Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลใน การช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหา ทาง …
การใช้กระบวนการพยาบาลใน การช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหา ทาง จิตสังคม
1.ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร (Hostility)
ลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร
ความไม่เป็นมิตรมีลักษณะคล้ายกับความโกรธ มีพฤติกรรมการทำลาย (Destructive) บุคคล มีทัศนคติที่ถูกสะสมมาเรื่อย ๆ มีความคงทนเปลี่ยนไปได้ยากและเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองที่รุนแรง ซับซ้อนโดยมีแต่ความเกลียดชัง อิจฉา ริษยา และมีความต้องการที่มักจับจ้องจะทำลาย ความไม่เป็นมิตรมักจะพุ่งตรงต่อบุคคลหรือกลุ่มคน ความไม่เป็นมิตรมักจะไม่มุ่งตรงต่อสิ่งของหรือตัวเอง แต่หากเป็นความโกรธบุคคลอาจจะโกรธสิ่งของเครื่องจักรที่ทำงานไม่ได้ หรือตัวเองรู้สึกคับข้องใจ ความไม่เป็นมิตรมักจะเป็นผลมาจากความก้าวร้าว ความไม่เป็นมิตรมักจะไม่แสดงเท่ากับความก้าวร้าว อาจกล่าวได้ว่า ความไม่เป็นมิตรเป็นความรู้สึกที่เป็นปรปักษ์และความต้องการที่จะทำลายผู้อื่นให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย
สาเหตุและกลไกทางจิต
ความไม่เป็นมิตรมักถูกปลูกฝังตั้งแต่วัยทารกเมื่อมีสิ่งคุกคามทางจิตใจ บุคคลไม่สามารถแสดงออกถึงความคับข้องใจได้ สิ่งแวดล้อมหรือบุคคลอื่นมีอิทธิพลที่ส่งผลให้บุคคลเรียนรู้ที่จะเก็บซ่อนความคิด ความรู้สึก ข่มความขมขื่น หรือเก็บกดสิ่งที่ตนเองต้องการเอาไว้และเกิดความคับข้องใจของตนเอง มักจะส่งผลให้บุคคลนั้นรับรู้การมีคุณค่าในตนเองต่ำ เกิดการสะสมความคับข้องใจในตนเองมากขึ้น ความไม่เป็นมิตรจะถูกเก็บซ่อนไว้และแอบแฝงและติดตัวเป็นลักษณะนิสัยของบุคคลนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์คุกคามทางจิตใจ บุคคลนั้นมักจะรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดมาก รู้สึกสูญเสียคุณค่าในตนเอง (Low self-esteem) จนไม่สามารถทนได้ จนเกิดความวิตกกังวลอย่างมากซึ่งจะแสดงความเป็นมิตรออกมาอย่างเปิดเผยหรือแอบเก็บกดความรู้สึกนั้นเอาไว้
สรุป
ความไม่เป็นมิตรเป็นความรู้สึกที่เกิดจากความหวาดหวั่น คับข้องใจและการข่มความรู้สึกไว้จนกลายเป็นศัตรูกับบุคคลอื่น พฤติกรรมสื่อความไม่เป็นมิตรมีลักษณะการแสดงออกอย่างเปิดเผยหรือเก็บกดเอาไว้ ดังนั้น พยาบาลควรประเมินเหตุการณ์ให้ทันถ่วงที สนับสนุนให้บุคคลนั้นได้เกิดการยอมรับการกระทาของตนเองและเรียนรู้การควบคุมตนเอง
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง ชีพจรเต้นเร็ว หายใจถี่ขึ้น กล้ามเนื้อเกร็ง ผิวแดง คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง คอแห้ง เหงื่ออกตามร่างกาย
ด้านคำพูด เช่น การพูดกระทบกระเทือน ส่อเสียด ดูถูก ข่มขู่ โต้แย้ง และอาจรุนแรงถึงการดุด่า พูดจาชวนทะเลาะ
การประเมินความไม่เป็นมิตร พยาบาลสามารถประเมินได้จากทั้งด้านร่างกายและสติปัญญาแต่การแสดงออกหรือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมีลักษณะคล้ายความโกรธ ซึ่งเป็นผลจากการถูกคุกคามทางจิตใจจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและภายใน
ด้านพฤติกรรม เช่น ท่าทีเฉยเมย ต่อต้าน เงียบ เชื่องช้า ไม่ยอมสบตา เดินหนี หรือกำหมัดแน่น หรือบางรายมักจะแสดงพฤติกรรมรุนแรง เช่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ หรือ บางรายอาจแสดงพฤติกรรมแอบแฝง เช่น ทำตัวอ่อนหวาน น้อมน้อมเกินไป
2.ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว (Aggression)
ลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว
ความโกรธ (Anger) และความก้าวร้าว (Aggression) มีลักษณะที่ไม่เหมือนกันแต่มีความเกี่ยวข้องกัน ความโกรธเป็นอารมณ์หรือความรู้สึก ส่วนความก้าวร้าวเป็นพฤติกรรมซึ่งแสดงออกมาได้ทั้งคำพูดและการกระทำ ความโกรธเป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์ที่เกิดขึ้นทั้งทางบวกและทางลบ ถ้าเป็นทางด้านบวกจะส่งให้บุคคลมีพลังในการจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ถ้าเป็นทางด้านลบการแสดงออกมักจะมีความก้าวร้าวรุนแรงได้
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
ประวัติการมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของบุคคลนั้น
การได้รับการวินิจการเจ็บป่วยของบุคคลนั้น เช่น โรคจิตเภท การติดสารเสพติด
พฤติกรรมในปัจจุบันของบุคคลนั้น เช่น มีความก้าวร้าวมากน้อยในระดับใด สังเกตได้จาก
ด้านพฤติกรรม เช่น ขบกราม หน้านิ่วคิ้วขมวด จ้องมองด้วยความโกรธ หน้าแดง ท่าทางระมัดระวังตัวเองสูง
ด้านคำพูด เช่น พูดจาถากถางผู้อื่น พูดคุกคามผู้อื่น พูดมาก พูดเสียงดัง ตะโกนเสียงดัง มีคาพูดแสดงถึงความกลัว
สาเหตุ
ปัจจัยทางด้านชีวภาพ (Biological factors)
ระดับความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
การเจ็บป่วยด้วยโรคทางร่างกาย
ปัจจัยด้านจิตสังคม (Psychosocial factors)
ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) กล่าวว่า ความก้าวร้าวเป็นสัญชาติญาณหนึ่งของมนุษย์ที่แสดงออกของความโกรธ ซึ่งถ้าหันความโกรธเข้าสู่ตนเองจะส่งผลให้บุคคลดังกล่าวมีอารมณ์เศร้าได้
ทฤษฏีทางด้านจิตวิทยา (Psychological Theory) กล่าวว่า พฤติกรรมก้าวร้าวเกิดจากการไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน (basic needs) ส่งผลให้เกิดภาวะคุกคามต่อชีวิตบุคคลนั้น
ทฤษฏีทางด้านสังคมวิทยา (Sociocultural Theory) จากการศึกษาเด็กที่มีประวัติถูกทาร้ายร่างกาย (Physical abuse) ประวัติการถูกล่วงเกินทางเพศ (Sexual abuse) การถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก และการที่พ่อแม่มีพฤติกรรมที่รุนแรง จากการศึกษาพบว่าเด็กจะมีพัฒนาการพฤติกรรมรุนแรงเกิดขึ้นได้
การถือแบบอย่าง (Modelling) มีการศึกษาพบว่าเด็กจะลอกเลียนแบบการแสดงความโกรธจากพ่อแม่หรือบุคคลสำคัญในชีวิตของเขาทาให้เด็กมีพฤติกรรมรุนแรงเป็นปัจจัยเสริมให้เด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวในเวลาต่อมา
3.ผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรง (Violence)
ลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรง
เป็นความตั้งใจที่จะใช้กำลังทางกายเพื่อข่มขู่หรือกระทำอันตรายต่อตนเอง ผู้อื่น กลุ่มบุคคล หรือ สังคมโดยจะส่งผลให้เกิดหรือมีความน่าจะเป็นสูงที่เกิดการบาดเจ็บ เสียชีวิต การกระทบกระเทือนทางจิตใจพัฒนาการที่ผิดปกติหรือภาวะขาดแคลน
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
ประเมินสภาพผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
พยาบาลควรมีท่าทีที่เป็นมิตร สงบ และให้เกียรติเพื่อให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจ
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ได้แก่ จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยรวมทั้งลดสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม โดยลดเสียงดัง ลดแสงสว่าง ลดการที่มีคนพลุกพล่าน เพื่อลดสิ่งคุกคามความรู้สึกผู้ป่วย
หลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการสงบพยาบาลควรเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความรู้สึกเกี่ยวกับการถูกการจำกัดพฤติกรรม (Limit setting) การใช้ห้องแยก (Seclusion) การผูกมัดร่างกาย (Physical restrain)
พยาบาลควรให้คาแนะนาเกี่ยวกับวิธีจัดการกับอารมณ์ ความโกรธออกไปในทางที่เหมาะสม
นายคมกริช พาลุกา เลขที่ 5 ห้อง B