Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

:explode:Preterm Labor Pain :explode: - Coggle Diagram

- - - - อายุน้อยกว่า 19 ปี อายุมากกว่า 40 ปี การได้รับการดูแลไม่ดีพอในระยะตั้งครรภ์ ฐานะทางเศรษกิจและภาวะทางสังคมต่ำ การสูบบุหรี่ การได้รับยา diethylstilbestrol (DES) และการดื่มเหล้า ปัจจัยต่างๆดังกล่าวข้างต้นมีผลต่อการรบกวนมดลูก หรือเลือดไปเลี่ยงมดลูกลดลง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของมดลูกลดลง จึงมีผลทำให้ปากมดลูกบางลงและขยายตัวเร็วก่อนครบกำหนด
        
        หญิงตั้งครรภืที่มีความเครียดและทำงานหนัก ทำให้ prostaglandin หลั่งออกมา กระตุ้นให้มีการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดคลอดได้
    - - รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด เคยคลิดก่อนกำหนดมาก่อน ปากมดลูกปิดไม่สนิท เคยผ่าตัดมดลูกมาก่อน เคยแท้งในไตรมานที่สองมาก่อน ภาวะความดันโลหิตสูงในหญิงตั้งครรภ์ เป็นเบาหวานในระยะตั้งครรภ์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกลดลง กระตุ้น prostaglandin หลั่งออกมา กระตุ้นให้มีการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดคลอด
    - - การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อในระบบืบพันธุ์ มีผลทำให้เกิดการติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ(chorioamnionitis) กระตุ้น prostaglandin หลั่งออกมา กระตุ้นให้มีการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดคลอด
        
        ผลการตรวจ UA วันที่ 16/03/64 พบ
        
        Leucocyte : 2+ :!:
        
        W.B.C. : 10-20 HPF:!:
        
        Bacteria : Few :!:
        ผล CBC วันที่ 16/03/64 พบ
        
        WBC 10.77 10^3/uL:!: (4.24-10.18)
        
        Neutrophil 78.2 %:!: (48.1-71.2)
        
        Lymphocyte 14.9 % :!:(21.1-42.7)
        ผล CBC วันที่ 17/03/64 พบ
        
        WBC 15.85 10^3/uL:!: (4.24-10.18)
        
        Neutrophil 90.6 % :!:(48.1-71.2)
        
        Lymphocyte 5.8 % :!:(21.1-42.7)
        
        Eosinophil 0.0 % :!:(0.4-7.2)
    - - ครรภ์แฝด ครรภ์แฝดน้ำ
  - - - แรกรับมี uterine contraction interval 5' duration 30" intensity ++ PV : 2 cm.,100%,-1 ,MI,FHS 130 bpm มีมูกเลือดออกทางช่องคลอด เจ็บครรภ์ pain score = 5
  - - - จากการซักประวัติ มารดาบอกว่ามีมูกเลือดออกทางช่องคลอดติดกางเกงในเล็กน้อย มีเจ็บครรภ์ให้ pain score 5 คะแนน
    - - ตรวจการหดรัดตัวของมดลูกได้ : interval 5' duration 30" intensity ++
        
        PV : 2 cm.,100%,-1 ,MI,FHS 130 bpm
    - - หมอทำการ u/s : EFW = 1900 g. AFI 9.4 cm.
        
        หมอเก็บ vagina swab ตามผลวันที่ 19/03/64
        ผลการตรวจ UA วันที่ 16/03/64 พบ
        
        Leucocyte : 2+ :!:
        
        W.B.C. : 10-20 HPF :!:
        
        Bacteria : Few :!:
        ผล CBC วันที่ 16/03/64 พบ
        
        WBC 10.77 10^3/uL:!: (4.24-10.18)
        
        Neutrophil 78.2 % :!: (48.1-71.2)
        
        Lymphocyte 14.9 %:!: (21.1-42.7)
        ผล CBC วันที่ 17/03/64 พบ
        
        WBC 15.85 10^3/uL:!: (4.24-10.18)
        
        Neutrophil 90.6 %:!: (48.1-71.2)
        
        Lymphocyte 5.8 % :!:(21.1-42.7)
        
        Eosinophil 0.0 % :!:(0.4-7.2)
  - - - Preterm Labor
        
        GA 24-34 weeks
        
        ให้การรักษาตามสาเหตุ
        
        Bed rest
        
        ให้ยา tocolytic drug
        
        ให้ยา steroids
        
        สำเร็จ :check:
        
        Continue tocolytic drug for 24 hours
        
        Discharge Continue tocolytic drug until GA 34 weeks
        
        ไม่สำเร็จ :red_cross:
        
        Intrapartum management
        
        NPO และ IV fluid
        
        เฝ้าระวังสุขภาพของทารกในครรภ์
        
        ตรวจการหดรัดตัวของมดลูก
        
        ให้ยาปฏิชีวนะขณะคลอดเพื่อป้องกัน GBS
        
        ดำเนินการคลอดทารกอย่างนิ่มนวล
        
        ตามทีมช่วยชีวิตทารก
        
        มารดาได้รับการรักษาคือ
        
        5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip rate 30 ml/hr titate until No UC
        
        Dexamethazone 6 mg IM q 12 hr x 4 dose with stat
        
        นอนพักอยู่บนเตียง ลดการทำกิจกรรม ให้มารดาถ่ายปัสสาวะบนเตียง
        
        GA > 34 weeks
        
        Expectant management
        
        ไม่ให้ steroids
        
        Ultrasound
        
        หาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุ
        
        สำเร็จ :check:
        
        Discharge
      - 1.การประเมินหาสาเหตุที่ชัดเจนเป็นหลักสำคัญ
        
        จากการซักประวัติ มารดาบอกว่ามีมูกเลือดออกทางช่องคลอดติดกางเกงในเล็กน้อย มีเจ็บครรภ์ให้ pain score 5 คะแนน
        
        ตรวจร่างกาย uterine contraction interval 5' duration 30" intensity ++ PV : 2 cm.,100%,-1 ,MI,FHS 130 bpm
        
        หมอเก็บ vagina swab ตามผลวันที่ 19/03/64
        
        ผลการตรวจ UA วันที่ 16/03/64 พบ
        Leucocyte : 2+ :!:
        W.B.C. : 10-20 HPF :!:
        Bacteria : Few :!:
        
        ผล CBC วันที่ 16/03/64 พบ
        WBC 10.77 10^3/uL:!: (4.24-10.18)
        Neutrophil 78.2 % :!: (48.1-71.2)
        Lymphocyte 14.9 %:!: (21.1-42.7)
        
        ผล CBC วันที่ 17/03/64 พบ
        WBC 15.85 10^3/uL:!: (4.24-10.18)
        Neutrophil 90.6 %:!: (48.1-71.2)
        Lymphocyte 5.8 % :!:(21.1-42.7)
        Eosinophil 0.0 % :!:(0.4-7.2)
        
        มารดาได้รับยา Cef-3 2 g IV OD
        2.ประเมินอาายุครรภ์และสภาพทารกในครรภ์
        
        หมอทำการ u/s : EFW = 1900 g. AFI 9.4 cm.
      - ยาที่ใช้ในการยับยั้งภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด(Tocolytic drugs for Preterm labor)
        แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
        การให้ยาเพื่อยับยั้งไม่ให้มดลูกหดรัดตัวเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ซึ่งในปัจจุบันยังไม่พบว่ามียาตัวใดตัวหนึ่งที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด The American College of Obstetricians and Gynecologists (2007) ได้สรุปไว้ว่ายาที่ใช้ยับยั้งภาวะมดลูกหดรัดตัวไม่สามารถยืดอายุครรภ์ออกไปได้มากนัก แต่อาจช่วยยืดระยะเวลาการคลอดออกไปได้อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวมีประโยชน์ในการส่งต่อสตรีตั้งครรภ์ไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการดูแลรักษาทารกคลอดก่อนกำหนด และได้ประโยชน์จากการให้ corticosteroids เพื่อกระตุ้นปอดทารก
        
        1. กลุ่ม Beta – adrenergic Receptor Agonists
        ยาในกลุ่มนี้จะทำปฏิกิริยากับ beta-adrenergic receptors เพื่อลดระดับ ionized calcium ในเซลล์ และป้องกันไม่ให้เกิดการกระตุ้นโปรตีนที่ทำหน้าที่หดรัดตัวในเซลล์กล้ามเนื้อมดลูก ยาที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Terbutaline, Salbutamol, Ritodrine ในประเทศไทยนิยมใช้ Terbutaline ในการยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดมากที่สุด ถึงแม้ว่า Ritodrine จะเป็นยาเพียงตัวเดียวที่ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาให้ใช้ในสตรีตั้งครรภ์เพื่อยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
        
        ตัวอย่างขนาดและวิธีการให้ยา Terbutaline (Bricanyl) (0.5 mg/amp)
        
        loading dose ด้วย Bricanyl 0.25 mg (1/2 amp) IV stat แล้วตามด้วย maintenance dose ด้วย Bricanyl 2.5 mg (5 amp) ผสมใน 5% D/W 500 ml (1 ml = 5 ug) และให้ 5% D/NSS หรือ LRS 1,000 ml IV drip 10 d/min เพื่อเปิดเส้นไว้
        
        เริ่มให้ IV drip 10 ug/min (30 d/min) ปรับเพิ่มยาครั้งละ 5 ug/min (15 d/min) ทุก 10 นาที
        จนถึง maximum dose คือ 25 ug/min (75 d/min) หรือเมื่อไม่มี uterine contraction
        
        จนถึง maximum dose คือ 25 ug/min (75 d/min) หรือเมื่อไม่มี uterine contraction
        หากไม่มี contraction แล้วให้ maintenance dose rate เดิมต่ออีก 2 ชั่วโมง (หรือให้ต่ออีก 60 นาที แล้วลดครั้งละ 5 ug/min ทุก 30 นาทีจนถึงระดับน้อยที่สุดที่ทำให้ไม่มี contraction แล้ว maintain ต่อไว้อีก 8 ชั่วโมง) แล้วตามด้วย Bricanyl 0.25 mg (1/2 amp) subcutaneous ทุก 4 ชั่วโมง อีก 6 ครั้ง (ควรให้ overlap กันเล็กน้อยระหว่าง IV drip กับการฉีด subcutaneous)
        
        :red_cross:ข้อบ่งห้าม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาใน
        
        สตรีตั้งครรภ์ที่มีโรคหัวใจ (structural heart disease, cardiac ischemia, dysrhythmia)
        
        Hyperthyroidism
        
        เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ดี
        
        ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ดี
        
        Severe hypovolemia
        
        ครรภ์แฝดหรือครรภ์แฝดน้ำ
        
        อาการข้างเคียง :warning:
        
        อาการข้างเคียงในแม่ : มือสั่น (tremors), ใจสั่น (palpitations), ปวดศีรษะ, น้ำท่วมปอด (pulmonary edema), ชีพจรเต้นเร็ว (tachycardia), หัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia), ความดันโลหิตต่ำ (hypotension), metabolic problems เช่น hyperinsulinemia, hyperlacticemia, hypocalcemia
        
        อาการข้างเคียงในเด็ก : หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia), น้ำตาลในเลือดสูงในครรภ์ (hyperglycemia) และน้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด (hypoglycemia), ความดันโลหิตต่ำหลังคลอด (hypotension)
        
        การเฝ้าระวัง :red_flag:
        
        Heart rate มากกว่า 140 ครั้งต่อนาที
        
        Hypotension (Ps ลดลงมากกว่าเดิม 20 mmHg, Pd ลดลงมากกว่าเดิม 10 mmHg)
        
        Pulmonary edema
        
        Fetal distress
        
        Progressive cervical change หรือยังมี contraction หลังจากให้ยาขนาดสูงสุด หรือให้ยาเป็นเวลานานมากกว่า 24 ชั่วโมง
        
        :red_cross:ข้อห้ามในการยับยั้งอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด:red_cross:
        
        1.สตรีมีครรภ์มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ควรพิจารณาให้คลอดแล้ว เช่น severe preeclampsiaภาวะตกเลือดก่อนคลอด การติดเชื้อในโพรงมดลูก
        
        2.ทารกในครรภ์มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ถ้าปล่อยให้ตั้งครรภ์ต่อไป ทารกจะอยู่ในภาวะอันตรายยิ่งขึ้น เช่น ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ fetal distress ทารกเสียชีวิต เป็นต้น
        
        3.สตรีมีครรภ์และทารกมีความเสี่ยงต่อการใช้ยายับยั้งมากกว่าความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
        
        4.การคลอดก้าวหน้า ปากมดลูกเปิดมากกว่า 4 เซนติเมตร หรือเข้าสู่ระยะ active phase แล้ว
        
        2. Magnesium sulfate
        Magnesium sulfate มีบทบาทในการเป็น calcium antagonist เมื่อให้ยาในระดับความเข้มข้นมากพอจะสามารถเปลี่ยนแปลงการหดรัดตัวของเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกได้นิยมให้ Magnesium sulfate ในกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะ threatened preterm delivery ที่มีอายุครรภ์อยู่ในช่วง 24 ถึง 28 สัปดาห์ (หรือ 23 ถึง 32 สัปดาห์) เพื่อหวังผลในการป้องกันภาวะ cerebral palsy (neuroprotective effect) โดยให้ยาในขนาด 6-gm loading dose และตามด้วย 2-gm/hour infusion นานอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
        
        :red_cross:ข้อบ่งห้าม
        
        ผู้ป่วยโรค myasthenia gravis
        
        ผู้ป่วยโรคหัวใจ
        
        ผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตผิดปกติ
        
        อาการข้างเคียง :warning:
        
        อาการข้างเคียงในแม่ : ร้อนวูบวาบ (flushing), ปวดศีรษะ, กล้ามเนื้ออ่อนแรง (muscle weakness), คลื่นไส้อาเจียน, pulmonary edema, , ความดันโลหิตต่ำ
        
        อาการข้างเคียงในลูก : เซื่องซึมและอ่อนแรง (hypotonia), อาจกดการหายใจของทารก (respiratory depression), APGAR scores ต่ำตอนคลอด, ความดันโลหิตต่ำ
        
        การเฝ้าระวัง ระหว่างให้ยาต้องระวังภาวะ magnesium toxicity โดย :red_flag:
        
        1.ตรวจ deep tendon reflex (ต้องไม่ absent)
        
        2.Respiratory rate (> 14 ครั้ง/นาที)
        
        3.Blood pressure (> 90/60 mmHg)
        
        4.Urine output (> 30 cc/hr)
        
        5.Magnesium level อยู่ในช่วง 4.8 – 8.4 mEq/L
        
        6.ควรมี 10% calcium gluconate ขนาด 1 กรัม ไว้แก้พิษของยา
        
        3. Calcium-channel blockers
        ยากลุ่ม calcium-channel blockers ออกฤทธิ์ยับยั้งแคลเซียมไม่ให้ผ่านเข้าสู่ cell membrane ส่งผลให้ระดับความเข้มข้นของแคลเซียมใน cytoplasm ลดลง ช่วยยับยั้งการหดรัดตัวของเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกข้อควรระวังและต้องหลีกเลี่ยงคือ การใช้ nifedipine ร่วมกับ magnesium sulfate ในการยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด เนื่องจาก nifedipine จะเสริมฤทธิ์ neuromuscular blocking effects ของ magnesium ทำให้รบกวนการทำงานของระบบหายใจและไหลเวียนเลือดมากขึ้น ส่วนการให้ Nifedipine ในสตรีตั้งครรภ์ที่ความดันโลหิตปกติ (normotensive) พบว่าทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงได้
        
        ข้อบ่งห้าม :red_cross:
        
        1.ความดันโลหิตต่ำกว่า 90/60 mmHg
        
        2.โรคหัวใจ
        
        3.การทำงานของตับบกพร่อง
        
        4.ได้รับยาลดความดันโลหิตตัวอื่นร่วมด้วย หรือระมัดระวังในกรณีได้รับยา MgSO4
        
        อาการข้างเคียง :warning:
        
        1.อาการข้างเคียงในแม่ : ร้อนวูบวาบ (flushing), ปวดศีรษะ, คลื่นไส้ (nausea), ความดันโลหิตต่ำ (hypotension), ใจสั่น (palpitations), หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia)
        
        2.อาการข้างเคียงในลูก : พบน้อยมาก, อาจพบหัวใจเต้นเร็ว (tachycardia)
        
        การเฝ้าระวัง :red_flag:
        
        วัดความดันโลหิตทุก 15 นาทีหลังได้รับยาในช่วงแรก (loading dose
        
        หากความดันโลหิตลดลงต่ำกว่า 90/60 mmHg ให้หยุดยา และให้สารน้ำทางหลอดเลือดเพื่อปรับความดันโลหิตให้อยู่ในช่วงไม่ต่ำกว่า 90/60 mmHg
        
        ถ้าผู้ป่วยได้รับ MgSO4 ร่วมด้วย ให้สังเกตการหายใจอย่างใกล้ชิดและระมัดระวังการกดการหายใจจาก Respiratory muscle paralysis
        
        4. Prostaglandin inhibitors
        ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต้าน prostaglandins โดยอาจยับยั้งการสังเคราะห์หรือยับยั้งการออกฤทธิ์ที่อวัยวะเป้าหมาย ส่งผลต่อการหดรัดตัวของมดลูกซึ่งมี prostaglandins เป็นส่วนร่วมในกระบวนการเจ็บครรภ์คลอด ยาในกลุ่มนี้ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเปลี่ยน arachidonic acid ไปเป็น prostaglandins ได้แก่ acetylsalicylate และ indomethacin ข้อควรระวังในการใช้ยากลุ่มนี้ได้แก่ ผลข้างเคียงต่อทารกในครรภ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่มีอายุครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์ขึ้นไป พบว่า indomethacin จะทำให้เกิดภาวะ ductus arteriosus constriction ได้ถึงร้อยละ 50 และพบทุกรายหากทารกมีอายุครรภ์มากกว่า 34 สัปดาห์ ในขณะที่ทารกที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 27 สัปดาห์จะพบภาวะแทรกซ้อนนี้น้อยมาก(11, 12) นอกจากนี้ indomethacin ยังทำให้ลดปริมาณ urine output ของทารก ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำคร่ำน้อยตามมา
        
        ข้อบ่งห้าม :red_cross:
        1.ผู้ป่วยโรคหอบหืด
        2.ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
        3.ผู้ที่มีประวัติ GI bleeding
        4.ผู้ที่มีการทำงานของไตบกพร่อง
        5.การตั้งครรภ์ที่มีภาวะน้ำคร่ำน้อย
        6.ทารกที่มีความผิดปกติของหัวใจหรือไตพิการ
        7.อายุครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์ขึ้นไป
        
        อาการข้างเคียง :warning:
        1.อาการข้างเคียงในแม่ : ปวดท้อง (abdominal discomfort), จุกเสียดลิ้นปี่ (dyspepsia), คลื่นไส้ (nausea), ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ (dizziness)
        2.อาการข้างเคียงในลูก : ปัสสาวะออกน้อย, น้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios), ductus arteriosus ปิดในครรภ์, pulmonary hypertension, ทารกบวมน้ำ (hydrops), ทารกเสียชีวิตในครรภ์, necrotizing enterocolitis และ intraventricular hemorrhage ในทารกหลังคลอด
        
        การเฝ้าระวัง :red_flag:
        •ตรวจวัดปริมาณน้ำคร่ำ หากพบว่าน้ำคร่ำลดลง ให้หยุดยา
        •ตรวจอัลตราซาวด์ดูหัวใจทารก ระวังภาวะ ductus arteriosus constriction
        •ตรวจสุขภาพทารก ระวังภาวะ fetal distress
        •ระวังภาวะ progression of labor หากพบว่าไม่สามารถยับยั้งการคลอดได้ ให้หยุดยาทันทีและแจ้งกุมารแพทย์ว่าได้รับยา indomethacin ก่อนคลอด
- - - - แพทย์รับตัวไว่ในโรงพยาบาล มีแผนการรักษาคือ
        (16 มี.ค. 64) 08.00 น. แรกรับ Admit LR on EFM 20 mins ,observe progress of labor ,NPO แพทย์ให้ RLS 100ml IV drip rate 80 ml/hr ,เก็บเลือดส่งตรวจ Anti-HIV Neg, VDRL Non reactive, HBsAg Neg, CBC พบ WBC 10.77 10^3/uL Neutrophil 78.2 % Lymphocyte 14.9 % ผล UA พบ Leucocyte 2+ W.B.C. 10-20 HPF Bacteria Few ส่ง vagina swab รอผลวันที่ 19 มี.ค. 64 ได้รับยา 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip rate 30 ml/hr titate until no uc และ Dexamethasone 6 mg IM q 12 hr x 4 dose
        
        (16 มี.ค. 64) 09.40 น. แพทย์ order Regular diet NPO ระหว่างมื้อ ส่ง urine culture ,Elyte ผล K = 3.45 mmol/L ต่ำเล็กน้อย แพทย์จึง order ให้ E.KCL 50 ml oral x 1 dose stat blood sugar = 94 mg/dL แพทย์ให้ยา Duphaston(10) 1x1 oral pc และ Cef-3 2 g IV OD
        หลังจากให้ยา 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip rate 30 ml/hr titate until no UC ต้อง observe BP และ Pulse ทุก 1 ชั่วโมง ร่วมกับอาการ มือสั่น ใจสั่น หายใจหอบเหนื่อย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยา ผู้ป่วยไม่มี BP ต่ำ และ Pulse จึง hold bricanyl rate เดิม ยังมี UC แต่มากกว่า 10 นาที และไม่แรงมาก
        
        (16 มี.ค. 64) 16.00 น. ผู้ป่วยมี pulse 122 bpm มากกว่า 120 bpm จึงลด rate 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip เหลือ 25 ml/hr ,ลด rate RLS 1000 ml IV KVO ได้ Dexamethasone 6 mg IM q 12 hr dose ที่ 2 เวลา 20.00 น. 16 มี.ค. 64 ยังมี UC แต่มากกว่า 10 นาที และไม่แรงมาก
        
        (17 มี.ค. 64) เจาะ lab ผล CBC : Hb 10.5 g/dL ,Hct 32.9 % ,WBC 15.85 10^3/uL ,Neutrophil 90.6% ,Lymphocyte 5.8 % ,Eosinophil 0.0 % Electolyte K = 3.96 mmol/L Na = 135 mmol/L FBS = 135 mg/dL pulse = 122 bpm แพทย์จึงให้ ferrous fumarate 1x2 oral pc ,Nataral 1x1 oral pc , Caltab(1250) 1x1 oral pc ลด rate 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip เหลือ 20 ml/hr ได้ Dexamethasone 6 mg IM q 12 hr dose ที่ 3 เวลา 08.00 น.
        
        สรุปว่าแพทย์ตัดสินใจอย่างไรในการแก้ปัญหา แพทย์สั่งให้ 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip rate 30 ml/hr titate until no uc และ Dexamethasone 6 mg IM q 12 hr x 4 dose เพื่อยับยั้งการคลอดและเพื่อกระตุ้นการทำงานของปอดทารก สั่งให้ antibiotic Cef-3 2 g IV OD เพื่อรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ตามผล vagina swab และติดตามอาการหลังได้รับยายับยั้งการคลอด คือ ติดตามวัด BP ,Pulse สอบถามอาการว่ามีอาการ ใจสั่น มือสั่น หายใจหอบเหนื่อย ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อดูผลข้างเคียงของการให้ยา ถ้ามีอาการผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์ทันที