Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hepatitis B virus (HBV) ตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบบี, download, download,…
Hepatitis B virus (HBV)
ตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบบี
ข้อมูลผู้ป่วย
หญิงตั้งครรภ์ อายุ 27 ปี
G2P1 อายุครรภ์ 38+4 wks
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล
มาตามนัด ANC + เจ็บครรภ์คลอด
6 ชั่วโมง ก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต
G2P1, G1 ปี 2560 ทารก full term คลอดแบบ normal labor เพศ ชาย น้ำหนัก 3,400 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
G2P1 GA 38+4 wks. by u/s, First ANC 18/8/63 at 9+5 wks. by u/s, LMP 1/5/63 x 3 วัน, EDC 25/2/64 by u/s total ANC 9 ครั้ง, total weight gain 20 kg. (45 kg. 65 kg.) ก่อนตั้งครรภ์ BMI 16.98 kg/m2
AFI = 14
อาการแรกรับ
น้ำหนัก 65.2 kg. ส่วนสูง 163 cm. ผล urine Alb/Sugar: neg. /neg. (ANC)
Vital sign
P = 90 ครั้ง/นาที
T = 36.4 องศาเซลเซียส
RR = 18 ครั้ง/นาที
O2 saturation = 99%
BP = 116/75 mmHg
ตรวจครรภ์
3/4 > O, OR, Vertex presentation, Head engage, FHS 154 ครั้ง/นาที
ตรวจทางช่องคลอด
ปากมดลูกเปิด 4 cm. , Effacement 100%, Station 0, Interval 3 นาที
Duration 30 วินาที Intensity ++
พยาธิ
แบ่งได้ 4 ระยะ
1.
ระยะแรก
เมื่อได้รับเชื้อ HBV เชื้อจะแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ได้รับเชื้อไม่มีอาการแสดงของการได้รับเชื่อและเอนไซม์ตับปกติ แสดงว่ายังไม่มีการอักเสบจของตับ
ตรวจเลือดพบ
HBeAg (+)
พบ
hepatitis B virus DNA (viral load) จำนวนมาก
2.
ระยะที่สอง
2-3 เดือนหลังได้รับเชื้อ ผู้ติดเชื้อจะมีอาการอ่อนเพลียคล้ายเป็นหวัด คลื่นไส้อาเจียน จุกแน่นใต้ชายโครงจากตับโต ปัสสาวะเข้ม ตัวเหลืองตาเหลือง ตรวจพบเอนไซม์ตับสูงขึ้น ร่างกายจะสร้าง anti-HBe ขึ้นมาเพื่อทำลาย HBeAg ดังนั้นตรวจเลือดพบ
anti-HBe (+)
จำนวน
hepatitis B virus DNA ลดลง
3.
ระยะที่สาม
ระยะที่ anti-HBe ทำลาย HBeAg จนเหลือน้อยกว่า 20,000 IU/mL อาการตบอักเสบจะค่อยๆ ดีขึ้น ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันและเข้าสู่ระยะโรคสงบ
ตรวจเลือดจะพบ
HBeAg (-)
anti-HBe (+) ค่าเอนไซ์ตับปกติ
4.
ระยะที่ 4
ระยะทีเชื้อกลับมาแบ่งตัวขึ้นมาใหม่ เกิดการอักเสบของตับขึ้นมาอีก ตรวจเลือดพบ
HBeAg (-) anti-HBe (+)
ในระยะนี้ถ้า anti-HBe ไม่สามารถำลาย HBeg ได้ จะเข้าสู่ภาวะตับอักเสบเรื้อรังจนเนื้อตับเสียหายมีพังผืดจนเป็นตับแข็งและกลายเป็นมะเร็งตับ
ผลของโรค
มารดา
ระยะตั้งครรภ์
1.มีอาการของการติดเชื้อไวรัส ex มีไข้ ตาตัวเหลือง ตรวจพบตับม้ามโต
2.มีโอกาสเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์และความดันโลหิตสูง
3.มีโอกาสมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดก่อนคลอด
ระยะคลอด
เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
2.แท้งบุตร
ทารก
ระยะตั้งครรภ์
1.ติดเชื้อจากมารดาผ่านรก
2.ติดเชื้อจากการแตกของเส้นเลือดจากรก
3.ตายในครรภ์
ระยะคลอด
1.ตายคลอดจากการติดเชื้อขณะคลอด
2.การคลอดก่อนกำหนด
ระยะหลังคลอด
1.APGAR score ต่ำ
2.ตับอักเสบเฉียบพลันแรกคลอด
3.อาจมีเลือดออกในสมอง
4.ติดเชื้อหลังคลอดจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งของมารดา
5.เป็นพาหะของโรคโดยไม่แสดงอาการ
การประเมินและวินิจฉัย
1.การซักประวัติ
ซักประวัติการเป็นพาหะของโรค HBV มีอาการแสดงของโรค HBV
2.ตรวจร่างกาย
รายที่มีอาการแสดง คือ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ตับโต ตัวเหลืองตาเหลือง
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เจอะเลือดดูการทำงานของตับ ดู antigen antibody ได้แก่ HBsAg, anti-HBs, anti-HBc, Anti-HBe
การป้องกันและรักษา
มารดา
ระยะตั้งครรภ์
1.การให้ความรู้เกี่ยวกับโรค สาเหตุุ การติดต่อ การป้องกัน การแพร่กระจายเชื้อ การดำเนินโรค และการรักษาพยาบาล เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อจากแม่สู่ลูก
ระยะคลอด
1.คลอดปกติหรือผ่าคลอด หลีกเลี่ยงการคลอดโดยสูติหัตถการ เช่น Vaccum หรือ Forceps
ระยะหลังคลอด
1.นัดตรวจ ALT
2.ส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดา แนะนำการเลี้ยงบุตรด้วยมารดาอย่างถูกต้อง และประเมินประสิทธิภาพในการให้นมบุตรจะช่วยป้องกันการเจ็บหัวนม หัวนมแตกจนเลือดไหลที่เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ
3.ให้คำแนะนำการเฝ้าระวังและตรวจติดตามการดำเนินของโรคอย่างสม่ำเสมอ
ทารก
ระยะตั้งครรภ์
1.หลีกเลี่ยงหัตถการความถี่สูงต่อการติดเชื้อ HBV ได้แก่ Chorionic sampling และ Amniocentesis
2.อาจใช้วิธี non-invasive prenatal testing (NIPT)
ระยะคลอด
1.ควรรีบดูดสารคัดหลั่งออกจากปากและจมูกให้เร็วที่สุด เช็ดตาและดูความสะอาดร่างกายทารกทันที
ระยะหลังคลอด
1.ให้ HBIG 0.5 ml เข้ากล้ามเนื้อโดยเร็วที่สุด ภายใน 7 วันหลังคลอด
2.ให้ HB Vaccine 0.5 ml เข้ากล้ามเนื้อโดยเร็วที่สุด ภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด และ 1 เดือนหลังจากนั้นให้ DTP-HB ที่ 2,4,6 เดือน
3.ทารกสามารถดูดนมได้ปกติ ยกเว้นมารดาที่หัวนมแตกเป็นแผล
ความผิดปกติ
อายุ >= 35 ปี
ตั้งครรภ์ >= 3 ครั้ง
มีประวัติคลอดก่อนกำหนด
เคยคลอดบุตรน้ำหนัก < 2500
ความดันโลหิต >= 90 mmHg
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น < 11.5 kg.
ขนาดมดลูกไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ
มีไข้ ตัว ตาเหลือง
ความเสี่ยง
ทารก
ทารกมีโอกาสเป็น Down syndrome
ทารกเสี่ยงติดเชื้อ HBV จากมารดา
ทารกเสียชีวิตในครรภ์
ทารกโตช้าในครรภ์
มารดา
ภาวะครรภ์เป็นพิษ
เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
การพยาบาล
ทารกในครรภ์เสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดา
เมื่อศีรษะทารกคลอด ดูดมูก เลือดและสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ออกจากปากและจมูกทารกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดรอยถลอกหรือบาดแผลบริเวณผิวหนังของทารก
ทำความสะอาดทารกทันทีที่คลอด เพื่อลดการสัมผัสกับเชื้อที่อยู่ในเลือดและสารคัดหลั่ง
ดูแลให้ทารกได้รับภูมิคุ้มกันภายหลังคลอดโดยฉีด Hepatitis B immunoglobulin (HBIG) ให้เร็วที่สุดหลังเกิด และให้ Hepatitis B vaccine (HBV) 3 ครั้ง ให้ครั้งแรกภายใน 1 สัปดาห์แรกหลังคลอดหรืออาจให้พร้อม HBIG และให้ครั้งที่ 2 และ 3 เมื่ออายุครบ 1 และ 6 เดือนตามลำดับ
เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อไวรัสตับอักเสบบีไปสู่ ทารก ครอบครัว
ใช้หลักการ Universal precaution ในการให้การพยาบาลกับมารดา เน้นการแพร่กระจายเชื้อจากสารคัดหลั่งที่ออกจากร่างกายมารดา ได้แนะนำความจำเป็นในการแยกของใช้ของมารดาหลังคลอดกับผู้อื่น
ถ้ามารดา ไอหรือจาม แนะนำให้ปิดปาก เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
ให้ความรู้เรื่อง การป้องกันการแพร่กระจ่ายเชื้อจากมารดาสู่ บุคคลอื่นๆ บอกถึงความจำเป็นที่ต้องแยกมารดาไม่ให้รวมอยู่กับคนไข้อื่น เพื่อให้มารดาเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการแพร่ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี สู่บุคคลรอบข้าง
ได้แนะนำการงดดื่มสุรา และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมัน เพื่อลดการทำงานของตับ
ได้แนะนำให้พาบุคคลใกล้ชิดภายในครอบครัวมาตรวจเลือด และรับวัคซีนป้องกันโรคไวรัส
ตับอักเสบบี
แนะนำมารดาให้มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ เพราะ antigen ที่อยู่ในน้ำนมนั้น
น้อยมาก ไม่สามารถติดต่อไปยังทารกได้