Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลเด็กที่มีปัญหา ระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยในเด็ก - Coggle Diagram
การดูแลเด็กที่มีปัญหา
ระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยในเด็ก
กล่องเสียงและหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
(Acute laryngotracheobronchitis, viral croup)
-viral croup เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อของทางเดินหายใจได้แก่
ไวรัส และแบคทีเรีย
-เชื้อแบคทีเรียอาจเป็นสาเหตุของ croup ได้แต่พบน้อย ได้แก่
Mycoplasma pneumoniae ซึ่งมักพบในเด็กโตและอาการไม่รุนแรง
พยาธิสภาพที่พบในเด็ก คือ มีการอักเสบและบวมของกล่องเสียง หลอดคอ และหลอดลม โดยเฉพาะที่ตำแหน่ง ใต้กล่องเสียง (Subglottic region ) ส่งผลทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนแบบเฉียบพลัน
อาการที่พบ
ไข้ เจ็บคอ หายใจลำบาก Dyspnea
ผู้ป่วยจะไอเสียงก้อง (barking cough),
มีเสียงแหบ (hoarseness),
หายใจได้ยินเสียง stridor ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและหายได้เอง ยกเว้นบางรายที่มีอาการรุนแรงจนเกิดภาวะพร่องออกซิเจนเฉียบพลัน อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มักจะไม่ตอบสนองต่อการพ่นยาทั่วไป ส่วนใหญ่จะพ่น Adrenaline ต้องใส่ Endotracheal tube
Tonsilitis / Pharyngitis
สาเหตุ การติดเชื้อ แบคที่เรีย ไวรัส เช่น Beta Hemolytic
streptococcus gr. A
อาการ ไข้ ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ ในรายที่มีตุ่มใสหรือแผลตื้นที่คอ
หอย หรือเพดานปาก สาเหตุจะเกิดจาก Coxsackie Virus
เรียกว่า Herpangina ค าแนะน าที่ส าคัญคือ ให้กินยา Antibiotic ให้ครบ 10 วัน เพื่อป้องกัน ไข้รูห์มาติค และหัวใจรูห์มาติค หรือ
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน AGN
การผ่าตัดต่อมทอนซิล(tonsillectomy)
-จะทำเมื่อมีข้อบ่งชี้ในเรื่องของการ ติดเชื้อเรื้อรัง (chronic tonsillitis) หรือเป็นๆหายๆ (recurrent acute
tonsillitis)
-หรือมีการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ท าให้เกิดอาการนอนกรน และ/
หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea)
-หรือในรายที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งของต่อมทอนซิล (carcinoma of tonsils)
การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด Tonsillectomy
หลังผ่าตัดควรให้เด็กนอนตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อสะดวกต่อการ
ระบายเสมหะ น้ าลายหรือโลหิตอาจมีคั่งอยู่ในปากและในคอ จนกว่าเด็กจะ
รู้สึกตัวดี และสามารถขับเสมหะได้เอง
สังเกตอาการและการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ระยะแรกหลัง
ผ่าตัด ถ้าชีพจร 120 ครั้ง/นาที เป็นเวลาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเด็ก
เงียบ ซีด และมีการกลืนติดต่อกันเป็นข้อบ่งชี้ว่ามีเลือดออก โดยทั่วไปจะ
เกิดภายใน 6-8 ชั่วโมงแรก
เมื่อเด็กรู้ตัวดี จัดให้เด็กอยู่ในท่านั่ง 1-2 ชั่วโมง ให้อมน้ าแข็งก้อนเล็กๆ รับประทานของเหลว
ในรายที่ปวดแผลผ่าตัดให้ใช้กระเป๋าน้ าแข็งวางรอบ
คอ ถ้าปวดมากให้ยาแก้ปวด
หลังผ่าตัด
-ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัด 24-48 ชั่วโมง และไม่มี
ภาวะแทรกซ้อน สามารถรับประทานน้ำและอาหาร ได้
-บางรายยังมีอาการเจ็บคอ กลืน
อาหารหรือน้ าลายล าบากจากแผลผ่าตัด แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนที่ค่อนข้างเย็น
เช่น ไอศกรีมข้นๆ
-หลังการผ่าตัด 1-2 วันแรก เพดานอ่อน หรือผนังในคออาจบวมมากขึ้นได้ ทำให้หายใจอึดอัด ไม่สะดวก ดังนั้นจึงควรนอนศีรษะสูง โดยใช้หมอนหนุน
-อมและประคบน้ าแข็งบ่อยๆ ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อลดอาการบวมบริเวณที่
ทำผ่าตัด
-หลีกเลี่ยงการแปรงฟันเข้าไปในช่องปากลึกเกินไป การออกแรงมาก การ
เล่นกีฬาที่หักโหมหลังผ่าตัดภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจท าให้มี
เลือดออกจากแผลในช่องปากได้
-ควรรับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก หรือข้าวต้ม ไม่ควรรับประทาน
อาหารที่แข็งหรือร้อน หรือรสเผ็ดหรือรสจัดเกินไป
ไซนัสอักเสบ(Sinusitis)
เป็นอาการอักเสบของโพรงอากาศข้างจมูก เมื่อเกิดการติดเชื้อจะทำให้เกิดการบวมของเยื้อบุในโพรงอากาศ และ
ส่งผลท าให้เกิดภาวะอุดตันช่องระบายของโพรงอากาศข้างจมูก (osteomeatal complex) ทำให้เกิดการคั่งของสารคัดหลั่ง ผลของการติดเชื้อท าให้การทำงานของ cilia ผิดปกติ ร่วมกับมีสารคัดหลั่ง
ออกมามาก และมีความหนืดมากขึ้น
สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
ระยะของโรค
-Acute sinusitis ระยะของโรคไม่เกิน 12 สัปดาห์ อาการ Acute จะรุนแรงกว่า Chronic
-Chronic sinusitis อาการจะต่อเนื่องเกิน 12 สัปดาห์ อาการ มีไข้สูงมากกว่า 39 ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูกไหล ไอ
ในรายที่ติดเชื้อแบคทีเรีย อาการมักจะนานมากกว่า 10 วัน และมีอาการ
รุนแรง โดยมีน้ ามูกใสหรือข้นเขียวเป็นหนอง ร่วมกับอาการไอ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็นปวดบริเวณหน้าผาก และหัวคิ้วมาก
การดูแลรักษา
-ให้ยา antibiotic ตามแผนการรักษา
-ให้ยา paracetamal เพื่อลดไข้ และบรรเทาอาการปวดศีรษะ
-ให้ยาแก้แพ้ ในรายที่ไซนัสอักเสบเรื้อรังที่มีสาเหตุชักน ามาจาก
โรคภูมิแพ้ ไม่แนะน าให้ใช้ยาแก้แพ้ในผู้ป่วยที่เป็นไซนัสอักเสบ
แบบเฉียบพลัน เพราะจะท าให้จมูกและไซนัสแห้ง ให้ยาSteroid เพื่อลดอาการบวม ลดการคั่งของเลือดที่จมูก ทำให้รู
เปิดของโพรงไซนัสสามารถระบายสารคัดหลั่งได้ดีขึ้น
การล้างจมูก
การล้างจมูกคือ การทำความสะอาดโพรงจมูก ช่วยชะล้างมูก คราบมูก
หรือ
หนองบริเวณโพรงจมูก/ไซนัส และหลังโพรงจมูกออก ทำให้โพรงจมูก
สะอาด
การล้างจมูกก่อนใช้ยาพ่นจมูก จะท าให้ยาพ่นจมูกมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ล้างจมูกวันละ 2 ครั้ง ตามแผนการรักษาของแพทย์
น้ าที่ใช้ล้างคือ...น้ าเกลือความเข้มข้น 0.9% NSS เนื่องจากมีคุณสมบัติ
ช่วยลดความเหนียวของน้ ามูกและท าให้เชื้อโรคไม่เจริญเติบโต
หอบหืด Asthma
Asthma เป็นภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม (Chronic
airway inflammation
พยาธิสภาพ
ทำให้หลอดลมหดเกร็งตัว(Brochospasm)
ทำให้หลอดลมตีบแคบลง (Stenosis) เยื่อบุภายในหลอดลมบวม
มีการสร้างเมือกเหนียวจำนวนมาก (Hypersecretion) ทำให้ช่องทาง
เดินอากาศในหลอดลมแคบลง ทำให้เกิดอาการหอบหืดขึ้น
อาการโรคหอบหืด
-มักเริ่มต้นด้วยอาการ หวัด ไอ มีเสมหะ ถ้าไอมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มักจะมีเสียง
Wheezing ในช่วงหายใจออกเมื่อร่างกายขาดออกซิเจนมากขึ้น ก็เกิด
อาการหอบมาก ปากซีดเขียว ใจสั่น
-ผู้ป่วยเด็กบางคนจะมีอาการไออย่างเดียว และมักจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วย อาการไอจะดีขึ้น หลังจากที่เด็กได้อาเจียนเอาเสมหะเหนียวๆออกมา
การรักษาหอบหืด คือ การลดอาการของเด็กให้เด็กมีกิจกรรมได้
ตามปกติ พยายามหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นและการใช้ยาอย่างถูกต้อง ยาที่ใช้ได้แก่ ยาขยายหลอดลม ( Relievers ) มีทั้งชนิดพ่น และชนิด
รับประทาน ยาชนิดพ่นจะให้ผลได้เร็ว ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น เพราะไปขยาย กล้ามเนื้อเล็กๆ ซึ่งอยู่ภายในหลอดลมที่หดเกร็ง จะใช้เมื่อปรากฏ
อาการหอบ ได้แก่ ventolinบางรายอาจได้รับยาพ่นกลุ่ม Corticosteroids ได้แก่ Flixotide
Evohaler (Fluticasone propionate 250 microgram) Serotide ต้องดูแลให้บ้วนปากหลังพ่นยาทุกครั้งเพื่อป้องกันเชื้อราในปาก
ยาลดการบวม และการอักเสบของหลอดลม (Steroid ) ควรใช้เพียงระยะสั้นๆ คือ 3 - 5 วัน เพื่อการรักษา และป้องกันไม่ให้โรค
รุนแรงขึ้น การใช้ยาระยะสั้นจะไม่มีผลข้างเคียงในเด็ก ได้แก่ Dexa , Hydrocortisone ต้องให้ภายใต้แผนการรักษาของแพทย์เท่านั้น
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่
-ควันบุหรี่
-ตัวไรฝุ่ น
-ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน
-ดูแลทำความสะอาดที่นอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
-การออกกำลังที่หักโหม
-อากาศเย็น
หลอดลมอักเสบ( Bronchitis)
หลอดลมฝอยอักเสบ(Bronchiolitis)
เป็นปัญหาติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างที่พบบ่อยในเด็กเล็ก
เกิดขึ้นเนื่องจากมีการอักเสบและอุดกั้นของหลอดลม
เชื้อที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด Respiratory syncytial virus : RSV
พบในเด็กเล็กมากกว่าในเด็กโต อายุประมาณ 6 เดือนเป็นช่วงที่พพบบ่อยที่สุด
อาการเริ่มจากไข้หวัดเพียงเล็กน้อย น้ำมูกใส จาม เบื่ออาหาร ต่อมาเริ่มไอเป็นชุดๆ หายใจเร็ว หอบอหายใจมีปีกจมูกบาน ดูดนมหรือน้ำได้น้อย
การรักษา
-ตามอาการ ให้ยาลดไข้ ยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบ (Corticosteroid ) ยาขยายหลอดลม
-การดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ได้รับน้ำ ดูแลไข้
-ดูแลปัญหาการติดเชื้อ ดูแลเสริมสร้างภูมิต้านทาน
ปอดบวม Pneumonia
สาเหตุ สำลักสิ่งแปลกปลอม ติดเชื้อ แบคทีเรีย ไวรัส
อาการ ไข้ ไอ หอบ ดูดน้ำ ดูดนมน้อยลง ซึม
การรักษา
-ดูแลให้ได้รับน้ าอย่างเพียงพอ
-ดูแลเรื่องไข้ Clear airway suction
-ดูแลแก้ไขปัญหาพร่องออกซิเจน ให้ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ
ยาฆ่าเชื้อ
การพยาบาลผู้ป่วยเด็ก Pneumonia
ปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจเป็นปัญหาส าคัญจ าเป็นต้องดูแลแก้ไข
เด็กโตต้องสอนการไออย่างถูกวิธี กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ
จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง หรือนอนทับข้างที่มีพยาธิสภาพเพื่อให้ปอดข้าง
ที่ดีขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
ในรายที่เสมหะอยู่ลึกให้ Postural drainage โดยการเคาะปอด และ
Suction เพื่อป้องกันภาวะปอดแฟบ (Atelectasis)