Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต, image ปฏิกิริยาในวัฏจักรเครบส์, image…
เมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต
การย่อยและการดูด
ซึมคาร์โบไฮเดรต
การย่อยแป้ง
การย่อยแป้งใช้เอนไซม์อะไมเลสจากต่อมน้ำลายและตับอ่อน
ทำหน้าที่ย่อยจนกระทั่งได้เป็นมอลโทสทั้งหมด จากนั้นเอนไซม์มอลเทสจากต่อมในลำไส้เล็ก
การย่อยเซลลูโลส
เอนไซม์ อะไมเลสจึงไม่สามารถย่อยได้ จึงไม่ให้คุณค่าทางอาหารสำหรับมนุษย์
แต่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนตัวของกล้ามเนื้อในทางเดินอาหาร
การย่อยคาร์โบไฮเดรตชนิดอื่น ๆ
ซูโครส แลกโทส ถูกย่อยสลายได้เป็นโมโนแซ็กคาไรด์ ซึ่งซูโครสถูกย่อย โดยเอนไซม์ซูเครสหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่าเอนไซม์อินเวอร์เทส
การดูดซึมคาร์โบไฮเดรต
การดูดซึมน้ำตาลทั้งสองชนิดนี้ต้องอาศัยตัวพาคือ โซเดียมและพลังงานจาก ATP
กระบวนการเมแทบอลิ
ซึม ของคาร์โบไฮเดรต
วิถีไกลโคไลซิส
ปฏิกิริยาในวิถีไกลโคลิซิส วิถีไกลโคลิซิสแบ่งได้เป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก เป็นการลงทุน ในขั้นตอนของปฏิกิริยาที่ 1-5 ซึ่งกลูโคสจะสลายไปเป็นกลีเซอราลดีไฮด์-3-ฟอสเฟต
พลังงานที่ได้จากวิถีไกลโคลิซิส จากปฏิกิริยาสรุปได้ว่า การสลายกลูโคส 1 โมเลกุลโดยวิถีไกลโคลิซิส ในระยะแรกจะได้ 2 โมเลกุลของกลีเซอราลดีไฮด์-3-ฟอสเฟต
ปฏิกิริยาการเปลี่ยนรูปไพรูเวท ไพรูเวทเป็นผลิตผลสุดท้ายในวิถีไกลโคไลซิส ที่ได้จากการย่อยสลายกลูโคส เป็นสารตัวกลางที่สำคัญในแคแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต สามารถเปลี่ยนต่อไปเป็นสารประกอบที่มีคาร์บอน 2 หรือ 3 อะตอม
วัฏจักรเครบส์
ปฏิกิริยาในวัฏจักรเครบส์ วัฏจักรเครบส์เกิดขึ้นในไมโทคอนเดรีย ประกอบด้วยปฏิกิริยาทั้งหมด 8 ขั้นตอน โดยอาศัยการเร่งของเอนไซม์ทั้งหมด 8 ชนิด ซึ่งมีภาพรวมของตัวกลางและพลังงานที่เกิดขึ้น
สรุป 1 รอบของวัฏจักรเครบส์ หมูอะเซทิล (C2) จะเข้ารวมกับออซาโลอะซิเทต (C4) ได้เป็นซิเทรต (C6) จากนั้นจะมีการสูญเสีย C จากวัฏจักรเครบส์ไปในรูปของ CO2 จำนวน 2 โมเลกุล และท้ายที่สุดจะได้ออกซาโลอะซิเทต (C4) กลับคืนมาอีก
วิถีเพนโตสฟอสเฟต
ปฏิกิริยาในวิถีเพนโทสฟอสเฟต วิถีเพนโทสฟอสเฟตเกิดขึ้นในไซโทพลาซึม แบ่งออกได้เป็น 2 ตอน โดยตอนที่ 1 เป็นการออกซิไดส์ G-6-P 2 ครั้ง ได้ CO2 และน้ำตาล เพนโทสฟอสเฟต ส่วนตอนที่ 2 เป็นการเปลี่ยนกลับไปมาระหว่างน้ำตาลที่มีคาร์บอน 3, 4, 5, 6 และ 7 อะตอม
วิถีการสังเคราะห์กลูโคส
ปฏิกิริยาการเปลี่ยนไพรูเวทให้เป็นฟอสโฟอีนอล เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นใน ไมโทคอนเดรีย ไพรูเวทผ่านเข้าไปในไมโทคอนเดรีย
ปฏิกิริยาเปลี่ยนฟรุกโทส-1,6-บิสฟอสเฟต เป็นฟรุกโทส-6-ฟอสเฟต ใช้เอนไซม์ฟรุกโทสไดฟอสฟาเทส
ปฏิกิริยาการเปลี่ยนกลูโคส-6-ฟอสเฟสเป็นกลูโคส
การควบคุมเมแทบอลิซึม
ของคาร์โบไฮเดรต
ควบคุมด้วย
ระดับพลังงาน
สามารถควบคุมอัตราเร็วของวิถีต่าง ๆ ได้ เมื่อมี ADP และ AMP เกิดขึ้นมาก สารทั้งสองนี้จะเร่งการสลายกลูโคสโดยวิถีไกลโคไลซิส
ควบคุมโดยสารตัวกลาง
สารตัวกลางที่ควบคุมเมตาบอลิสมของกลูโคสคือฟรุกโทส-2,6-บิสฟอสเฟส (Fructose-2,6-biphosphate) ซึ่งจะเร่งวิถีไกลโคไลซิส โดยไปกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ฟอสโฟฟรุกโทไคเนส
การควบคุมโดยฮอร์โมน
ฮอร์โมนอินซูลิน จะกระตุ้นการสร้างไกลโคเจนในเซลล์ตับ กล้ามเนื้อ และในเนื้อเยื่อไขมัน ฮอร์โมนอะดรีนาลิน (Adrenalin) มีผลกระตุ้นการสลายไกลโคเจน ในกล้ามเนื้อได้เป็น Glucose-1-Phosphate (G1P) และเปลี่ยนเป็น Glucose-6-Phosphate (G6P)
ปฏิกิริยาในวัฏจักรเครบส์
วิถีเพนโทสฟอสเฟต
วิถีกลูโคนีโอเจนีซิส