Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

CASE STUDY หออายุรกรรมหญิง 1, สมาชิกในกลุ่ม, อ้างอิง - Coggle Diagram

- - - - Pneumonia with Respiratory failure with sepsis = ปอดอักเสบจากการติดเชื้อร่วมกับภาวะการหายใจล้มเหลวและภาวะช็อกจากการติดเชื้อ
    - - Acute Dyspnea : Severe Pneumonia = อาการหายใจลำบากเฉียบพลันจากปอดอักเสบรุนแรง
        
        Urinary Tract Infection (UTI) = การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  - - - 1 วันก่อนมา หายใจเหนื่อย ไม่มีไข้ แต่สามารถทำงานได้
      - 3 ชั่วโมงก่อนมา หายใจหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก ญาติสำส่ง รพ.ชุมแสง Admit 1 คืน
        
        การรักษาที่ได้รับจาก รพ.ชุมแสง
        
        แรกรับ at ER BP. 150/71 mmHg., PR. 130 /min, Tem. 36.5 ºc, RR.40 /min, O2 sat 55% E4 Vt M6
        
        CXR : cephalization both lung , cardiomeggaly
        
        DTX stat 326 mg/dL then DTX q 4 hr.
        
        CBC, BUN, E’lyte
        
        Cef-3 2 gm v OD
        
        On ET-Tube No.7.5 mark 22 PCV mode, PEEP 5, PS 3, FiO2 0.8
        
        Elixir KCl 30 ml. po q 4 hr. x 3 dose
        
        Retained foley cath with bag
        
        การวินิจฉัยจาก รพ.ชุมแสง
        
        R/O Congestive heart failure (CHF) with volume overload
    - - 10 ปีก่อน ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคความดันโลหิตสูง, โรคไขมันในเลือดสูง, เบาหวาน รับประทานยาสม่ำเสมอ และไปตามแพทย์นัดทุกครั้ง
    - - เหนื่อย แน่นหน้าอก ก่อนมา3 ชั่วโมง (refer จาก รพ.ชุมแสง)
    - - พี่สาวป่วยเป็นโรคเบาหวาน
    - - ปฏิเสธการแพ้ยาและอาหาร
  - - - ค่าปกติ 22 - 26 mEq/L
      - ผู้ป่วยโรคไตจะมีความผิดปกติเกี่ยวกับการแลก H+หรือมี
        ความผิดปกติที่ระบบขับแอมโมเนียทำให้มีHCO3ต่ำกว่าปกติ
    - - ค่าปกติ 8 - 23 mg/dL
      - การทำงานของไตอาจผิดปกติ โดยอาจเกี่ยวข้องกับภาวะไตเสื่อมเฉียบพลันของผู้ป่วย ที่เกิดจากการถูกทำลายด้วย
        โรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง จึงทำให้การขับ Urea Nitrogen ออกทางปัสสาวะไม่ได้หรือได้น้อยลง
        จึงทำให้มีการคั่งค้างอยู่ในเลือด จึงทำให้ค่า BUN สูง
    - - ค่าปกติ 3.5 - 5.5 mmol/L
      - จากกรณีศึกษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานได้รับการรักษาด้วยวิธีการฉีดอินซูลิน ผลจากการใช้อินซูลินให้พากลูโคสเข้าสู่ภายในเซลล์ จะพาโพแทสเซียมเข้าสู่ภายในเซลล์พร้อมกัน ด้วยเหตุนี้ โพแทสเซียมในเลือดที่อยู่นอกเซลล์จึงมีโอกาสที่จะต่ำกว่าระดับปกติ
    - - ค่าปกติ 0.51-0.95 mg/dl
      - เนื่องจากมีโรคไตวายเฉียบพลัน (Acute renal failure)และอาการช็อกหรืออาการขาดน้ำ (Dehydration)ร่วมด้วย
    - - ค่าปกติ 98-107 mmol/L
      - เกิดจากสภาวะที่ไตทำงานไม่เป็นปกติ (Kidney dysfunction) ซึ่งทำให้มีการดูดกลับโซเดียมเองมากผิดปกติ จึงมีผลทำให้คลอไรด์สูงขึ้น
    - - ค่าปกติ 12 - 14.9 g/dL
      - เกิดจากภาวะไตวายเฉียบพลันทำให้ส่งผลต่อฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างไขกระดูก
    - - ค่าปกติ150,000 - 400,000 cell/ cu mm
      - เกิดจากภาวะไตวายเฉียบพลันทำให้ส่งผลต่อฮอร์โมนที่กระตุ้นไขกระดูก (Myeloproliferative disorder)ทำให้มีภาวะเกล็ดเลือดสูง (Thrombocytosis
    - - ค่าปกติ 37 - 45.7 %
      - โรคไตวายเฉียบพลัน ทำให้ไตผลิตฮอร์โมนสร้างเม็ดเลือดแดง (erythropoietin) ลดลงซึ่งทำให้ ไขกระดูกได้รับการกระตุ้นลดลง ดังนั้นความเข้มข้นของเลือดจึงลดลง
    - - ค่าปกติ 4,500-10,000 cell/ cu mm
      - WBC count มีค่าสูง เราเรียกว่าภาวะเม็ดเลือดขาวมาก (Leukocytosis) มักเกิดจากภาวะที่มีการอักเสบติดเชื้อในร่างกาย หรือมีความผิดปกติที่ไขกระดูก สาเหตุของภาวะเม็ดเลือดขาวมากที่เป็นไปได้ เช่น มีการติดเชื้อในร่างกาย (Infection) ที่พบบ่อยคือการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacteria) หรือไวรัส (Virus) ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเพื่อมาจัดการกับเชื้อโรค
    - - ค่าปกติ 75 - 100 mmHg
      - เกิดจากภาวะการหายใจล้มเหลว (respiratory failure)
        เป็นภาวะที่ระบบการหายใจไม่สามารถทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จึงทำให้เกิดการลดลงของออกซิเจนในเลือดแดง
- - - - on ET-Tube No 7.5 Mark 23 มีเสมหะคั่งค้า
        ลักษณะเหนียว สีขาวขุ่น
        
        ฟัง Lung : expiratory wheezing both lung
        -Sputum AFB no AFB Found, WBC (PMN) moderate
        
        Sputum gram stain moderate leukocyte , Nomicroorganism Found
        -WBC = 29,400
    - - เพื่อลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เพื่อการหายใจอย่างมีประสิทธภาพ
    - - 1.อุณหภูมิในร่างกายปกติ 36.5 – 37.4 ºc
        2.ลักษณะการหายใจสม่ำเสมอ ไม่มีการใช้กล้ามเนื้อในการช่วยหายใจ
        3.ลักษณะของสีและจำนวนเสมหะ
        4.O2 saturation ≥ 95 %
        5.ติดตามผล Hemoculture
    - - 2.ประเมินการตรวจสัญญาณชีพทุก 2 ชั่วโมง เพื่อดูการเปลื่ยนแปลงโดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย
      - 3.ดูแลพลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวช่วยในการระบายของเสมหะ
      - 4.ประเมินโดยการฟังเสียงปอด เพื่อประเมินเสมหะที่คั่งค้างพร้อมทั้งให้การพยาบาล Suction เมื่อมีเสมหะคั่งค้าง
      - 5.ดูแลเครื่องช่วยหายใจให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยึดหลัก Aseptic Technique
      - 6.สังเกตลักษณะสีและจำนวนของเสมหะ
      - 7.ดูแล Endotracheal Tube ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และยึดติดพลาสเตอร์ป้องกันการเลื่อนหลุดและดูแลทำความสะอาดภายในช่องปาก
      - 8.ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาและติดตามอาการข้างเคียง
      - 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อ เช่น อุณหภูมิในร่างกายสูง ปลายมือปลายเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็วหายเร็ว ความรู้สึกตัวลดลง สับสน เพื่อวางแผนการพยาบาลอย่างเหมาะสม
  - - - ไม่เกิดภาวะเลือดออกในส่วนต่างๆของร่างกาย
    - - ไม่มีอาการแสดงของภาวะเลือดออกในสมอง เช่น ปวดศรีษะทันที อาการอ่อนแรงของแขนขาข้างข้างหนึ่งหรือทั้ง 2ข้าง พูดไม่ชัด อาเจียนพุ่ง
      - ไม่มีอาเจียนเป็นเลือดหรือไม่มีเลือดปนออกมาใน Gastric Content
      - ปัสสาวะและอุจจาระไม่มีเลือดปน
    - - คลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นชนิด Atrial Fibrillation ได้รับยา Enoxaparin 0.6 ml sc q 12 hr.
    - - 1.ประเมินว่ามีเลือดออกจากส่วนต่างๆ ของร่างกายหรือไม่ ถ้ามีทำการบันทึก จำนวน ขนาด เพื่อเป็นข้อมูล ในการประเมินการหายของจุดจ้ำเลือด และประเมินว่ามีการเกิดขึ้นเพิ่มเติม ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด และรายงานแพทย์ ทันที เช่น ระดับความรู้สึกตัวลดลง ไอ , อาเจียนเป็นเลือด , Coffee ground
      - วัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 2 ชั่วโมง หากมีความรู้สึกตัวลดลง ควรเพิ่มการติดตามสัญญาณชีพ
      - ดูแลให้การพยาบาลอย่างระมัดระวังที่จะเกิดบาดแผล เช่น การเจาะเลือด การฉีดยา เป็นต้น ปฏิบัติอย่างนุ่มนวล เพื่อไม่ให้เนื้อเยื่อบวมช้ำ ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้ง หลังให้การพยาบาล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุผลัดตกเตียง
      - แนะนำให้ผู้ป่วยและญาติให้ระมัดระวัง ในการปฏิบัติกิจกรรม เช่น แนะนำให้ทำความสะอาดช่องปากด้วยไม้พันสำลีเบาๆ
  - - - มีอาการอ่อนเพลีย
      - I/O = 2500/1200 ml
      - BP= 158/72 mmHg
      - BUN = 37 mg/dl
      - Creatinine = 2.01 mg/dl
    - - 1.สังเกตและประเมินระดับความรู้สึกตัว สังเกตอาการของการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาท
        จากของเสียคั่ง เช่น สับสน ชักเกร็ง หมดสติคลื่นไส้อาเจียน
      - 2.สังเกตความตึงตัวและความยืดหยุ่นของผิวหนัง
      - 3.สังเกตการบวมของแขนขา หนังตาบน ก้นกบ เพื่อประเมินภาวะน้ำเกินในร่างกาย
      - 4.ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
      - 5.บันทึกปริมาณน้ำเข้าน้ำออกจากร่างกาย ทุก 8 ชั่วโมง
      - 7.ดูแลให้ได้รับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำ เพื่อลกการคั่งของน้ำและโซเดียมให้เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
      - 6.ดูแลให้ยาขับปัสสาวะเพื่อเพิ่มปริมาณเลือดที่มาเลี้ยงไตและขับน้ำส่วนเกิน คือ ให้ยา Lasix 80 mg IV
      - 8.ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ คือ Electrolyte เพื่อประเมินภาวะสมดุลของสารน้ำ
    - - -มีของเสียคั่งในร่างกายลดลง
    - - ผู้ป่วยไม่มีอาการอ่อนเพลีย
      - ผู้ป่วยมีภาวะสมดุลของน้ำเข้าและน้ำออก
      - มีของเสียคั่งในร่างกายลดลง
      - ค่า BUN อยู่ระหว่าง 6-20 mg/dl
      - ค่า Creatinine อยู่ระหว่าง 0.51 – 0.95 mg/dl
  - - - เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
      - เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคล
    - - ผิวหนังตามร่างกาย และตามปุ่มกระดูกไม่มีรอยแดงพองหรือมีตุ่มน้ำ
      - ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบาย ร่างกายไม่เกิดกลิ่นหรืออับชื่น
      - พยาบาลและญาติสามารถปฏิบัติการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลและทดแทนได้ตามปกติ
    - - ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา on ET-Tube No 7.5 Mark 23 การเคลื่อนไหวเล็กน้อย
      - ผิวหนังแห้ง
      - Baden scele =16 มีความเสี่ยง
      - E4 = ลืมตาเอง M6 = ทำตามคำสั่งได้ VT= on ET-Tube
      - Moter power grad 5 Normal สามารถต้านแรงผู้ตรวจได้
    - - 1.ประเมิน Barden scale เพื่อดูความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับและประเมินดูความสุขสบายของผู้ป่วยไม่ให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือกลิ่นอับชื่น
      - 2.ตรวจและประเมินผิวหนังทั่วร่างกายโดยเฉพาะบริเวณปุ่มกระดูก หรือความอับชื่นของร่างกาย
      - 3.การพยาบาลเพื่อลดแรงกดและระยะเวลาในการกดทับดังนี้
        -จัดท่านอนหงายราบ 30-45 ºc สลับกับการนอนตะแคงซ้าย ขวา โดยพลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง
        -กรณีเคลื่อนย้ายผู้ป่วยการทำโดยการยกไม้ดึง หรือลากผู้ป่วยและใช้ Pat slide ช่วยในการเคลื่อนย้าย
      - 4.ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน ได้แก่ complete bed bath การขับถ่ายและเปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ดูแลป้องกันความเปียกชื่นของผิวหนังโดยการเปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีเมื่อผู้ป่วยอุจจาระหรือปัสสาวะอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมงและดูแลผิวหนังให้ชุ่มชื่นโดยทาโลชัน/น้ำมันมะกอกหลังการเช็ดตัวหรืออาบน้ำ
      - 5.ดูแลจัดท่านอน Fowler Position
      - 6.ดูแลทำความสะอาดรอบเตียง และนำของใช้ที่จำเป็นไว้ใกล้ๆตัวของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยหยิบใช้ได้สะดวกและความสะอาดเรียบร้อย
      - 7.ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งหลังให้การพยาบาล เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
  - - - เพื่อป้องกันภาวะ Hypoglycemia และ Hyperglycemia
    - - โรคประจำตัว โรคเบาหวาน DTX = 219 mg %
    - - Keep DTX 80 – 200 mg %
      - ผู้ป่วยไม่เกิดอาการ Hypoglycemia ได้แก่ หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก
      - ผู้ป่วยไม่เกิดอาการ Hyperglycemia ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ อ่อนเพลีย
    - - ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการและอาการแสดง
      - สังเกตอาการภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เช่น ปัสสาวะออกมาก กระหายน้ำ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ เป็นต้น หรืออาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก ชาตาม ปลายมือปลายเท้า
      - เจาะดูค่าระดับน้ำตาลในเลือดปลายนิ้วตามแผนการรักษาของแพทย์ 3 เวลาก่อนมื้ออาหาร เพื่อติดตามระดับน้ำตาลในเลือด
      - ดูแลให้อินซูลินตามแผนการรักษาของแพทย์ และสังเกตอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ RI 8 Unit sc
  - - - V/S 164/92 mmHg , P 100/min , R 24/min , O2 Sat 99% , T 37.2
      - ผลทางห้องปฏิบัติการ Urine analysis – ( 13/1/64 ) Leukocyte = 3+ , RBC = Too numerous + 0 count , WBC = 20 – 3
    - - ปัสสาวะมีสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
      - ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของการติดเชื้อ ได้แก่ มีไข้ > 38 °C, คลื่นไส้อาเจียน, ความดันโลหิตต่ำ, ซึมลง หมดสติ
    - - ดูแลให้สายสวนปัสสาวะอยู่ในระบบปิด จัดตรึงสายไม่ให้พับงอ เพื่อให้ปัสสาวะไหลสะดวกไม่เกิดการคั่งค้างปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ
      - ดูแลให้ถุงปัสสาวะ อยู่ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับ หากจำเป็นต้องยกถุงปัสสาวะ ให้สูงกว่ากระเพาะปัสสาวะควรหักพับสายและใช้ยางรัด และปลดออกจากที่ถุงปัสสาวะกลับบมาอยู่ตำแหน่งที่ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะ
      - ประเมินสัญญาณชีพทุก 2 ชั่วโมง พร้อมประเมิน อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ ได้แก่ มีไข้ > 38 °C คลื่นไส้ อาเจียน , ความดันโลหิตต่ำ ซึมลง หมดสติ
      - ดูแลจัดท่าผู้ป่วย ไม่ให้นอนทับสายสวนปัสสาวะ และหมั่นสังเกตว่าปัสสาวะไหลลงถุงรองรับน้ำปัสสาวะได้สะดวก
      - ดูแลสายสวนปัสสาวะไม่ให้เลื่อนเข้า - ออก หรือเกิดการดึงรั้งของสาย โดยผู้หญิงยึดสายสวนบริเวณหน้าขาด้วยพลาสเตอร์
      - แนะนำญาติดูแลเรื่อง Feed อาหาร BD (1:1.5) และ น้ำอย่างน้อย 8 – 12 แก้ว หรือตามแพทย์แนะนำ และควรมีการเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ เพื่อป้องกันการตกตะกอนของปัสสาวะ
      - เทน้ำปัสสาวะออกถุงวันละ 2 – 3 ครั้งหรืออย่างน้อยทุก 8 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 1,500 mlของถุง
      - ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ และรูเปิดของท่อปัสสาวะทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น
      - บันทึกจำนวนปัสสาวะ สังเกตสี เช่น สีแดง มีหนองขุ่น เป็นตะกอน เป็นต้น หรืออาการไม่สุขสบายของผู้ป่วย เช่น แสบขัด ปวดบริเวณท้องน้อย มีไข้ หนาวสั่น ควรรีบแจ้งแพทย์ทราบ
      - ควรเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะในรายที่มีการอุดตัน หรือเกิดความผิดปกติ
      - ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา และติดตาม อาการข้างเคียงของยา
        -Tazocin 4.5 gm. Q 6 hr.
    - - เพื่อลดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
  - - - ไม่เกิดภาวะเลือดอุดตันเส้นเลือดสมองและส่วนต่างๆของร่างกาย
    - - 1.คลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็น Normal sinus rhythm 60 – 100 ครั้ง/นาที
      - 2.ความดันโลหิต Systolic BP มากกว่า 90 mmHg
      - 3.ปลายมือปลายเท้าไม่ซีดเย็นและคลำชีพจรได้แรงเท่ากันทั้ง 2 ข้าง
      - 4.ปัสสาวะออกมากกว่า 0.5 cc/kg/hr
      - 5.Glasgow coma scale = 15 คะแนน
      - 6.ไม่มีอาการแสดงของภาวะลิ่มเลือดอุดตันส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น
        
        -สมอง อาการแสดงคือระดับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง เคลื่อนไหวร่างกาย ได้ตามปกติ
        
        -อุดตันส่วนปลายบริเวณแขนขา จะมีอาการปวด บวมบริเวณปลายมือปลายเท้าที่อุดตันผิวหนังซีดเย็น
        
        -อุดตันในหลอดเลือดแดงที่ปอด มีอาการเหนื่อยขึ้นทันทีทันทีใด ไอเป็น เลือด ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
    - - คลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิด Atrial Fibrillation (ไม่สามารถหา P wave ได้ พบเส้นสั่นระหว่าง QRS และ RR interval ไม่สม่ำเสมอ)
      - V/S : BP = 60/40 mmHg , P= 190 ครั้ง/นาที (12.00 น.)
      - ปลายมือปลายเท้าเย็น คลำชีพจรส่วนปลายได้เบา
    - - 1.วัดสัญญาณชีพและบันทึกทุก 1 ชั่วโมง และเพิ่มความถี่มากขึ้นที่มีอาการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากภาวะ Atrial Fibrillation ทำให้ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจใน 1 นาทีลดลง ดังนั้นปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายจึงมีปริมาณลดลงและอาจเป็นสัญญาณที่บอกถึงภาวะช็อก เช่น ความดันโลหิตน้อยกว่า90 mmHg หรือ Mean arterial blood pressure ลดลงกว่าเดิมมากกว่าหรือเท่ากับ 30 mmHg
      - 2.ประเมินอาการและอาการแสดงของการเต้นของหัวใจชนิด Atrial Fibrillation และอาการที่เกิดจากปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจใน 1 นาทีลดลง เช่น ระดับความรู้สึกตัว อาการใจสั่น หน้ามืด เวียนศีรษะ อาการสับสน
        หรือ กระสับกระส่าย ชีพจรเต้นเบาเร็ว ปลายมือปลายเท้าเย็น ซีด ปัสสาวะออกน้อย เป็นต้น
      - 3.ติดตามประเมินอาการแสดงของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงที่ปอด (Pulmonary thromboembolism) เช่น อาการเหนื่อยที่เป็นขึ้นทันทีทันใด เจ็บหน้าอกแบบ Pleuritic chest pain หรือ ไอเป็นเลือด ความดันโลหิตต่ำ
      - 4.เฝ้าระวังและติดตามอาการที่เกิดขึ้นจากลิ่มเลือดอุดตันส่วนปลาย เช่น อาการปลายมือปลายเท้าเย็น มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ผิวหนังบริเวณที่มีการอุดตันซีดลง แขนหรือขาที่มีการอุดตันจะมีขนาดบวมกว่าข้างที่ปกติ
      - 5.ดูแลจัดท่าให้นอนบนเตียง ในท่าทีสุขสบาย เพื่อลดการทำงานของหัวใจ ในรายที่มีอาการหอบเหนื่อย ให้นอนท่า Semi fowler’s position หรือ high fowler’s position เพื่อช่วยลดปริมาณเลือดที่ไหลกลับสู่หัวใจ ลดการทำงานของหัวใจ
      - 6.ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ยากระตุ้นการบีบตัวของหัวใจตามแผนการรักษาเพื่อคงไว้ซึ่งปริมาณในระบบไหลเวียนเลือด
        -0.9% NSS 1000 ml IV 60 ml/hr
        -Amiodarone 300 mg in 5% DW 100 ml IV drip in 30 min then Amiodarone 900 mg in 5% DW 500 ml IV drip in 24 hr
        -Fentanyl 1000 mg + 0.9% NSS 100 ml (10:1) IV 5 ml/hr
      - 7.จัดเตรียมยาและการบริหารยาต้านการเกิดลิ่มเลือดให้ผู้ป่วยตามแผนการรักษาของแพทย์พร้อมทั้งติดตามผลการรักษาและอาการข้างเคียงของยา
        -Enoxaparin 0.6 ml SC q 12 hr
      - 8.ดูแลเครื่องช่วยหายใจให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ (PCV Mode FT2 ,FiO2 0.6 , IP12 , PEEP7)เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ และเฝ้าระวังอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน
      - 9.ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิด 12 lead ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงและต้องเฝ้าติดตามคลื่นหัวใจไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
      - 10.บันทึกปริมาณน้ำที่เข้าและปัสสาวะที่ออกเพื่อประเมินการทำงานของไต
      - 11.เตรียมความพร้อมของรถ emergency with defibrillator ให้พร้อมใช้งาน เมื่อเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- - - - หายใจลำบาก
        
        Respiratory failure
        
        ความหมาย
        
        เป็นภาวะที่ปอดไม่สามารถทำงานแลกเปลื่ยนก๊าซออกซิเจนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายและมีผลให้เกิดการคั่งของคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2)และเกิดภาวะออกซิเจน (O2)ในเลือดลดลง
        
        สาเหตุ
        
        หลอดลมตีบตัน
        
        หอบหืด หลอดลมอักเสบรุนแรง
        
        มีน้ำหรือลมในช่องเยื่อหุ้มปอด
        
        กล้ามเนื้อการหายใจเสียหน้าที่
        
        การรักษา
        
        รักษาตามสาเหตุ เช่น
        
        บรรเทาการตีบตันของหลอดลมโดยการให้ยาขยายหลอดลม
        เจาะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดออกหากมีน้ำมาก
        
        รักษาปอดอักเสบโดยให้ยาปฏิชีวนะที่ไวต่อเชื้อ ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        อาการและอาการแสดง
        
        หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ เขียว (cyanosis) หากมี CO2 คั่งในเลือดมากผู้ป่วยจะมีอาการซึม หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกตามตัว อาจหมดสติ
        
        การวินิจฉัยกาารรักษา
        
        การคั่งของ CO2
        
        ภาวะขาด O2
        
        ความดันก๊าซในหลอดเลือดแดง Arterial blood gas
        พบว่ามีค่า PaCO2 สูง PaO2 ต่ำ
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        
        Hypoxemia
        
        กระตุ้นศูนย์ควบคุมการหายใจ ทำให้มีอาการหายใจเร็วและลึก กล้ามเนื้อหายใจทำงานหนัก ทำให้เหนื่อยง่าย
        
        เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่ายกายลดลง ทำให้ระดับความรู้สึกตัวลดลง มีอาการชัก หายใจผิดปกติและหยุดหายใจในที่สุด หัวใจบีบตัวลดลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำ
        
        Atrial fibrillation (AF)
        
        6 more items...
        
        กระตุ้นซิมพาเทติก ทำให้ชีพจรเร็ว ความดันโลหิตสูง เหงื่อออก กนะสับกระส่ายอาจมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
        
        Hypercapnia
        
        หลอดเลือดทั่วร่างกายขยายตัว ทำให้ความดันโลหิตต่ำในระยะแรก ผิวหนังแดงอุ่น และมีหลอดเลือดในสมองขยายตัวทำให้มีอาการปวดศีรษะ
        
        กดการทำงานของสมอง ทำให้มีอาการสับสน ซึม ง่วง หมดสติ กดการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจบีบตัวลดลง และหัวใจเต้นผิดจังหวะ
        
        กระตุ้นซิมพาเทติก ทำให้ชีพจรเร็ว ความดันโลหิตสูง ในระยะแรก กระตุ้นศูนย์ควบคุมการหายใจ ทำให้มีอาการหายใจเร็วและลึก
        
        จากกรณีศึกษาพบว่าผู้ป่วย เป็น
        pneumonia with respiratory failure
        อาการ อาการแสดงและผลตรวจ
        
        on ET-Tube No 7.5 Mark 23 มีเสมหะคั่งค้าลักษณะเหนียวข้น สีขาวขุ่น
        
        ฟัง Lung : expiratory wheezing both lung
        
        -Sputum AFB no AFB Found, WBC (PMN) moderate
        
        Sputum gram stain moderate leukocyte , Nomicroorganism Found
        
        -WBC = 29,400
        
        pO2 = 40.6 mmHg
        
        BP = 60/40 mmHg , PR = 190 ครั้ง/นาที
      - เชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด
      - มีการสะสมของของเหลวรอบปอด
      - ฝีในปอด
      - หลอดลมโปร่งพอง (Bronchiectasis)
    - - การรักษาตามอาการทั่วไป การให้ยาลดไข้ ให้สารน้ำทาง
        หลอดเลือด ให้ O2 ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - ดูแลให้ยาปฏิชีวนะ ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - ดูแลทางเดินหายใจ ดูเสมหะเพื่อลดการคั่งค้างของเสมหะ
    - - เจ็บอกจากเยื่อหุ้มปอดอักเสบ (Pleuritic chest pain) บริเวณที่มีปอดอักเสบผู้ป่วยจะบ่นเจ็บหน้าอกเวลาหายใจออกลึก ๆ และไอ
      - อาการไอระยะแรกไอแห้ง ๆ ต่อมาเสมหะเพิ่มขึ้นในเชื้อดิโพลคอคคัสเสมหะจะเป็นสีสนิมเหล็กเพราะมีเลือดปนออกมาซึ่งเป็นลักษณะพิเศษในปอดชนิดนี้ต่อมาเสมหะจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองขุ่นหรือเขียว
      - ฟังปอดได้ยินเสียงกรอบแกรบ (Crepitation) การขยายตัวของปอดบริเวณที่อักเสบมีอาการของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ท้องอืดคลื่นไส้อาเจียนท้องเสีย
      - ไข้สูงหนาวสั่นไข้อาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
      - หอบเหนื่อย (Dyspnea) แน่นหน้าอกผู้ป่วยอาจเกิดภาวะมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural effusion) ทำให้หายใจเร็วขึ้นอาจมีภาวะขาดออกซิเจนและเขียวได้มีเหงื่อออกชุ่ม
    - - โรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด ซึ่งประกอบด้วยส่วนของ
        หลอดลมฝอยส่วนปลายสุดและถุงลม ทําให้มีน้ำ (exudate)
        เข้าไปอยในถุงลม การอักเสบที่เกิดขึ้นอาจเกิดเฉพาะบางส่วนของเนื้อปอด (lobar pneumonia) หรืออาจกระจายทั่วไปในเนื้อปอด
    - - เชื้อแบคทีเรีย
      - สารเคมี
      - เชื้อไวรัส
      - การสำลักน้ำลาย เศษอาหารและน้ำย่อย
    - - Chest x-ray
      - Lab Sputum
      - Lab CBC
      - Vital sign ประเมินการทำงานของปอด
        และ O2 sat เพื่อประเมินออกซิเจนในเลือด
  - - - กระหายน้้า ดื่มน้้ามาก(Polydipsia)
      - น้้าหนักตัวลด (Weight loss)
      - รับประทานอาหารจุ(Polyphagia)
      - ปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมาก(Polyuria)
    - - ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานแบ่งเป็น 2 ชนิด
        
        ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน
        
        ภาวะน้้าตาลในเลือดต่ำ เป็นภาวะที่มีระดับน้้าตาลในเลือด ต่ำกว่า 50 mg/dl พบในผู้เป็นเบาหวานที่รักษาด้วยการฉีดอินสุลินรับประทานอาหารน้อยลงหรืออดอาหารออกก้าลังกายมากเกินไปหรือการขาดอาหารและน้้าจากอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
        
        ภาวะน้้าตาลในเลือดสูงแบ่งออกเป็น 2
        
        ภาวะหมดสติจากระดับน้้าตาลสูงชนิดภาวะหมดสติจากระดับน้้าตาลในเลือดสูงโดยไม่มีการคั่งของกรดคีโตน
        
        เป็นภาวะที่มีระดับน้้าตาลในเลือด
        สูงอย่างมากคือ มากกว่า 600 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรร่วมกับมีภาวะขาดน้้าที่รุนแรง
        
        ภาวะที่มีกรดคั่งในกระแสเลือดจากเบาหวาน (Diabetic ketoacidosis)
        
        มักเกิดในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่1 ที่ขาดการฉีดอินสุลินและผู้เป็นเบาหวานชนิดที่2 ที่ควบคุมเบาหวานไม่ดีร่วมกับมีภาวะติดเชื้อที่รุนแรงซึ่งทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและเกิดภาวะกรดเมตะบอลิค (Metabolic acidosis) จากการที่มีกรดคีโตนคั่งในร่างกาย
        
        อาการและอาการแสดง
        
        5 more items...
        
        จากกรณีศึกษาพบว่ามีอาการดังนี้
        
        DTX สูงมากกว่า 200 mg% ทุกครั้งที่ติดตามผล
        
        มีอาการกระหายน้ำ ให้ญาติ Feed น้ำมากกว่า 2000 ml/day
        
        PH= 7.4, PaCo2= 33, HCO3=21
        (Metabolic acidosis)
        
        ปัสสาวะออกมากกว่า 1,500 ml/day และมีเหงื่อออกมาก
        
        มีอาการคลื่นไส้
        
        ภาวะแทรกซ้อนชนิดเรื้อรัง
        
        โรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก จากหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จนกระทั่งกล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด
        
        โรคหลอดเลือดสมอง เกิดการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง หากมีการอุดตันบางส่วนจะท้าให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วคราว และถ้ามีการอุดตันทั้งหมดจะท้าให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง
        
        หลอดเลือดส่วนปลาย โดยเฉพาะหลอดเลือดที่มาเลี้ยงขาและเท้าถ้ามีการตีบแข็งของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเท้า้มีอาการปวดน่องเวลาเดินไกล ๆะถ้าเป็นรุนแรง มีการอุดตันของหลอดเลือดจนเกิดการเน่าตายของเนื้อเยื่อ
        
        การเสื่อมของจอประสาทตาจากโรคเบาหวาน (Diabetic retinopathy) จะเกิดขึ้นที่บริเวณจอรับภาพ (Retina)
        
        การเสื่อมของหน่วยไตจากโรคเบาหวาน (Diabetic nephropathy) ทำให้ ประสิทธิภาพการกรองปัสสาวะเลื่อมลง
        
        ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute kidney injury)
        
        ความหมาย
        
        ภาวะไตวายเฉียบพลันทำให้เกิดภาวะนํ้าเกินในร่างกายและมีการลดลงของแรงดัน oncotic ในเลือดร่วมกับมีการรั่วของสารนํ้าจากเส้นเลือดฝอย
        
        สาเหตุ
        
        ภาวะที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตไม่เพียงพอ เช่น ภาวะความดันโลหิตต่ำ, ภาวะเลือดออก, ภาวะหัวใจวาย เป็นต้น
        
        ภาวะไตบาดเจ็บโดยตรง เช่น การได้ยาที่มีพิษต่อไต, การได้รับสารทึบรังสีทางหลอดเลือด, โรคไตอักเสบ เป็นต้น
        
        ภาวะอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ เช่นภาวะนิ่ว, โรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ปัสสาวะออกลดลง
        
        บวม เหนื่อยง่าย
        
        สับสน ซึมลง
        
        หัวใจเต้นผิดปกติ
        
        การวินิจฉัยการรักษา
        
        เจาะเลือด เพื่อตรวจดูการทำงานของไต และดูค่าBUN และ Creatinineพร้อมทั้งตรวจดูของเสียคั่งค้าง
        
        ความดันเลือดต่ำ หรือ หัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมด้วย หรือ ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ
        
        ปัสสาวะน้อยกว่า 400 มิลลิลิตรภายใน 24 ชั่วโมง
        
        ดูลักษณะของทรวงอก การหายใจที่มีกลิ่นยูเรีย
        
        ป่วยมีอาการสับสน ซึม หรือ หมดสติ คลื่นไส้อาเจียน อุจจาระร่วง เป็นต้น
        
        การรักษา
        
        1.รักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
        
        2.รักษาสมดุลน้ำและเกลือแร่ให้เป็นปกติ
        
        3.ปรับขนาดยาตามการทำงานของไตที่ลดลง
        
        4.หลีกเลี่ยงการฉีดสารทึบรังสีหรือยาที่มีผลเสียต่อไตที่ไม่มีความจำเป็น
        
        5.การรักษาโดยการบำบัดทดแทนไต กรณีที่มีอาการสารน้ำเกิน หรือเกลือแร่ผิดปกติร้ายแรงที่อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิต
        
        จากกรณีศึกษาพบว่าผู้ป่วย
        
        -ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้วAtrial Fibrillation (ไม่สามารถหา P wave ได้ พบเส้นสั่นระหว่าง QRS และ RR interval ไม่สม่ำเสมอ)
        
        มีอาการเหนื่อยหอบ
        
        ฺBP=158/72 mmHg ,อัตราการหายใจ = 24 ครั้ง/นาที
        
        ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ BUN = 37 mg/dl ,Creatinine = 2.01 mg/dl
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        
        สารน้ำเกินในร่างกายและที่ปอด
        
        เกลือแร่ผิดปกติส่งผลต่อการทำงานของห้วใจ
        
        ภาวะเลือดเป็นกรดรุนแรงส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะในร่างกาย
        
        ทำให้มีน้ำตาลปนมากับปัสสาวะ ผู้ป่วยปัสสาวะบ่อยมากขึ้น ทางเดินปัสสาวะในเพศหญิงอยู่ใกล้กับทวารหหนักและช่องคลอด ทำให้เชื้อ E.coli เข้าสู่่ทางเดินปัสสาวะได้ง่าย และน้ำตาลในปัสสาวะเป็นอาหารให้กับเชื้อทำให้มีการเจริญเติบโตของเชื้อส่งผลให้เกิดUrinary Tract Infection (UTI) =การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
    - - ชนิดที่ 1 เกิดจาก Islet of langerhan Beta cell สร้าง Insulin ไม่ได้ ผู้ป่วยจะมีภาวะขาด Insulin โดยสิ้นเชิง ต้องรักษาด้วยการฉีดInsulin
      - โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์จะสร้างฮอร์โมนที่มีผลต้านฤทธิ์การทำงานของอินซูลิน
      - โรคเบาหวานจากสาเหตุอื่นๆ เกิจากความผิดปกติของพันธุกรรมของเบต้าเซลล์ของตับอ่อน
      - ชนิดที่ 2 พบบ่อย มักมีไขมันสะสมที่หน้าท้อ เกิดภาวะดื้ออินซูลิน เกิดจาก Islet of langerhan Beta cell หลั่ง เกิดจาก Insulin ได้น้อยลง หรือออกฤทธิ์ไม่เต็มที่
    - - ยาที่รักษาเบาหวานชนิดรับประทาน จะออกฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินสุลิน เพิ่มควา,ไวของเนื้อเยื่อต่ออินสุลิน ลดการดูดซึมน้้าตาลจากทางเดินอาหารและขัดขวางการสร้างกลูโคสจากตับและเนื้อเยื่อต่าง ๆ
      - ยาฉีดอินสุลิน การรักษาเบาหวานด้วยอินสุลิน มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้้าตาลในเลือดให้เป็นปกติหรือใกล้เคียงกับปกติโดยไม่ท้าให้เกิดภาวะน้้าตาลในเลือดต่ำ
- - - - กลุ่มยา: Gastric acid secretion inhibitor
      - ผลข้างเคียงของยา: อาจก่อให้เกิดการท้องเสียจากการติดเชื้อ มึนงง ผื่นแดงคลื่นไส้อาเจียนอ่อนเพลีย
      - เหตุผลการรักษา ป้องกันผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหาร และลด
        การหลังกรดอาหารอักเสบชนิดกลับมาเป็นซ้ำ รักษากรด
      - สรรพคุณ:ยับยั้งการหลั่งกรด รักษาโรคกรดเหตุผลการรักษา ป้องกันผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหาร และลดการหลังกรดไหลย้อน (GERD) ในผู้ใหญ่รักษาอาการหลอด
    - - สรรพคุณ ขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ และลดความดันโลหิตสูง
      - ผลข้างเคียง เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย หนาวสั่น ไอ และเสียงแหบ
      - กลุ่มยา Diuretics
      - เหตุผลการรักษา เพื่อขับปัสสาวะและลดการคั่งของเสียในร่างกาย
    - - เหตุผลการรักษา เพื่อรักษาการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ
      - ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก
      - สรรพคุณ รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ,ติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อภายในช่องท้อง,ท่อน้ำดี,ติดเชื้อที่ิผิวหนัง
      - กลุ่มยา Penicillin
    - - สรรพคุณ ละลายเสมหะ สลายมูกเหนียวข้นให้เบาบางลง
      - ผลข้างเคียง มีอาการอักเสบระคายเคืองบริเวณปาก หรือ ลิ้น คลื่นไส้ อาเจียน
      - กลุ่มยา mucolytic agent
      - เหตุผลการรักษา เพื่อลดเสมหะที่อุดกั้นทางเดินหายใจเพื่อให้มีทางเดินหายใจได้โล่งและได้รับ ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
    - - กลุ่มยา ยาฮอร์โมนอินซูลินยาที่มีความเสี่ยงสูง (High Alert Drugs)
      - สรรพคุณ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 30-60 นาที ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์นาน 5-8 ชั่วโมง
      - ผลข้างเคียง ใจสั่น รู้สึกหิว เหงื่อออก มือสั่น กระสับกระส่าย คลื่นไส้
      - เหตุผลการรักษา เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ keep 80-200mg/dl
    - - สรรพคุณ เพื่อรักษาทดแทนการสูญเสียน้ำนอกเซลล์และภาวะ Diabetic Ketoacidosis
      - ผลข้างเคียง การใช้NaCl ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ปริมาณโซเดียมในเลืดสูง มีผื่นคัน หน้าบวม หายใจลำบาก
      - กลุ่ม Isotonic solution
      - เหตุผลการรักษา เพื่อทดแทนสารน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายและสารโซเดียมคลอไรด์ที่ร่างกายมีภาวะเกลือแร่ในร่างกายต่ำจากการได้รับเกลือแร่ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ
  - - - สรรพคุณ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 ชั่วโมง ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์นาน 10-16 ชั่วโมง
      - ผลข้างเคียง ใจสั่น รู้สึกหิว เหงื่อออก มือสั่น กระสับกระส่าย คลื่นไส้
      - กลุ่มยา ยาฮอร์โมนอินซูลินยาที่มีความเสี่ยงสูง (High Alert Drugs)
      - เหตุผลการรักษา เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ keep 80-200mg/dl
    - - สรรพคุณ ใช้รักษาภาวะที่มีโซเดียมในเลือดสูงสารละลายประกอบด้วยโซเดียมไอออนน้อยซึ้งจะทำให้โซเดียมในเลือดเจือจาง
      - ผลข้างเคียง การใช้NaCl ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ปริมาณโซเดียมในเลืดสูง มีผื่นคัน หน้าบวม หายใจลำบาก
      - กลุ่ม Hypotonic Solution
      - เหตุผลการรักษา เพื่อทดแทนสารน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายและสารโซเดียมคลอไรด์ที่ร่างกายมีภาวะเกลือแร่ในร่างกายต่ำจากการได้รับเกลือแร่ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ
  - - - สรรพคุณ ยาขยายหลอดลม คลายกล้ามเนื้อภายในปอด ช่วยให้ทางเดินหายใจขยายออกและหายใจสะดวกขึ้น
      - ผลข้างเคียง ปากแห้ง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อาการใจสั่น
      - กลุ่มยา Beta-2 Agonists
      - เหตุผลการรักษา เพื่อให้หลอดลมขยายตัวและมีทางเดินหายใจโล่งให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนได้อย่างเพียงพอ
    - - สรรพคุณ รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย,การติดเชื้อทางเดินหายใจ ส่วนล่าง เช่น หลอดลมอักเสบ (bronchitis) และปอดอักเสบ (pneumonia)
      - ผลข้างเคียง ได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน
      - กลุ่มยา Macrolide
      - เหตุผลการรักษา เพื่อรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ได้แก่ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ
  - - - สรรพคุณ ป้องกันและรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
      - ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด จุกเสียดท้อง
      - กลุ่มยา เกลือแร่
      - เหตุผลการรักษา เพื่อรักษาระดับโพแทสเซียมในเลือดให้ปกติ 3.4-4.5 mmol/L
    - - สรรพคุณ ป้องกันอาการปวดชนิดปานกลางถึงรุนแรง บรรเทาอาการปวดหลังผ่าตัด หรือการทำหัตถการที่ก่อให้เกิดความปวด
      - ผลข้างเคียง ง่วงซึม เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เกิดการกดการหายใจ และมีเหงื่อออกมาก
      - กลุ่มยา opioid analgesic
      - เหตุผลการรักษา เพื่อรักษาอาการเจ็บหน้าอกหลังทำ synchronized cardioversion
    - - สรรพคุณ เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของเลือดและช่วยละลายลิ่มเลือดลดอาการเจ็บหน้าอกชนิดไม่คงที่
      - ผลข้างเคียง มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ไอเป็นเลือด หรือมีเลือดไหลออกจากแผลไม่หยุด
      - กลุ่มยา ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
      - เหตุผลการรักษา การใช้ยาฉีดป้องกันเลือดแข็งตัว เพื่อลดการอุดตันในหลอดเลือด จนเลือดไหลไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่ดีพอ ป้องกันการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด จากภาวะ AF
    - - สรรพคุณ เพื่อรักษาทดแทนการสูญเสียน้ำนอกเซลล์และภาวะ Diabetic Ketoacidosis
      - ผลข้างเคียง การใช้NaCl ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ปริมาณโซเดียมในเลืดสูง มีผื่นคัน หน้าบวม หายใจลำบาก
      - กลุ่ม Isotonic solution
      - หตุผลการรักษา เพื่อทดแทนสารน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายและสารโซเดียมคลอไรด์ที่ร่างกายมีภาวะเกลือแร่ในร่างกายต่ำจากการได้รับเกลือแร่ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ
    - - ระงับความรู้สึก รักษาอาการนอนไม่หลับและอาการชัก
      - ผลข้างเคียง ง่วงซึม ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก
      - กลุ่มยา benzodiazepines
      - เหตุผลการรักษา เพื่อให้ระงับความรู้สึกก่อนการทํา synchronized cardioversion
    - - สรรพคุณ รักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ
      - ผลข้างเคียง วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก อาการชา เป็นต้น
      - กลุ่มยา Cardiac Drugs
      - เหตุผลการรักษา ใช้ยาเพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติโดยกรณีนี้ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นพริ้วส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายลดลง รวมถึงเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจด้วย ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต