Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางจิตสังคม - Coggle…
การใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางจิตสังคม
ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร(Hostility)
ลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร
ความไม่เป็นมิตรมีลักษณะคล้ายกับความโกรธ มีพฤติกรรมการทำลายบุคคล มีทัศนคติที่ถูกสะสมมาเรื่อย ๆ มีความคงทนเปลี่ยนไปได้ยากและเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองที่รุนแรง ซับซ้อนโดยมีแต่ความเกลียดชัง อิจฉา ริษยา และมีความต้องการที่มักจับจ้องจะทำลาย
สาเหตุและกลไกทางจิต
ความไม่เป็นมิตรมักถูกปลูกฝังตั้งแต่ทารกและเมื่อมีสิ่งมาคุกคามทางจิตใจ บุคคลไม่สามารถแสดงออกได้ สิ่งแวดล้อมหรือบุคคลอื่นมีอิทธิพลที่ส่งผลให้บุคคลเรียนรู้ที่จะเก็บซ่อนความคิด หรือเก็บกดสิ่งที่ตนเองต้องการเอาไว้และเกิดความคับข้องใจของตนเอง มักส่งผลให้บุคคลนั้นรับรู้การมีคุณค่าในตนเองต่ำ เกิดการคับข้องในใจมากขึ้น
ความไม่เป็นมิตรจะถูกเก็บซ่อนไว้และแอบแฝงและติดตัวเป็นลักษณะนิสัยของบุคคลนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์คุกคามทางจิตใจ บุคคลนั้นจะรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดมาก รู้สึกสูญเสียคุณค่าในตนเอง จนไม่สามารถทนได้ จนเกิดความวิตกกังวลอย่างมาก
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
การประเมินปัญหาทางการพยาบาล
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง ชีพจรเตน้ เร็ว หายใจถี่ขึ้น กล้ามเนื้อเกร็ง ผิวแดง คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง คอแห้ง เหงื่ออกตามร่างกาย
ด้านคำพูด เช่น การพูดกระทบกระเทือน ส่อเสียด ดูถูก ข่มขู่ โต้แย้ง และอาจรุนแรงถึงการดุด่า พูดจาชวนทะเลาะ
ด้านพฤติกรรม เช่น ท่าทีเฉยเมย ต่อต้าน เงียบ เชื่องช้า ไม่ยอมสบตา เดินหนี หรือกำหมัดแน่น หรือบางรายมักจะแสดงพฤติกรรมรุนแรง เช่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ หรือ บางรายอาจแสดงพฤติกรรมแอบแฝง เช่น ทำตัวอ่อนหวาน น้อมน้อมเกินไป
กิจกรรมทางการพยาบาล
เป้าหมายทางการพยาบาลผู้ที่มีความไม่เป็นมิตร คือ การป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลอื่นและการช่วยเหลือบุคคลนั้น ให้เผชิญกับความไม่เป็นมิตรในเชิงสร้างสรรค์รวมทั้งให้การช่วยทา ให้ความรู้สึกความไม่เป็นมิตรลดลงอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย
พยาบาลต้องเร่งดำเนินการวิเคราะห์ว่าบุคคลมีภาวะความไม่เป็นมิตรหรือไม่เพื่อจะให้การพยาบาลได้อย่างทันท่วงที
การจัดการกับสิ่งแวดล้อมและบุคคลรอบข้างเพื่อป้องกันอันตราย พยาบาลสามารถทำได้ดังนี้
-อาจจัดห้องแยกให้จำกัดพฤติกรรมในกรณีที่มีพฤติกรรมรุนแรง
-เตรียมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างฉุกเฉิน
-ทีมสุขภาพต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะความไม่เป็นมิตร
-พยาบาลต้องอยู่ในอารมณ์ที่สงบ สุขุม เยือกเย็น แต่ฉับไว ให้การยอมรับพฤติกรรมของบุคคลนั้น ลดสิ่งกระตุ้น ยั่วยุอารมณ์ให้เกิดความไม่เป็นมิตร
เปิดโอกาสให้บุคคลนั้นๆได้ระบายความรู้สึกคับข้องใจ ความไม่พอใจ หรือความไม่เป็นมิตร สนับสนุนให้บุคคลดังกล่าวได้พิจารณาการกระท าของตนเองและการเรียนรู้การควบคุมตนเอง
ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว(Aggression)
พฤติกรรมก้าวร้าว (Aggression) หมายถึง เป็นการแสดงออกทางคำพูดและการกระทำที่แสดงถึงความโกรธแค้น ความไม่เป็นมิตร พร้อมที่จะทำร้ายตนเองและผู้อื่นอันเนื่องมาจากความไม่สามารถในการควบคุมความโกรธได้
ลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว
พฤติกรรมก้าวร้าวทางคำพูด : ใช้คำพูดตำหนิ ติเตียน วิพากษ์วิจารณ์พูดในแง่ร้าย เสียงดัง ขู่ตะคอก เอะอะอาละวาด วางอำนาจ วาจาหยาบคาย
พฤติกรรมก้าวร้าวแสดงออกทางร่างกาย : มีสีหน้าบึ้งตึงแววตาไม่เป็นมิตร ท่าทางไม่พอใจกระวนกระวายอยู่ไม่นิ่งไม่สนใจเรื่องการกินการนอน การขับถ่าย แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะได้แก่
พฤติกรรมก้าวร้าวทำลายสิ่งของได้แก่ ทุบทำลายสิ่งของเครื่องใช้ ทุบกระจก จุดไฟเผา ปิดประตูเสียงดัง
พฤติกรรมก้าวร้าวทำร้ายคนอื่น หาเรื่องวิวาททำร้าย และละเมิดสิทธิผู้อื่นโดยการกัด การตี การผลัก และการใช้อาวุธทำร้ายคนอื่นให้ได้รับบาดเจ็บ
พฤติกรรมก้าวร้าวทำร้ายตนเอง เช่น การหยิกข่วนตนเอง การใช้มีดกรีดข้อมือตนเอง การดึงผม จุดไฟเผาตนเอง การฆ่าตัวตาย เป็นต้น
สาเหตุ
1.ปัจจัยทางด้านชีวภาพ (Biological factors)
1.1 ระดับความผิดปกติของสารเคมีในสมอง เช่น serotonin, dopamine และnorepinephrine เพิ่มหรือลดลงการได้รับอุบัติเหตุทางศีรษะ และ การมีเนื้องอกที่สมอง เป็นต้น
1.2 การเจ็บป่วยด้วยโรคทางร่างกาย เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคสมองเสื่อม เป็นต้น
2.ปัจจัยทางด้านจิตสังคม (Psychosocial factors)
2.2 ทฤษฎีทางด้านจิตวิทยา กล่าวว่า พฤติกรรมก้าวร้าวเกิดจากการไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานส่งผลให้เกิดภาวะคุกคามต่อการมีชีวิตอยู่ของบุคคลนั้น อาจจะเป็นสาเหตุให้บุคคล
ตอบสนองไปในวิธีการก้าวร้าว
2.3 ทฤษฎีทางด้านสังคมวิทยา เด็กที่มีประวัติถูกทำร้ายร่างกาย การถูกล่วงเกินทางเพศ ถูกทอดทิ้งในวยัเด็ก และการที่พ่อแม่มีพฤติกรรมที่รุนแรง พบว่า เด็กจะมีพัฒนาการพฤติกรรมรุนแรงเกิดขึ้นได้
2.1 ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ กล่าวว่า ความก้าวร้าวเป็นสัญชาติญาณหนึ่งของมนุษย์ที่แสดงออกของความโกรธ ซึ่งถ้าหันความโกรธเข้าสู่ตนเองจะส่งผลให้บุคคลดังกล่าวมีอารมณ์เศร้าได้
2.4 การถือแบบอย่าง เด็กจะลอกเลียนแบบการแสดงความโกรธจากพ่อแม่ และจากการศึกษาต่างๆพบว่าเด็กที่ดูสื่อ เช่น วิดีโอ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ อินเตอร์เน็ต ทำให้เด็กมีพฤติกรรมรุนแรงและก้าวร้าวได้
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล
การประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ประเมินได้ดังนี้
1.2 การได้รับการวินิจการเจ็บป่วยของบุคคลนั้น เช่น โรคจิตเภท การติดสารเสพติด
1.3 พฤติกรรมในปัจจุบันของบุคคลนั้น เช่น มีความก้าวร้าวมากน้อยในระดับใด สังเกตได้
จาก พฤตกรรมที่สัมพันธ์กับความก้าวร้าวรุนแรง ดังนี้
ด้านคำพูด เช่น พูดจาถากถางผู้อื่น พูดคุกคามผู้อื่น พูดมาก พูดเสียงดัง ตะโกนเสียงดัง มีคำพูดแสดงถึงความกลัว
ด้านพฤติกรรม เช่น ขบกราม หน้านิ่วคิ้วขมวด จ้องมองด้วยความโกรธ หน้าแดงท่าทางระมัดระวังตัวเองสูง
1.1 ประวัติการมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของบุคคลนั้น
การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาล
การช่วยเหลือที่ดีที่สุด คือ การจัดการกับอารมณ์โกรธก่อนที่บุคคลนั้น จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกไว้วางใจ รู้สึกปลอดภัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
เมื่อความโกรธลดลง ให้บุคคลนั้นสำรวจถึงสาเหตุที่ทำให้รู้สึกโกรธ ไม่พอใจเพื่อให้บุคคลได้ตระหนักถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้น
ฟังอย่างตั้งใจ เปิดโอกาสให้ได้พูดระบายถึงความรู้สึกไม่พอใจออกมา รับฟังโดยไม่ขัดจังหวะ ไม่ตำหนิ ไม่โต้แย้ง
จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการออกแรงเพื่อปลดปล่อยพลังงานส่วนเกินที่เกิด จากความกดดัน ความโกรธ เช่น ดนตรี ออกกำลังกาย
ให้คำแนะนำถึงวิธีการจัดการกับความโกรธในทางที่เหมาะสม จะสามารถแนะนำได้ในกรณีที่บุคคลนั้นมีภาวะอารมณ์ปกติสามารถรับรู้เข้าใจเหตุและผลได้
-สำรวจความโกรธของตนเองและยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้น
-สำรวจสาเหตุที่ทำให้เกิดความโกรธ
-นับ 1 -100 เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจหรือให้เวลากับความโกรธ
-หลีกเลี่ยงออกจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความโกรธ
-หาบุคคลที่ไว้วางใจได้พูดระบายความโกรธที่เกิดขึ้น
-ทำกิจกรรมที่ออกแรงจะช่วยปลดปล่อยพลังงานส่วนเกินที่เกิดจากความโกรธไปในเชิงสร้างสรรค์
-การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3 วัน วันละ 30 นาที เพื่อจะช่วยให้ความเข้มแข็งทางอารมณ์ได้ดีขึ้น
-การฝึกให้อภัยกับบุคคลที่ทำให้โกรธโดยการมองหาจุดดีของบุคคลที่ทำให้โกรธ
ผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรง (Violence)
พฤติกรรมรุนแรง หมายถึง การใช้คำพูด พฤติกรรมคุกคามที่มีผลทำให้คนอื่นตกใจกลัวมีพฤติกรรมที่พยายามจะใช้กำลังและอาวุธทำร้ายคนอื่น และมีการใช้กำลังหรือ อาวุธทำร้ายคนอื่น
วิธีการบำบัดทางการพยาบาล สำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
1.ประเมินสภาพผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง โดยประเมินระดับความรุนแรงของพฤติกรรมดังนี้
ประเมินอาการและการแสดงที่เป็นสัญญาณของพฤติกรรม เช่น การแสดงออก ทางสีหน้าบึ้งตึงแววตาไม่เป็นมิตรการเคลื่อนไหวกระวนกระวายอยู่นิ่งไม่ได้
ประเมินการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกและอารมณ์อย่างเฉียบพลันและการศึกษาประวัติจากญาติ เกี่ยวกับพฤติกรรมในอดีตมีหรือไม่อย่างไร
2.พยาบาลควรมีท่าทีที่เป็นมิตร สงบ และให้เกียรติเพื่อให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจ
พยาบาลไม่ยืนเอามือเท้าเอว พยาบาลไม่ควรยืนเอามือไขว้ข้างหน้า
ควรยืนเอามือไว้ข้างๆตัว หรืออาจยืนข้างๆเก้าอี้และเอามือจับเก้าอี้ไว้เพื่อให้เกิดความอุ่นใจ
ยืนเอามือไขว้หลัง อาจจะเป็นการแสดงว่าพยาบาลซ่อนบางสิ่งเอาไว้ผู้ป่วยอาจมีความหวาดระแวงเพิ่มขึ้น
3.การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ตรวจค้นผู้ป่วยไม่ให้มีสิ่งของที่อาจใช้เป็นอาวุธได้ มีท่าทีสงบ อยู่ห่างผู้ป่วยพอสมควร เรียกชื่อผู้ป่วยและพูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ตำหนิ
มีท่าทีสงบ อยู่ห่างผู้ป่วยพอสมควร
ลดสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม ลดเสียงดัง ลดแสงสว่าง ลดการที่มีคนพลุกพล่าน
เรียกชื่อผู้ป่วยและพูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย
ไม่ตำหนิใช้คำถามปลายเปิดให้ผู้ป่วยได้ระบายความไม่พอใจและให้วิจารณ์ได้ แม้เป็นความรู้สึกในทางลบ
ให้ยาตามแผนการรักษา