ผิวแดง คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง คอแห้ง เหงื่ออกตามร่างกาย
ด้านคำพูด เช่น การพูดกระทบกระเทือน ส่อเสียด ดูถูก ข่มขู่ โต้แย้ง และอาจรุนแรงถึงการ ดุด่า พูดจาชวนทะเลาะ
ด้านพฤติกรรม เช่น ท่าทีเฉยเมย ต่อต้าน เงียบ เชื่องช้า ไม่ยอมสบตา เดินหนี หรือกำหมัด
ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว(Aggression)
ความโกรธ (Anger) และความก้าวร้าว (Aggression) มีลักษณะที่ไม่เหมือนกันแต่มีความเกี่ยวข้องกัน ความโกรธเป็นอารมณ์หรือความรู้สึก ส่วนความก้าวร้าวเป็นพฤติกรรมซึ่งแสดงออกมาได้ทั้งคำพูดและการกระทำ
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
การประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
1.1 ประวัติการมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของบุคคลนั้น
1.2 การได้รับการวินิจการเจ็บป่วยของบุคคลนั้น เช่น โรคจิตเภท การติดสารเสพติด
1.3 พฤติกรรมในปัจจุบันของบุคคลนั้น เช่น มีความก้าวร้าวมากน้อยในระดับใด สังเกตได้จากพฤตกรรมที่สัมพันธ์กับความก้าวร้าวรุนแรง
ด้านคำพูด เช่น พูดจาถากถางผู้อื่น พูดคุกคามผู้อื่น พูดมาก พูดเสียงดัง ตะโกน เสียงดัง
ด้านพฤติกรรม เช่น ขบกราม หนา้นิ่วคิ้วขมวด จ้องมองด้วยความโกรธ หนา้แดง ท่าทางระมัดระวังตัวเองสูง
ผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรง (Violence)
การใช้คำพูด พฤติกรรมคุกคามที่มีผลทำให้คนอื่นตกใจกลัว (Threaten) มีพฤติกรรมที่พยายามจะใช้กำลังและอาวุธทำร้ายคนอื่น (Attempt) และมีการใช้กำลัง หรืออาวุธทำร้ายคนอื่น (Actual) (ณัฐวุมิ อรินทร์,(2553)
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
ประเมินสภาพผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง โดยประเมินระดับความรุนแรงของพฤติกรรม
พยาบาลควรมีท่าทีที่เป็นมิตร สงบ และให้เกียรติเพื่อให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจ สิ่งที่พยาบาล ควรตระหนักเกี่ยวกับท่าทางในระหว่างให้การพยาบาลผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง เพราะ ทางทางของพยาบาลอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
นางสาวจุติพร สว่างดี เลขที่ 57 ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 26 ห้อง B