Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Postterm Pregnancy - Coggle Diagram

- - - - Early deceleration
        
        ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 5 ทารกในครรภ์เกิดภาวะ Fetal distress เนื่องจากการหดรัดตัวของมดลูกถี่ขึ้น
        ข้อมูลสนับสนุน s:-
        o:ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกพบ Interval ≥ 2 นาที Duration < 50 วินาที
        กิจกรรมการพยาบาล
        1.ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ ทุก 15 นาที หากพบว่า < 120 นาที รีบรายงานแพทย์
        2.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก 15 นาที ถ้าพบมี Interval < 2 นาที Duration > 60 วินาที หยุดให้ยาเร่งคลอดและรีบรายงานแพทย์
        3.ทำ CST( Contraction Stress Test )ประเมินสภาพทารกในครรภ์
        4.จัดท่านอนตะแคงซ้าย เพื่อช่วยให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกและนำออกซิเจนไปเลี้ยงทารก
        5.สอนและสาธิตการหายใจให้เต็มปอด และเป่าออกทางปากช้าๆ เพื่อให้ได้รับออกซิเจนเต็มที่
- - - - สาเหตุของการตั้งครรภ์เกินกำหนดยังไม่ทราบแน่ชัดแต่อาจเกิดจากความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น Anencephaly ต่อมใต้สมองผิดปกติ ต่อมหมวกไตฝ่อ
      - การขาดฮอร์โมน Placental sulfatase deficiency
        
        ทำให้สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง
        
        ไม่มีอาการเจ็บครรภ์รวมถึงปากมดลูกไม่เปิดขยาย ไม่มีการหดรัดตัวของมดลูก
        
        ไม่พร้อมที่จะนำไปสู่กระบวนการคลอด
    - - Induction of labor (การชักนำการคลอด)
        
        การกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอดโดยทำให้มดลูกเกิดการหดรัดตัวและหรือทำให้ปากมดลูกนุ่มซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการเจ็บครรภ์คลอดตามธรรมชาติเกิดขึ้น
        
        มี2วิธีหลัก
        
        1.การชักนําโดยหัตถการหรือการผ่าตัด
        (Surgical induction of labor)
        
        1.1การเซาะแยกถุงน้ําคร่ํา (Membrane stripping หรือ
        Sweeping)
        
        :
        
        1.2การเจาะถุงน้ําคร่ํา (Amniotomy หรือ Artificial rupture of the membrane)
        
        1.3การถ่างขยายปากมดลูกด้วยสายสวนปัสสาวะ(Transcervical Foley Catheter)
        
        1.4 การถ่างขยายปากมดลูกด้วยHypogroscopic cervical dilatation
        
        2.การชักนําให้เจ็บครรภ์คลอดโดยการใช้ยา
        
        2.1 Oxytocin หรือ Syntocinon
        
        IV
        
        การบริหารยา
        
        1 more item...
        
        2.2การใช้Prostaglandins
        
        2.2.1 PGE1
        
        Misoprotal (Cytotec®)
        
        3 more items...
        
        2.2.2 PGE2
        
        Intracervical gel ฉีดยาเข้าไปใน endocervical cannal ให้ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง
        
        2.Intra vaginal gel เหน็บในช่องคลอดบริเวณ posterior fornix ให้ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง
        
        Controlled-released vaginal insertion เหน็บในช่องคลอดบริเวณ posterior fornix ถอดออกเมื่อครบ 12 ชั่วโมง
        
        ผลข้างเคียง
        
        1 more item...
    - - ความเสี่ยงในผู้คลอด
        
        1.คลอดยาก จึงมีความเสี่ยงต่อการทำสูติศาสตร์หัตถการ เช่น การผ่าตัดคลอดบุคร การใช้เครื่องดูดสุญญากาศช่วยการคลอด หรือ การใช้คีมช่วยการคลอด 2. รกเสื่อม (เพราะอายุครรภ์เกินกำหนด) ทารกในครรภ์จะขาดแคลนออกซิเจนเรื้อรัง (Chronic hypoxia) ทารกจะไม่เจริญเติบโตเต็มตามศักยภาพที่ควรจะเป็น (Intrauterine growth restriction) 3.น้ำคร่ำจะน้อยลง เมื่อมดลูกหดรัดตัว ทำให้ทา รกยิ่งขาดออกซิเจนมากขึ้น ทำให้ทารกอยู่ในภาวะเครียด (Fetal distress, หัวใจเต้นผิดปกติ) จึงมีความเสี่ยงต่อการถูกทำสูติศาสตร์หัตถการ เช่น การผ่าตัดคลอด การใช้เครื่องดูดสุญญากาศฯ การใช้คีมช่วยคลอด 4.มีโอกาสตกเลือดหลังคลอดสูงกว่าครรภ์ปกติ จากมดลูกหดตัวไม่ดี และ/หรือ บาด แผลจากช่องทางคลอด
        
        ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 1 สตรีตั้งครรภ์วิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอดและสุขภาพทารกในครรภ์ เนื่องจากการตั้งครรภ์เกินกำหนด ข้อมูลสนับสนุน S : สตรีตั้งครรภ์ บ่นว่า “ ต้องการผ่าท้องคลอด และถามว่าทำไมแพทย์ถึงไม่ผ่าตัดคลอดให้ มันเป็นสิทธิผู้ป่วยหรือต้องฝากพิเศษก่อนถึงจะผ่าท้อง ถ้าหากลูกฉันเป็นอะไรจะไปฟ้องตั้งแต่พยาบาลถึงผู้อำนวยการ ”
        กิจกรรมการพยาบาล
        1.สร้างสัมพันธภาพเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ และ ให้ความร่วมมือในการดูแลรักษา
        2.ให้คำปรึกษา และ เปิดโอกาสมารดาได้แสดงความรู้สึกต่าง ๆ และซักถามปัญหา
        3.เปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความรู้สึก พูดคุย ซักถามและรับฟังอย่างตั้งใจ
        4.ประเมินอายุครรภ์ให้ถูกต้องอีกครั้ง โดยการซักประวัติวันแรกของระดูครั้งสุดท้าย การดิ้นครั้งแรกของทารก และผลการตรวจขนาดของมดลูกตลอดการตั้งครรภ์
        5.ประเมินความรู้ความเข้าใจของมารดาที่เกี่ยวข้องตั้งครรภ์เกินกำหนด
        6.อธิบายถึงแผนการรักษาพยาบาลอย่างง่าย ๆ รวมทั้งกระบวนการช่วยเหลือ
        7.บอกให้มารดาทราบทุกครั้งก่อนให้การพยาบาล และอยู่เป็นเพื่อนทุกครั้ง
        8.ให้การพยาบาล ด้วยความสนใจ นุ่มนวล มั่นใจและเอาใจใส่
      - ความเสี่ยงในทารก
        
        1.1. ปัญหาจากน้ำคร่ำน้อย (ollgohydramnios) ปริมาณน้ำคร่ำที่ลดลงเป็นผลจากเลือดที่ไปเลี้ยงที่ไตทารกลดลง จึงทำให้การสร้างปัสสาวะจากทารกลดลง และส่งผลกระทบซึ่งเป็นปัญหาหลักที่สำคัญในครรภ์เกินกำหนดคือเกิดการกดสายสะดือทารกได้ง่ายขึ้น 2.ปัญหาจากขี้เทาปนในน้ำคร่ำ (Meconlum stained amniotic fluid) และการสำลักขี้เทา (Meconlum aspiration syndrome) จากการที่มีน้ำคร่ำน้อยในครรภ์เกินกำหนดร่วมกับขี้เทาปนทำให้เกิดความเข้มข้นของขี้เทาในน้ำคร่ำสูง (thick meconium stained amniotic fluid) ซึ่งอาจมีผลต่อทำให้เกิดการสำลักขี้เทาในทารกได้ แล้วเกิดอันตรายได้ ในรายที่รุนแรงก็ทำให้ทารกเสียชีวิตได้ การที่ทารกมีการขับถ่ายขี้เทาออกมาในน้ำคร่ำ อาจจะอธิบายได้จากหลายสาเหตุ เช่น
        
        ภาวะขาดออกซิเจนในทารก (hypoxia)
        
        ความสมบูรณ์พร้อมของระบบทางเดินอาหารในทารก
        
        การควบคุมของระบบประสาท (vaginal stimulation) อันเนื่องมาจากการกดสายสะดือ ทารกชั่วคราว และส่งผลให้เกิดการบีบตัวของลำไส้