Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางจิตสังคม, image…
บทที่ 6 การใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางจิตสังคม
6.4ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร(Hostility)
ลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร
ความไม่เป็นมิตรมีลักษณะคล้ายกับความโกรธมีพฤติกรรมการทำลาย(Destructive)
บุคคล มีทัศนคติที่ถูกสะสมมาเรื่อย ๆ มีความคงทนเปลี่ยนไปได้ยากและเป็นปฏิกิริยาการ ตอบสนองที่รุนแรง ซับซ้อนโดยมีแต่ความเกลียดชัง อิจฉา ริษยา และมีความต้องการที่จ้อง จะทำลายความไม่เป็นมิตรก็จะพุ่งตรงต่อบุคคลหรือกลุ่มคนความไม่เป็นมิตรก็จะไม่มุ่งตรงต่อ สิ่งของหรือตัว เอง แต่หากเป็นความโกรธบุคคลอาจจะโกรธสิ่งของเครื่องจักรที่ทำงานไม่ได้ หรือ ตัวเองรู้สึกคับข้องใจความไม่เป็นมิตรก็จะเป็นผลมาจากความก้าวร้าว
สาเหตุและกลไกทางจิต
ความไม่เป็นมิตรถูกปลูกฝังตั้งแต่วยังทารกเมื่อมีสิ่งคุกคามทางจิตใจบุคคลไม่สามารถ แสดงออกถึงความคับข้องใจได้สิ่งแวดล้อมหรือบุคคลอื่นมีอิทธิพลที่ส่งผลให้บุคคลเรียนรู้ที่จะเก็บซ่อนความคิด ความรู้สึก ข่มความข่มขื่น หรือเก็บกดสิ่งที่ตนเองต้องการเอาไว้และเกิดความคับข้องใจของตนเอง
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
การประเมินปัญหาทางการพยาบาล
ประเมินได้จากท้ังด้านร่างกายและสติปัญญา แต่การแสดงออกหรือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมีลักษณะคล้ายความโกรธ
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง ชีพจรเต้นเร็ว หายใจถี่ขึ้น
ด้านคำพูด เช่น การพูดกระทบกระเทือน ส่อเสียด ดูถูก ข่มขู่ โตแย้งและอาจรุนแรงถึงการดุด่า พูดจาชวนทะเลาะ
ด้านพฤติกรรม เช่น ท่าทีเฉยเมย ต่อต้าน เงียบเชื่องช้า ไม่ยอมสบตาเดินหนีหรือกาหมัดแน่น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
การวินิจฉัยทางการพยาบาลจะมุ่งเน้นที่การประเมินด้านร่างกาย และด้านสติปัญญา สิ่งที่ต้องพิจารณา คือปัจจัยเหตุที่กระตุ้น หรือมีอิทธิพลทำให้บุคคลนั้น เกิดความรู้สึกไม่เป็นมิตร
กิจกรรมทางการพยาบาล
เป้าหมายทางการพยาบาลผู้ที่มีความไม่เป็นมิตรคือการป้องกันอัน ตรายที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลอื่นและการช่วยเหลือบุคคลนั้น ให้เผชิญกับความไม่เป็นมิตรในเชิงสร้างสรรค์รวมทั้งให้การ ช่วยทำให้ช่วย
ความรู้สึกความไม่เป็นมิตรลดลงอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย
แนวทางการปฏิบัติดังนี้
พยาบาลต้องเร่งดำเนินการวิเคราะห์ว่าบุคคลมีภาวะความไม่เป็นมิตรหรือไม่เพื่อจะให้ การพยาบาลได้อย่างทันท่วงที
การจัดการกับสิ่งแวดล้อมและบุคคลรอบข้าง
เปิดโอกาสให้บุคคลนั้นๆได้ระบายความรู้สึกคับข้องใจ ความไม่พอใจ หรือความไม่เป็นมิตร
6.5ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว(Aggression)
ความโกรธ (Anger) และความก้าวร้าว (Aggression) มีลักษณะที่ไม่เหมือนกันแต่มีความ เกี่ยวข้องกัน ความโกรธเป็นอารมณ์หรือความรู้สึก ส่วนความก้าวร้าวเป็นพฤติกรรมซึ่งแสดง ออกมาได้ทั้งคำพูดและการกระทำ ความโกรธเป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์ที่เกิดขึ้นทั้งทางบวกและทางลบ ถ้าเป็นทางด้านบวกจะส่งให้บุคคลมีพลังในการจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ถ้าเป็นทางด้านลบการแสดงออกจะมีความก้าววร้าวรุนแรงได้
ลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว
พฤติกรรมก้าวร้าวทางคำพูด: ใช้คำพูดตำหนิ ติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ พูดในแง่ร้าย เสียงดัง ขู่ตะคอก เอะอะอาละวาด วางอำนาจวาจาหยาบคาย 2. พฤติกรรมก้าวร้าวแสดงออกทางร่างกาย: มีสีหน้าบึ้งตึง แววตาไม่เป็นมิตร ท่าทางไม่พอใจ กระวนกระวายอยู่ไม่นิ่ง ไม่สนใจเรื่องการกินการนอน
สาเหตุ
ปัจจัยทางด้านชีวภาพ (Biological factors)
ประกอบด้วยดังนี้ -ระดับความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
-การเจ็บป่วยด้วยโรคทางร่างกาย
ปัจจัยทางด้านจิตสังคม (Psychosocial factors) - ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) กล่าวว่าความก้าวร้าวเป็นสัญชาติญาณหนึ่งของมนุษย์ที่แสดงออกของความโกรธซึ่งถ้าหันความโกรธเข้าสู่ตนเองจะส่งผลให้บุคคลดังกล่าวมีอารมณ์เศร้าได้
ทฤษฎีทางด้านจิตวิทยา (Psychological Theory) กล่าวว่าพฤติกรรมก้าวร้าวเกิดจากการไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน (basic needs) ส่งผลให้เกิดภาวะคุกคามต่อการมีชีวิตอยู่ของบุคคลนั้นอาจจะเป็นสาเหตุให้บุคคลตอบสนองไปในวิธีการก้าวร้าวนอกจากนี้การมีความผิดปกติทางจิตอาจจะทำให้บุคคลเกิดความก้าวร้าว
-ทฤษฎีทางด้านสังคมวิทยา (Sociocultural Theory) จากการศึกษาเด็กที่มีประวัติถูกทำร้ายร่างกาย (Physical abuse) ประวัติการถูกล่วงเกินทางเพศ (Sexual abuse)
-การถือแบบอย่าง (Modeling)
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
การประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงประเมินได้ดังนี้
1.1 ประวัติการมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของบุคคลนั้น
1.2 การได้รับการวินิจการเจ็บป่วยของบุคคลนั้น
1.3 พฤติกรรมในปัจจุบันของบุคคลนั้น
ด้านคำพูด เช่น พูดจาถากถางผู้อื่น
ด้านพฤติกรรม เช่น ขบกราม หน้านิ่วคิ้วขมวด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงที่จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงเนื่องจากมีประวัติพฤติกรรมก้าวร้าว
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาล -ช่วยให้บุคคลนั้นยอมรับว่าตนเองกำลังมีอารมณ์โกรธ
-ช่วยผู้ป่วยให้ค้นหาสาเหตุที่ทำให้ตนเองมีความรู้สึกโกรธ
-ช่วยให้บุคคลที่มีความรู้สึกโกรธได้พูดคุยได้ระบายพลังภายในซึ่งความโกรธได้แสดงออกมาในทางที่ที่จะเป็นประโยชน์และเป็นที่ยอมรับของสังคม
การจัดการความโกรธในชีวิตประจำวันตามแนวพุทธธรรม
การบริหารจัดการความโกรธตามแนวพุทธธรรม
เป็นการนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาตามหลักธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเพื่อความสุขของผู้ปฏิบัติเป็นหนทางไปสู่สังคมแห่งความสุขตามธรรมดามนุษย์ปรารถนาสุขเกลียดทุกข์การอยู่ร่วมกันในสังคมย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดาการมีสติในการควบคุมตนเองอดทนและใช้สติปัญญาต่อความไม่พอใจที่เข้ามากระทบมีความเมตตาต่อตนเองและต่อผู้อื่นเพื่อเป็นกรอบในการดำเนินชีวิตส่วนตัวเป็นหลักในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
หลักพุทธธรรมที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการความโกรธ
ด้านการควบคุมความโกรธด้วยสติขันติเมตตาประกอบด้วยโยนิโสมนสิการตามกระบวนการพัฒนาขั้นศีลเป็นหลักการควบคุมพฤติกรรมทางกายวาจา
ด้านการบรรเทาความโกรธด้วยสติขันติเมตตาประกอบด้วยโยนิโสมนสิการตามกระบวนการพัฒนาขั้นสมาธิเพื่อเป็นการพัฒนาด้านจิตใจ
ด้านการกำจัดความโกรธด้วยหลักสติขันติเมตตาประกอบด้วยโยนิโสมนสิการตามกระบวนการพัฒนาขั้นปัญญาเป็นการพัฒนาปัญญาหรือการเจริญปัญญาที่เรียกว่าวิปัสสนาปัญญา
อกุศลได้ชื่อว่าเป็นมลทิน“ มลทินภายใน 3 ประการคือ โลภะ โทสะ และโมหะ โดยเฉพาะโทสะนี้เมื่อครอบงำจิตใจ
ในปัจจุบันสุขภาพจิตของคนไทยมีระดับความเครียดสูงมากโดยมีปัจจัยพื้นฐานมาจากการเปลี่ยนแปลงของสังคมเศรษฐกิจสถาบันครอบครัวการแข่งขันที่สูงในเรื่องการเรียนการทำงานเรื่องของปากท้องค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างรวดเร็วความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมไปถึงคนไทยทั่วประเทศกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติในเรื่องของภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงเช่นน้ำท่วมแผ่นดินไหวดินถล่มลมพายุหรือภัยพิบัติสนามทำให้เกิดความกดดันในการดำเนินชีวิตประสบกับความผิดหวังล้มเหลวหรือสูญเสียในชีวิตที่รุนแรงทำให้เกิดความเครียดสุขภาพจิตก็แย่อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าและนำไปการฆ่าตัวตายได้เนื่องจากแต่ละคนมีพื้นฐานทางอารมณ์และจิตใจที่แตกต่างกันทำให้มีความสามารถในการปรับตัวและแก้ปัญหาในชีวิตได้ไม่เท่ากัน
6.6 ผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรง (Violence)
พฤติกรรมรุนแรง หมายถึง เป็นความตั้งใจที่จะใช้กำลังทางกายเพื่อข่มขู่หรือกระทำอันตรายต่อตนเองผู้อื่นกลุ่มบุคคลหรือสังคมโดยจะส่งผลให้เกิดหรือมีความน่าจะเป็นสูงที่เกิดการบาดเจ็บเสียชีวิตการกระบทกระเทือนทางจิตใจพัฒนาการที่ผิดปกติหรือภาวะขาดแคลน
วิธีการบำบัดทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ประเมินสภาพผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงโดยประเมินระดับความรุนแรงของพฤติกรรม
พยาบาลควรมีท่าทีที่เป็นมิตรสงบและให้เกียรติเพื่อให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจสิ่งที่พยาบาลควรตระหนักเกี่ยวกับท่าทางในระหว่างให้การพยาบาล
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ได้แก่ จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยรวมทั้งลดสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมโดยลดเสียงดังลดแสงสว่างลดการที่มีคนพลุกพล่านเพื่อลดสิ่งคุกคามความรู้สึกผู้ป่วย
หลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการสงบพยาบาลควรเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความรู้สึกเกี่ยวกับการถูกการ จำกัด พฤติกรรม (Limit setting) การใช้ห้องแยก (Seclusion) การผูกมัคร่างกาย (Physical restrain)
พยาบาลควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีจัดการกับอารมณ์ความโกรธออกไปในทางที่เหมาะสมสรูป
บทบาทของพยาบาลในการจัดการพฤติกรรมก้าวร้าวในผู้ป่วยจิตเวช
กลยุทธ์เพื่อการป้องกัน (preventive strategy) แนวทางที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว ได้แก่ การตระหนักรู้ในตนเองของพยาบาล (self-awareness) การฝึกพฤติกรรมกล้าแสดงออก (assertive training) และการให้ความรู้กับผู้ป่วย (patient education) ข้องใจขาดแสดงออก
กลยุทธ์ในระยะคาดว่าจะเกิดพฤติกรรม (anticipatory strategy) ได้แก่ การใช้เทคนิคในการติดต่อสื่อสาร (communication strategy) การปรับสิ่งแวดล้อม (ervironmental change) การปรับพฤติกรรม (behavioral modifications) การรักษาด้วยยา (psychopharmacology)
กลยุทธ์ในระยะเกิดพฤติกรรม (con tainment strategy) เมื่อใช้กลยุทธ์เพื่อการป้องกันและการใช้กลยุทธ์ในระยะคาดว่าจะเกิดพฤติกรรมไม่ประสบความสำเร็จกลยุทธ์สุดท้ายที่จะใช้คือการจัดการในภาวะวิฤต (crisis Tmanage ment) โดยการใช้ห้องแยก (seclusion) และการผูกมัดผู้ป่วย
สมรรถนะพยาบาลจิตเวช
เป็นพฤติกรรมของการบริการหรือการพยาบาลที่ต้องเกี่ยวข้องกับการประเมินวินิจฉัยโรคให้การดูแลช่วยเหลือบำบัดรักษาทางจิตการฟื้นฟูสภาพและการส่งเสริมการดูแลตนเองของบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพจิตในแต่ละช่วงวัยสร้างเสริมศักยภาพของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยทางจิตเวชโดยมีทักษะหรือมีความเชี่ยวชาญชำนาญการในด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะมีการบริหารจัดการระบบให้การบริการที่มีแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตซับซ้อน
สมรรถนะของพยาบาลจิตเวชในการปฏิบัติการพยาบาลซึ่งจะอธิบายถึงคุณลักษณะหรือสมรรถนะของพยาบาลเป็น 7 ด้าน
ด้านคุณธรรมจริยธรรม อาทิการให้บริการทางการพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันไม่แบ่งแยกผู้รับบริการตามชนชั้นวรรณะเป็นต้น แต่ในส่วนของพยาบาลจิตเวชจะให้ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการครองตนให้ถูกต้องตามหลักคุณธรรมและจริยธรรมซึ่งหมายถึง การยอมรับในความคิดและความแตกต่างของบุคคลที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตไม่ตัดสินพฤติกรรมนั้น ๆ ของผู้ป่วยจิตเวชหรือญาติว่าถูก / ผิดดี / เลว nonjudgmentat) ควรไม่ควรหรือไม่ด้วยหลักการความคิดทัศนคติของตนเองเป็นหลัก
ด้านความรู้ มีความรู้ความเข้าใจในขอบเขตมโนทัศน์สุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวซ (Mental Health and Psychiatric Nursing) คือเข้าใจในกรอบแนวคิดด้านจิตเวชศาสตร์ความสำคัญหลักการความรู้เรื่องโรคทางจิตเวชแนวทางการประเมินสภาพจิตคัดกรองความเสี่ยงต่าง ๆ
ด้านทักษะทางปัญญา: สามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้านการพยาบาลจิตเวชและองค์ความรู้จากสหสาขาวิชาชีพในการแก้ปัญหาผู้อยู่ในความดูแลแล้วสามารถประยุกต์เชื่อมโยงสู่กระบวนการพยาบาลมีความคิดด้วยเหตุและผลของการพยาบาลอย่างเป็นระบบมีกระบวนการและขั้นตอนที่มีเหตุผลตลอดจนมีไหวพริบปฏิภาณทางปัญญาสามารถยืดหยุ่นทางความคิตได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคลและการสื่อสาร: มีสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้อื่นมีทักษะการประสานงานและสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในทีมรักษาพยาบาลมีทักษะการสื่อสาร (อัมพรกุลเวชกุล, 2548) หรือที่เรียกว่าศิลปะการสื่อสารระหว่างบุคคลระหว่างองค์กร, สหวิชาชีพไม่ว่าจะเป็นจิตวิทยานักกายภาพบำบัด
ด้านการประเมินผลและการใช้ระบบสารสนเทศ การสืบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยในการสร้างสื่อการสอนสุขศึกษาหรือนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ด้านสุขภาพจิตต่าง ๆ มีความสามารถในการใช้ระบบสารสนเทศอินเทอร์เน็ต ในการบริหารจัดการ update ข้อมูลความรู้เรื่องโรคแนวทางการรักษาให้ทันสมัยอยู่เสมอหรือเพื่อการจัดกลุ่มกิจกรรมหรือเพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่ม
ด้านการปฏิบัติการพยาบาลจิตเวซ: หมายถึงมีความสามารถในการปฏิบัติการพยาบาลด้านจิตเวชอย่างเป็นองค์รวมครอบคลุม 4 มิติของการพยาบาล ได้แก่ การสร้างเสริมสุขภาพการป้องกันโรค (สอนสุขศึกษา) การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสุขภาพแก่ผู้ใช้บริการทุกกลุ่มวัยโดยประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการพยาบาลจิตเวชและสหสาขาวิชาความรู้ที่พยาบาลซื้อชาติศาสนาเกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้มีกระบวนการทางการพยาบาลอยู่บนพื้นฐานของการคำนึงถึงความแตกต่างด้านเชื้อและวัฒนธรรมซึ่งทักษะด้านการปฏิบัติทางวิชาชีพจะครอบคลุมถึงทักษะด้านการประเมินการตรวจสุขภาพ
ด้านบุคลิกภาพ: คงจะกล่าวถึงลักษณะส่วนบุคคลเช่นควบคุมอารมณ์ได้ดีเมื่อเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินทางจิตเวชอาทิผู้ป่วยก้าวร้าวต่าทอผู้ป่วยจะเข้ามาทำร้ายด้วยความโกรธพยาบาลจิตเวชต้องควบคุมอารมณ์กลัวของตนให้ได้
จัดทำโดย นางสาวธิติมา สังรวมใจ เลขที่6 ห้องB