Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

GDMA 2 + Elderly pregnancy G5P2-0-2-2 :silhouette: นศพต.จิตร์ญาณี คงแก้ว…

- - - - ยาที่ได้รับ
        
        Actrapid 0-6-8 Unit Sc หลังอาหาร ทุกวัน
        
        Folic acid 1x1 po pc
        
        lodine 1x1 po pc
        
        Diphenhydramine (50) 1x3 po pc
        
        B6 1x1 po pc
    - - ปี 2553 : Abortion เมื่ออายุครรภ์ 1เดือน ขูดมดลูก ที่ รพ.รามา
        
        ปี 2554 : คลอด Normal Labor เพศหญิง นน. 3,200 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อน รพ.รามา
        
        ปี 2556 : Abortion เมื่ออายุครรภ์ 1 เดือน ไม่ได้ขูดมดลูก
        
        ปี 2558 : Cesarean section เพศหญิง นน.3,500 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อน รพ.ตำรวจ
- - - - การดู :black_flag:
        
        มี Striae gravidarum เป็นสีเงิน บริเวณผิวหน้าท้อง
        
        Linea nigra : เส้นตรงแนวยาว ตรงกลาง ท้องสีดำ
        
        ทารกอยู่ในแนว Oblique line
        
        มีแผล ผ่าคลอดบริเวณ Bikini line
      - การคลำ :black_flag: (4ท่า)
        
        ท่าที่ 1 Fundal grip : 3/4 มากกว่าสะดือ
        
        ท่าที่ 2 Umbilical grip : large part ด้านขวา
        
        ท่าที่ 3 Pawlik's grip : Vx , Head float
        
        ท่าที่ 4 Bilateral inguinal grip : Head float
      - การฟัง :black_flag:
        
        FHS ด้านขวา 145ครั้ง/นาที
- - - - เจาะถุงน้ำคร่ำ (Amniocentesis)
        
        ไม่พบอาการผิดปกติหลังการเจาะถุงน้ำคร่ำ
      - ผลการเจาะถุงน้ำคร่ำ
        
        มารดาเจาะถุงน้ำคร่ำ 30พฤศจิกายน 2563 GA 17+6 Wks.
        
        AFI =20 46 , XY เพศชายไม่พบภาวะผิดปกติของโครโมโซม
    - - CBC (14/09/63)
        
        Hb E screen
        
        Positive
        
        CBC สามี
        
        MCV = 88 fL
        
        Hb E screening Test (DCIP) : -
        
        screening α Thai : Neg (16/09/57)
        
        05/09/57 :checkered_flag:
        
        MCV 61.70 fL
        
        Hb E screening Test (DCIP) : Positive
        
        Hb typing : HbE : 92.6%
        
        วินิจฉัย Homozygous HbE
        
        screening α thal : Neg (16/09/57)
        
        Hb = 10.7 g/dL ↓
        
        Hct = 32.0 % ↓
        
        RBC = 5.31 10^6/uL ↑
        
        MCV = 60.2 fL ↓
        
        MCH = 20.1 pg ↓
    - - GCT BS 50 g (14/09/2563)
        
        :no_entry:146 mg/dL
        
        OGTT glucose 100 g (28/09/2563)
        
        FBS = 86 mg/dL
        1-hr. = 185 mg/dL↑
        2-hr. = 183 mg/dL↑
        3-hr. = 155 mg/dl↑
        
        ส่งพบแพทย์ อายุรกรรม
        ส่งพบแพทย์เรื่องตา
        
        Dx. GDMA 1 (09/11/2564)
- - - - ผลกระทบต่อแม่
        
        ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
        
        ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
        
        PIH ความดันสูงขณะตั้งครรภ์
        
        Infection
        
        Polyhydramnios ครรภ์แฝดน้ำ
        
        dystocia การคลอดยาก
        
        preterm birth
      - ผลกระทบต่อทารก
        
        congenital malformation
        
        Macrosomia ทารกโต
        
        Hypo-Hyperglycemia
        
        Hyperbilirumia
        
        RDS (การหายใจติดขัด)
    - - โรคเบาหวานที่วินิจฉัยได้ก่อนตั้งครรภ์
        (Pregestational Diabetes Mellitus / Overt DM)
      - โรคเบาหวานที่วินิจฉัยได้เป็นครั้งแรกขณะตั้งครรภ์
        (Gestational Diabetes Mellitus GDM)
    - - การซักประวัติหากลุ่มความเสี่ยงสูง
        
        อายุ30 ปีขึ้นไป
        
        เคยมีประวัติ gestational diabetes(GDM) ในครรภ์ก่อน
        
        นน.ตัวมากก BMI >27
        
        มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน (บิดามารดาหรือพี่น้องท้องเดียวกัน)
        
        ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ ≥ 1+
        
        มีประวัติไม่ดีทางสูติศาสตร์
        :star: ทารกตายคลอดไม่ทราบสาเหตุ
        :star:ทารกพิการโดยกำเนิด
        :star:มีประวัติคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม
        :star:ทารกเสียชีวิตในครรภ์
        
        ตรวจพบมีภาวะความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์หรือมีประวัติความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
        
        พบภาวะตั้งครรภ์แฝดน้ำ
        
        การคัดกรองด้วย 50 Glucose Challenge Test
        
        วิธี ให้รับประทานกลูโคสขนาด 50 กรัม ขณะอายุครรภ์ที่ 24-28 สัปดาห์ โดยไม่คำนึงถึงมื้ออาหารที่ผ่านมา ถ้าระดับ Plassma glucose เท่ากับ 140 มก./ดล. หรือมากกว่าถือว่าผิดปกติ
        
        :no_entry: 146 mg/dL
        
        นัด 1 สัปดาห์มาตรวจ OGTT คือวันที่ 28/09/2563
        
        การตรวจวินิจฉัยด้วย 100 กรัม Oral glucose tolerance test (OGTT)
        
        งดอาหารหลังเที่ยงคืน เจาะเลือดในตอนเช้าหลังอดอาหารมาอย่างน้อย 8-14 ชั่วโมง เพื่อหา fasting plasma glucose จากนั้นรับประทานกลูโคส 100 g แล้วเจาะเลือด ที่ 1, 2 และ 3 ชั่วโมง หลังรับประทานกลูโคส
        :black_flag: ค่าปกติ 95, 180 ,155, 140 :black_flag:
        
        ผิดปกติ 2 ค่าขึ้นไป วินิจฉัยว่าเป็น GDM
        
        FBS = 86 mg/dL
        
        1-hr. = 185 mg/dL ↑
        
        2-hr. = 183 mg/dL ↑
        
        3-hr. = 155 mg/dl ↑
        :silhouettes: GDM
        
        ควบคุมอาหาร
        
        ฉีด Insulin (Actrapid) 0-6-8 Unit Sc ก่อนอาหาร ทุกวัน
        
        :black_flag: GDMA 1
        
        FBS < 95 mg/dl
        
        2-hr. pp < 120 mg/dl
        
        ควบคุมอาหาร
        
        :black_flag:GDMA 2
        
        FBS ≥ 95 mg/dl
        
        2-hr. pp ≥ 120 mg/dl
        
        ควบคุมอาหาร + Insulin
        
        FBS = 81 mg/dl.
        
        Hb A1C= 4.6
        :smiley: ปกติ
        (09/11/63)
        
        มารดามีอายุ 42 ปี
        
        น้ำหนัก 75.5 kg. ส่วนสูง 162 cm.
        
        BMI 28.01 kg/m2
        
        มีประวัติคลอดบุตร น้ำหนัก 3,200 กรัม และ 3,500 กรัม
        
        มารดาชอบดื่มน้ำหวาน เช่น ชาเขียว น้ำอัดลม
        
        Albumin = Negative (14/09/63)
        
        Sugar = Negative (14/09/63)
  - - - ผลกระทบต่อมารดา
        
        ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ : รกเกาะต่ำ , ความดันโลหิตสูง , :warning: เบาหวาน
        
        ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ : อายุมากกว่า 35 ปีมีโอกาสตั้งครรภ์แฝดถึงร้อยละ 3.5 , การตั้งครรภ์นอกมดลูก
        
        การแท้งบุตร : การสูญเสียทารกในระหว่าง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ - การแท้งบุตร : การสูญเสียทารกในระหว่าง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
        
        ปัญหาในระยะคลอด : คลอดก่อนกำหนด , การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
      - ผลกระทบต่อทารก
        
        ทารกน้ำหนักตัวน้อย
        
        ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
        
        ความผิดปกติของโครโมโซม :star: Down's Syndrome
        
        คลอดก่อนกำหนดหรือเกินกำหนด ทารกตัวโตและคลอดไหล่ยาก
    - - ตรวจคัดกรองเบาหวานทันที โดยวิธี GCT 50 g.
        ผลปกตินัดตรวจซ้ำเมื่ออายุครรภ์ 24-28 Wks.
      - ตรวจความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งสตรีตั้งครรภ์ควรรับ
        ทราบความเสี่ยงของการเกิดทารกมีความผิดปกติ
        
        2 วิธี
        
        Invasive methods ได้แก่
        
        การตัดชิ้นเนื้อรก (Chorionic villi sampling)
        
        การเจาะเลือดจากสายสะดือ (cordocentesis)
        
        การเจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis)
        
        Non-invasive methods
        
        การเจาะเลือดมารดาเพื่อตรวจหาระดับฮอร์โมน
        หรือการตรวจหาเซลล์จากทารก (Cell-free DNA)ร่วมกับการอัลตราซาวน์ดูอวัยวะสำคัญ ซึ่งเป็นการตรวจคัดกรอง
- - - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        มารดามีอายุ 42 ปี (Elderly pregnancy)
        
        เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDMA2)
        
        มีภาวะobesity
        
        วัตถุประสงค์
        
        ลดความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        FHS ทารกอยู่ในเกณฑ์ปกติ 110-160 ครั้ง/นาที
        
        ไม่มีอาการผิดปกติ คือมีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องอย่างรุนแรง, ปวดเกร็งมดลูก
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        แนะนำมารดาเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะบริเวณช่องคลอด หลังเข้าห้องน้ำ
        ควรเช็ดให้แห้ง เพื่อป้องกันการอับชื้น ซึ่งอาจส่งผลทำให้มารดาแท้งได้
        
        ให้ความรู้มารดาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์ โดยควรงดในไตรมาสแรก เพื่อ ป้องกันการแท้ง, ไตรมาสสาม เพื่อป้องการคลอดก่อนกำหนด ไตรมาสที่สามสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้แต่ควรมีด้วยความนุ่มนวล
        
        แนะนำให้มารดาสังเกตอาการผิดปกติที่ควรมากพบแพทย์ นั่นคือ มีเลือดออกบริเวณช่อง
        คลอด
        
        แนะนำให้มารดางดทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแท้ง เช่น การกระโดด การเดินขึ้นลง
        บันได ควรทำด้วยความระมัดระวัง
        
        แนะนำให้มารดานับลูกดิ้น เพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์ หากพบทารกไม่ดิ้นหรือดิ้น
        น้อยลง ควรรีบมาพบแพทย์
        
        ประเมินผลการพยาบาล
        
        ไม่มีอาการน้ำเดิน หรือเลือดออกทางช่องคลอด
        
        FHS ทารกอยู่ในเกณฑ์ปกติ 110-160 ครั้ง/นาที
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        มารดามีอายุ 42 ปี (Elderly pregnancy)
        
        วัตถุประสงค์
        
        ป้องกันการเกิด Down's Syndrome
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        FHS ทารกอยู่ในเกณฑ์ปกติ 110-160 ครั้ง/นาที
        
        U/S ไม่พบความผิดปกติ ไม่พบลักษณะของ
        Down syndrome
        
        เจาะน้ำคร่ำ ไม่พบความผิดปกติของโครโมโวม
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์สูงวัยหรือ elderly pregnancy ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตัวมารดาและทารกโดยเฉพาะความเสี่ยงที่ทารกจะเป็นdown syndrome
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการตรวจความผิดปกติในทารกรวมทั้งข้อดีและข้อเสียในการ การตัดชิ้น
        เนื้อรก การเจาะเลือดจากสายสะดือ การเจาะน้ำคร่ำ และ U/S
        
        ประเมิน FHS เพื่อประเมินความผิดปกติของทารกและทำการตรวจ NSTเมื่อ GA > 28 Wks.
        
        ติดตามผลการตรวจความผิดปกติของทารกในครรภ์
        
        ประเมินผลการพยาบาล
        
        FHS 158 ครั้ง/นาที
        
        มารดาทำ Nifty ได้ผล Low risk ไม่พบความผิดปกติ
  - - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        มารดาของหญิงตั้งครรภ์ เป็น HT
        
        ตรวจ GCT 50 g ได้ 146 mg/dl
        
        ผล OGTT ได้ 86, 185, 183, 155 mg/dL
        
        มารดามีอายุ 42 ปี
        
        BMI 28.01 kg/m2
        
        วัตถุประสงค์
        
        ไม่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง / ต่ำ และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์คือ ความดันโลหิตสูง ติดเชื้อง่าย
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ไม่มีอาการและอาการแสดงภาวะน้ำตาลในเลือดสูง / ต่ำ
        
        ไม่มีอาการแสดงของภาวะความดันโลหิตสูง เช่น ปวดมึนท้ายทอย ตึงที่ต้นคอ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น ตามัว มือเท้าชา
        
        ไม่มีอาการแสดงของ ภาวะติดเชื้อง่าย เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ ปัสสาวะแสบขัด ตกตะกอน สีขุ่น
        
        ค่าน้ำตาลในเลือด (DTX) อยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 80-120 mg%
        
        สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ T= 36.5-37.4 C,RR= 16-24 bpm,
        PR= 60-100 bpm, BP= 90/60-140/90 mmHg, Ps= 0-3 คะแนน
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะแทรกช้อนจากภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) ความดันโลหิตสูง(Hypertension) และ การติดเชื้อง่าย (Infection)
        
        แนะนำการปฏิบัติตัวในการควบคุมเบาหวาน เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน
        
        แนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
        
        แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์เห็นความสำคัญของการมาตรวจตามนัด เพื่อการตรวจประเมินอาการและให้การรักษาพยาบาลได้อย่างเหมาะสม
        
        แนะนำภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้และการสังเกตอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ ปัสสาวะแสบขัด ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรมารับการตรวจทันทีเพราะอาการต่างๆเหล่านี้ อาจทำให้เกิดการควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีพอ เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย
        
        แนะนำการรักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์
        
        ให้ความรู้เรื่องการเจาะน้ำตาลปลายนิ้วหลังรับประทานอาหารทุกมืเอ และดูแลให้ผู้ป่วย ฉีด(Actrapid) 0-6-8 Unit Sc ก่อนอาหาร ทุกวัน ตามการรักษาของแพทย์
        
        แนะนำหญิงตั้งครรภ์นับการดิ้นของทารกในครรภ์ ควรนับหลังรับประทานอาหารแต่ละมื้อ
        
        ประเมินผลการพยาบาล
        
        หญิงตั้งครรภ์ไม่มีอาการหรืออาการแสดงจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง คือไม่รู้สึกกระหายน้ำมากกว่าปกติปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เหนื่อย อ่อนเพลีย
        
        ไม่มี อาการหรืออาการแสดงจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คือเหงื่อออกมา ตัวเย็น ใจสั่น เวียนศีรษะ
        
        ไม่มีอาการของภาวะความดันโลหิตสูง และ ติดเชื้อ
        
        DTX 1 hr หลังอาหาร = 140 mg% 2 hr.หลังอาหาร = 99 mg%
        
        สัญญาณชีพปกติ BP 109/60 mmHg PR 87 bpm RR 18 bpm
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        มารดาเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDMA2)
        
        ได้รับยา Insulin (Actrapid) 0-6-8 Unit Sc ก่อนอาหาร ทุกวัน
        
        วัตถุประสงค์
        
        ป้องกันการเกิดภาวะ IUGR/Macrosomia
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ค่าน้ำตาลปลายนิ้ว DTX อยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดไว้ 80-120 mg/dl
        
        มารดาฉีดอินซูลินตามแผนการรักษาของแพทย์ ไม่
        ลืมฉีดอินซูลิน
        
        มารดาสามารถรับประทานอาหารตามคำแนะนำ
        ควบคุมอาหารได้
        
        U/S ไม่พบภาวะ IUGR/macrosomia
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        อธิบายความเสี่ยงจาการที่มารดาเป็นเบาหวาน โดย
        ทารกอาจมีภาวะ IUGR/ macrosomia
        
        เน้นย้ำให้ฉีดอินซูลินตรงเวลาและสม่ำเสมอ คือ ฉีด Insulin (Actrapid) 0-6-8 Unit Sc ก่อนอาหาร ทุกวัน
        
        เน้นย้ำให้เจาะน้ำตาล DTX หลังอาหารทั้ง 3 มื้อ ตาม
        แผนการรักษาของแพทย์
        
        ติดตามผล U/S เพื่อดูภาวะ IUGR/macrosomia
        
        แนะนำให้มารดามาตรวจตามนัดเพื่อติดตามอาการผิด
        ปกติ
        
        ประเมินผลการพยาบาล
        
        มารดาควบคุมอาหารได้ถูกต้องตามคำแนะนำ
        
        ค่า DTX อยู่ในเกณฑ์ปกติ
        
        มารดาฉีด Insulin (Actrapid) 0-6-8 Unit Sc ก่อนอาหาร ทุกวัน
        
        U/S ไม่พบภาวะ IUGR/macrosomia
  - - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        มารดาอายุ42 ปี (Elderly Pregnancy)
        
        มารดาเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDMA2)
        
        BMI 28.01 kg/m2 :warning: Obesity
        
        วัตถุประสงค์
        
        มารดาไม่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ไม่มีอาการหรืออาการแสดงของการเจ็บครรภ์
        
        ไม่มีน้ำใสหรือมูกเลือดออกทางช่องคลอด
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินภาวะสุขภาพและการวินิจฉัยการพยาบาลอธิบายถึงสาเหตุการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด
        
        ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารก ค่าปกติ 110-160 ครั้ง/นาที
        
        สังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนกำหนด เช่นมดลูกหดรัดตัวสม่ำเสมออย่างน้อยทุก10-
        15 นาที มีมูกเลือดออกทางช่องคลอด มีน้ำเดิน รู้สึกลูกไม่ดิ้น หรือดิ้นลดลง
        
        ระมัดระวังการทำกิจกรรม เช่น การออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
        
        รับประทานผักและผลไม้ป้องกันท้องผูกเพื่อลดความเสี่ยงในการการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
        
        ส่งเสริมให้มารดาผ่อนคลายไม่มีภาวะวิตกกังวล
        
        ให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตอาการเจ็บครรภ์เตือนและเจ็บครรภ์จริง
        
        ประเมินผลการพยาบาล
        
        หญิงตั้งครรภ์ไม่มีอาการแสดงของการเจ็บครรภ์ และไม่มีน้ำใส หรือมูกเลือดออกทางช่องคลอด
- - - - แนะนำมารดาในการนับลูกดิ้นทุกวัน โดยการนับหลังรับประทานอาหาร เช้า กลางวัน เย็น เป็นเวลา 1 ชม. ลูกต้องดิ้นอย่างน้อย 3 ครั้ง รวมกัน 3 มื้อต้องดิ้นไม่น้อยกว่า 10 ครั้งจึงถือว่าปกติ และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ลูกไม่ดิ้น หรือลูกดิ้นน้อยลง ให้รีบมาพบแพทย์
    - - เจ็บครรภ์เตือน (False labor pain) :red_flag:
        
        อาการท้องแข็งตึงเป็นพัก ๆ ไม่สม่ำเสมอ พักแล้วอาการหายไปได้เอง
        
        การเดินไม่มีผลต่อการเพิ่มหรือลดของการหดรัดตัวของมดลูก
        
        ไม่มี mucous bloody show
        
        ไม่สุขสบายบริเวณท้อง
        
        เจ็บครรภ์จริง (True labor pain) :red_flag:
        
        ขณะเดินความรุนแรงของการหดรัดตัวของมดลูกเพิ่มขึ้น
        
        มี mucous bloody show
        
        การหดรัดตัวสม่ำเสมอ เจ็บทุก 5 นาที
        
        ปากมดลูกถ่างขยายและบางลง
        
        ไม่สุขสบายบริเวณหลังและท้อง
        ความแข็งแรงของการหดรัดตัวของมดลูกเพิ่มขึ้นขณะเดิน
    - - อาการท้องแข็ง หรือเจ็บครรภ์ ทุก 5-10 นาที
        
        ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        ลูกดิ้นน้อยลง
        
        มีน้ำเดิน (น้ำใสๆ คล้ายปัสสาวะราด)
        
        มีมูกเลือด หรือเลือดสดๆออกทางช่องคลอด
    - - ควรแบ่งมื้ออาหารให้มากขึ้นโดยแนะนำให้รับประทานอาหาร
        ครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้ง โดยอาจแบ่งเป็นอาหาร 3 มื้อหลัก มีมื้ออาหารว่างแทรก2มื้อและอาหารว่างก่อนนอนอีก 1 มื้อ ที่สำคัญคือต้องรับประทานอาหารให้เป็นเวลาเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อาหารมื้อเช้าควรได้รับคาร์โบไฮเดรตไม่เกิน 30 กรัม และควรเพิ่มพลังงานจากโปรตีนอาหารมื้อก่อนนอนควรได้คาร์โบไฮเดรตอย่างน้อย 25 กรัม เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและภาวะโตซีส จากการไม่ได้อาหารตลอดคืน
        
        ไม่ควรอดอาหารระหว่างมื้อนานมากกว่า 5 - 6 ชั่วโมง
        
        รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารประเภทธัญพืช เช่น ข้าวกล้องแทนข้าวขาว เน้นโปรตีนที่มาจากสัตว์ใขมันต่ำและโปรตีน
        
        งดอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพื่อจำกัดน้ำตาลที่เข้าสู่ร่างกาย ได้แก่ น้ำตาล น้ำผึ้ง นมข้นหวาน ขนมหวาน น้ำอัดลม ลำไย ขนุน ทุเรียน
        องุ่น เป็นต้น หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงผลไม้อบแห้ง หรือผักที่เป็นหัว เพราะมีคาร์โบไฮเดรตสูง และที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น หมูติดมัน หนังไก่
        
        แนะนำการฉีดอินซูลิน โดยจะเริ่มให้อินซูลินเมื่อตรวจพบระดับ น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารมากกว่า
        95 mg/dl และระดับ น้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง มากกว่า 120 mg/dl และควรจดบันทึกการใช้อินซูลินและระดับน้ำตาลเพื่อช่วย ปรับระดับอินซูลินและลดอาการแทรกซ้อนที่สำคัญบริเวณที่ฉีดควร หมุนเวียนบริเวณใดบริเวณหนึ่งเป็นสัปดาห์เพื่อให้ผิวหนัง บริเวณนั้นมีเวลาได้หายจากความบอบช้ำเนื่องจากรอยเข็ม และการดูดซึมของอินซูลินจะแตกต่างกัน
        
        แนะนำออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยจะเพิ่มความไวต่ออินซูลินและเพิ่มฤทธิ์ของอินซูลิน จึงช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน ช่วยกระตุ้นหลอดเลือด และหัวใจให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
        
        ดูแลความสะอาดร่างกายและอวัยวะสิบพันธุ์ โดยเช็ดจากหน้าไปหลัง ไม่เช็ดย้อน
        
        แนะนำหญิงตั้งครรภ์มาฝากครรภ์ตามนัด และสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ ได้แก่ มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเชียส ปวดศีรษะอย่างรุนแรงมองเห็นภาพพร่ามัวไม่ชัดเจน เท้าและข้อเท้าบวมมาก ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องอย่างรุนแรงเป็นเวลานานหรือปวดเกร็งบริเวณมดลูก ทารกในครรภ์ไม่เคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวน้อยกว่า 3 ครั้ง ในหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่มีอายุครรภ์เกิน 28 สัปดาห์ มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือมีน้ำคร่ำ
        ไหลออกจากช่องคลอดปริมาณค่อนข้างมาก เป็นต้น