Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา เซลล์เจริญผิดปกติ, image, image, image, image …
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหา
เซลล์เจริญผิดปกติ
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน
(acute lymphoblastic leaukemia
แบ่งเป็น 2 ชนิด
B-cell lymphoblastic leukemia เป็นชนิดที่พบบ่อย
T-cell lymphoblastic leukemia
Leukemia หมายถึง มะเร็งของระบบโลหิต เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิด(Stem cell) ที่อยู่ในไขกระดูก (Bone Marrow) เกิด การแบ่งตัวที่ผิดปกติ ไม่สามารถ differentiate ไปเปนเซลล์ตัวแก่ได้
ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
CLL (Chronic lymphocytic
leukemia)
พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ และมีความชุกของโรคมากขึ้นตามอายุ
AML (Acute
myelogenous leukemia
พบได้ในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก และพบในผู้ชายบ่อยกว่าผู้หญิง
CML (Chronic myelogenous
leukemia)
พบได้น้อย พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ในผู้ป่วยเด็กนั้นประมาณ 80% มักพบในเด็กอายุมากกว่า 4 ปี
ALL (Acute
lymphoblastic leukemia)
เป็นชนิดที่พบได้ในทุกช่วงอายุ ได้บ่อยที่สุดในเด็กอายุ 2-5 ปี
สาเหตุ
ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม
การมีประวัติได้รับยาเคมีบำบัดในการรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นมาก่อน
การสัมผัสสารเคมีที่เป็นพิษบางชนิด โดยเฉพาะ Benzene , Formaldehyde จะเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้สูงกว่าคนทั่วไป
การมีประวัติได้รับสีIonizing radiation เป็นรังสีที่ใช้ในการตรวจและรักษาในปริมาณสูง
ได้รับสารเคมีต่างๆ ที่เป็นพิษจากสิ่งแวดล้อมหรือจากควันบุหรี่และการสูบบุหรี่
ปัจจัยทางด้านพันธุกรรม
ครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALLพบว่าจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงกว่าคนทั่ว ไปประมาณ 2-4 เท่า
ในฝาแฝดที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL โดยเฉพาะเมื่อเป็นโรคตั้งแต่อายุน้อย พบว่าจะทำให้ฝาแฝดอีกคนหนึ่งมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ประมาณ 25%
เด็กที่เป็นDown’s syndrome ซึ่งเป็นโรคผิดปกติทางพันธุกรรม มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL และ AML มากกว่าคนปกติ
อาการ
เลือดออกง่าย จากเกร็ดเลือดต่ำ เช่น ออกตามไรฟัน มีจ่ำเขียวขึ้นตามตัว หรือมีประจำเดือนมากผิดปกติ
มีเม็ดเลือดขาวปริมาณมากแต่เป็นชนิดตัวอ่อน ต่อสู้เชื้อโรคไม่ได้ผู้ป่วยจึงติดเชื้อง่าย มีไข้ เป็นอาการสำคัญที่มักจะมารับการรักษา
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลีย
เม็ดเลือดขาวไปเบียดบังอวัยวะ หรือไปสะสมตามอวัยวะ ทำให้มีก้อนขึ้นที่ขาหนีบ ต่อมน้ำเหลือง ขา คอ หรือมีตับ ม้ามโต
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
พบบ่อยที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ(Cervical Lympnode)
ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
Non-Hodgkin Lymphoma
อาจมีก้อนที่ช่องท้อง ช่องอกหรือในระบบประสาท
อาการจะเร็วและรุนแรง มักจะมาโรงพยาบาลเมื่อมีการกระจายไปทั่วร่างกายแล้ว
Burkitt Lymphoma
มีลักษณะพิเศษคือ มีต้นกำเนิดมาจาก B-cell
มีการแทรกกระจายในเนื้อเยื่อ
มีก้อนเนื้องอกที่โตเร็วมาก มักพบเฉพาะที่ เช่น ในช่องท้อง รอบกระดูกขากรรไกร
Hodgkin Lymphoma
พบต่อมน้ำเหลืองจะโตมาเป็นปี ไม่มีอาการเจ็บ
ลักษณะเฉพาะ คือพบ Reed-Sternberg cell ซึ่งไม่มีในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดอื่น
ประกอบประด้วยอวัยวะที่เกี่ยวกับน้ำเหลือง
ได้แก่ ม้าม,ไขกระดูก, ต่อมทอนซิล, ต่อมไทมัส
ภายในอวัยวะเหล่านี้ ประกอบไปด้วยน้ำเหลืองซึ่งมีหน้าที่นำสารอาหาร และเซลล์เม็ดเลือดขาว(Lymphocyte) ไปยังส่วนต่างๆทั่วร่างกาย
ความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขึ้น การทำหน้าที่ก็จะผิดปกติ
อาการเริ่มต้น
จะคลำพบก้อนที่บริเวณต่างๆ เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ หรือเต้านม แต่ไม่มีอาการเจ็บ ซึ่งต่างจากการติดเชื้อที่มักจะมีอาการเจ็บที่ก้อน
มีไข้ หนาว สั่น เหงื่อออกมากตอนกลางคืน คันทั่วร่างกาย
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลียไม่ทราบสาเหตุ
ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก ต่อทอนซิลโต
ปวดศีรษะ (พบในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท)
อาการในระยะลุกลาม
ซีด มีเลือดออกง่าย เช่น จุดเลือดออกตามตัว จ้ำเลือด
ในรายที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเกิดขึ้นภายในช่องท้องผู้ป่วยจะมีอาการแน่นท้อง หรืออาหารไม่ย่อย ท้องโตขึ้น จากการมีน้ำในช่องท้อง
แนวทางการรักษา
การฉายรังสี(Radiation Therapy) คือการรักษาด้วยรังสี ปริมาณสูง เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นเนิด (Transplantation)
การใช้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
มะเร็งไต (Wilm Tumor)
ภาวะที่เนื้อไตชั้นParenchyma มีการเจริญผิดปกติจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกภายในเนื้อไต ส่วนใหญ่ จะมีขนาดใหญ่ และคลำได้ทางหน้าท้อง และมักจะเป็นที่ไต ข้างใดข้างหนึ่ง
พบได้บ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี
มีต้นกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบประสาท(Neural crest) สามารถเกิดบริเวณใดก็ได้ที่มีเนื้อเยื่อ Sympathetic nerve ได้แก่ ต่อมหมวกไต(adrenal gland) ในช่องท้อง เป็นต้น
ระยะการรักษาเคมีบำบัด
ระยะให้ยาแบบเต็มที่ (intensive or consolidation phase)
ระยะป้องกันโรคเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS prophylaxis phase)
ระยะชักนำให้โรคสงบ (induction phase)
ระยะควบคุมโรคสงบ (maintenance phase or continuation therapy)
การรักษาประคับประคอง
เป็นการรักษาโรคแทรกซ้อน และอาการข้างเคียงจากการให้ยา โดยต้องทำควบคู่กับการรักษาแบบจำเพาะ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
แบ่งเป็น
การรักษาทดแทน (Replacement therapy)
การรักษาด้วยเกร็ดเลือด
วิธีการให้ยาเคมีบำบัด IT IM IV
ทางช่องไขสันหลัง intrathecal
ทางกล้ามเนื้อ หลังฉีดต้องระวังเลือดออก
ทางหลอดเลือดดำ vein ต้องระวังการรั่่วของยาออกนอกหลอดเลือด ที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
การดูแลเด็กที่ได้รับยาเคมีบำบัด
ผลข้างเคียง
ระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน แผลในปากและคอ
ระบบผิวหนัง ทำให้ผมร่วง หลังจากได้ยาไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ และจะงอกขึ้นมาใหม่หลังหยุดยา 2-3 เดือน
ระบบเลือด ทำให้ไขกระดูกผลิตเซลล์เม็ดเลือดต่างๆ ได้น้อยลง
ระบบทางเดินปัสสาวะ ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่จะถูกขับออกทางไต ยาบางชนิดก็มีฤทธิ์ทำลายไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ
ตับ ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่จะถูกย่อยสลายที่ตับและบางชนิดมีฤทธิ์ทำลายตับ เช่น Methotrexate, Vincristine
แผนการดูแล
การดูแลผู้ป่วยหลังได้รับยาเคมีบำบัดผ่านเข้าทางช่องไขสันหลัง( Intrathecal:IT)
การดูแล Check V/S ต้องกระทำเหมือนการดูแลผู้ป่วยกลับจาก OR คือ
ทุก 15 นาที 4 ครั้ง ทุกครึ่งชั่วโมง 2 ครั้ง และทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าจะ Stable
หลังให้ยาต้องจัดให้ผู้ป่วยนอนราบ 6-8ช.ม. เพื่อป้องกันการเกิด Herniation ของสมอง
การดูแลป้องกันการเกิดแผลในปาก
รับประทานอาหารที่สุกใหม่ Low Bacterial Diet โดยให้มีคุณค่าครบถ้วน แคลอรีและโปรตีนสูง งดอาหารที่ลวก ย่าง รวมทั้งผักสด ผลไม้ที่มีเปลือกบาง
การดูแลปัญหาซีด ผู้ป่วยเด็กที่ได้รับยาเคมีบำบัดจะเกิดภาวะแทรกซ้อนคือไขกระดูกถูกกด มีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดทำให้เม็ดเลือดลดน้อยลง
การดูแลป้องกันเลือดออกง่ายหยุดยาก เนื่องจากการสร้างเกร็ดเลือดลดลง ผู้ป่วยจึงเสี่ยงเลือดออกง่ายหยุดยา แพทย์อาจมีแผนการรักษาให้ Platlet concentration