Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Asthma + GDMA1 how-to-manage-asthma-in-pregnancy-722x406 🧚🏻‍♀️นศพต…

- - - - ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสุขภาพของผู้รับบริการ :star:
        
        G3P1011
        
        GA 40+6 wks by U/S
        
        LPM 4 มิถุนายน 2563 ( 3 วัน) (จำได้ไม่ชัดเจน)
        
        EDC by date 11 มีนาคม 2564 ---> GA 13+5 wks.
        
        U/S วันที่ 8 กันยายน 2563 ---> GA 15 wks.
        
        EDC by U/S 2 มีนาคม 2564
        
        ฝากครรภ์ครั้งแรก GA 15 wks. by U/S
        
        น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 62 กิโลกรัม ส่วนสูง 152 เซนติเมตร BMI 26.84 kg.m^2
        
        - ประวัติการเจ็บป่วย : ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืด Asthma รักษาที่โรงพยาบาลสำโรง รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
        - ประวัติครอบครัว : ปฏิเสธการเจ็บป่วยในครอบครัว
        - ประวัติการได้รับวัคซีนบาดทะยัก : ได้รับ 2 เข็ม
        - ประวัติการผ่าตัด : ปฏิเสธการผ่าตัด
        - ประวัติการแพ้ยา/แพ้อาหาร : ปฏิเสธการแพ้ยา/แพ้อาหาร
        
        ประวัติการตั้งครรภ์ในอดีต :explode:
        
        ปี 2549 GA 1 month Spontaneus Abortion ไม่ได้ขูดมดลูก
        
        1 ธันวาคม 2558 Full term Normal labor เพศหญิง น้ำหนัก 3,420 กรัม ที่โรงพยาบาลปากน้ำ ไม่มีภาวะแทรกซอน ปัจจุบันแข็งแรงดี
- - - - น้ำหนัก :red_flag:
        
        น้ำหนักตัวก่อนการตั้งครรภ์ 62 กิโลกรัม
        น้ำหนักขณะตั้งครรภ์ 79.7 กิโลกรัม(GA 40+6 wks.) น้ำหนักเพิ่ม 17.7 กิโลกรัม
        
        ไตรมาสที่ 1 เพิ่ม 2.5 กิโลกรัม
        ปกติ 0.5-2 กิโลกรัม/ไตรมาส
        -ไตรมาสที่ 2 เพิ่ม 3.3 กิโลกรัม
        ปกติ 0.5-1 กิโลกรัม/สัปดาห์
        
        ไตรมาสที่ 3 เพิ่ม 14.4 กิโลกรัม
        ปกติ 0.2-0.3 กิโลกรัม/สัปดาห์
        
        ปัญหา
        
        มีปัญหาเรื่องน้ำหนักลดใน GA15+6 wks. และ GA 25+6 wks.
        
        มีปัญหาน้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ น้ำหนักเพิ่มขึ้นมา 17.7 กิโลกรัม
        
        การตรวจร่างกาย :red_flag:
        
        สภาพทั่วไป : แต่งกายเรียบร้อย สะอาด ใส่ชุดคลุมท้อง รู้สึกตัวดี
        
        ตา : conjunctiva ไม่ซีด
        
        ช่องปาก : ไม่มีฟันผุ ไม่มีเลือดออกตามไรฟัน
        
        คอ : ต่อมน้ำเหลืองไม่โต ต่อม Thyroid ไม่โต กดไม่เจ็บ
        
        เต้านม : หัวนมและลานนมปกติ
        
        ผิวหนัง : ไม่มีอาการบวมกดบุ๋ม ผิวหนังชุ่มชิ้นดี ไม่มีรอยแดง ไม่มีจ้ำเลือด ไม่ซีด
        
        การตรวจครรภ์ :star:
        
        - การดู
        
        พบ Linear nigra
        
        Striae gravidarum สีเงิน บริเวณขอบของหน้าท้อง
        - การคลำ** (Leoplod's maneuver)**
        
        Fundal grip : 3/4 มากกว่าสะดือ
        
        Umbilical grib : Large part อยู่ด้านขวา (ROA)
        
        Pawlik's grib : Head partial engaegment , Vertex presentation
        
        Bilateral inguinal grib : Head partial engaegment
        
        1 more item...
- - - - ภูมิคุ้มกันวิทยา
        - VDRL : Non-reactive
        - HBs Ag : Negative
        - HIV Ab : Negative
        
        - ABO : AB
        - Rh group : Positive
        - IAT-Ab screening : Negative
        
        Urine Analysis
        
        Albumin : Negative
        
        Glucose : Negative
        
        Hb typing
        Hb E : 29.5 % (สูง)
        ได้ผล Hb E trait
        
        การคัดกรองเบาหวาน
        
        Glucose(50gm.) 177mm/dL(สูง)
        *นัดOGGT วันที่ 14 กันยายน 2563
        
        ส่งสามีตรวจ Hb typing
        Normal typing
      - วันที่ 14 กันยายน 2563
        GA 15+6 wks.
        
        OGGT : 75-183-168-101 mm/dL
        
        ค่าผิดปกติ 2 ตัว
        แพทย์วินิจฉัยหญิงตั้งครรภ์เป็น GDMA1
        
        CBC + Hb typing ของสามี
        
        CBC
        
        Hb 16.3 g/dL ( สูง )
        
        Hct 50.4 % ( สูง )
        
        MCV 82.1 fL ( ปกติ )
        
        Hb typing
        Normal typing
        
        วันที่ 28 กันยายน 2563
        GA 17+6 wks.
        
        FBS = 83 ( ค่าปกติ น้อยกว่า 95 )
        2 hr PP = 85 ( ค่าปกติ น้อยกว่า 120 )
        
        วันที่ 28 ตุลาคม 2563
        GA 21+6 wks.
        
        FBS = 73 ( ค่าปกติ น้อยกว่า 95 )
        2 hr PP = 93 ( ค่าปกติ น้อยกว่า 120 )
        
        วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564
        GA 25+6 wks.
        
        2 more items...
        
        นัดตรวจ FBS + 2hr PP ทุกๆ 1 เดือน
- - - - การตั้งครรภ์และกลไกการเกิดโรคหอบหืด
        ในขณะตั้งครรภ์ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของระบบกลไกการหายใจทำให้สตรีตั้งครรภ์มีอาการหายใจเร็ว หายใจหอบ พบได้บ่อยแม้ในขณะพักหรือพูด และอาการจะดีขึ้นเมื่อมีกิจกรรม อาการเป็นภาวะปกติ เรียกว่า physiologic dyspnea ลักษณะการหายใจจะสั้น หายใจลำบาก นอกจากนี้ยังพบว่าในขณะตั้งครรภ์ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะลดลง และการเพิ่มของฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนในกระแสเลือดระหว่างการตั้งครรภ์ทำให้มีความไวต่อสารภูมิแพ้มากขึ้น และทางเดินหายใจมีการอักเสบเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางสรีรระหว่างตั้งครรภ์ เป็นปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดโรคหอบหืดขณะตั้งครรภ์ได้
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ไอเรื้อรัง (ไอนานมากกว่า 8 สัปดาห์ขึ้นไป ) มีอาการหายใจลำบากหรือแน่นหน้าอก หายใจมีเสียง wheezing หอบเหนื่อยเป็นๆหายๆ ซึ่งมักพบในตอนกลางคืนหรือเช้ามืด ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากถูกสารภูมิแพ้กระตุ้นและมีความไวผิดปกติต่อสิ่งกระตุ้นนั้นทำให้หลอดลมหดเกร็ง ตีบ เยื่อบุทางเดินหายใจบวม มีเสมหะขังอยู่เสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ เรียกภาวะนี้ว่า จับหืด (asthmatic attack) ถ้าการอักเสบของหลอดลมเรื้อรังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดลมทั้งรูปร่างและการทำงานอย่างถาวร ทำให้สมรรถภาพของปอดต่ำลงและไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างถาวร
        
        การหายใจออกลำบากกว่าหายใจเข้า ต้องใช้แรงในการหายใจเพิ่มข้น 10-20 เท่าของคนปกติ
        
        ในขณะหอบ จะหายใจลำบากต้องใช้กล้ามเนื้อที่คอและไหล่ในการช่วยหายใจ
        
        หายใจเร็วมากกว่า 35 ครั้ง/นาที ชีพจรเร็วมากกว่า 120 ครั้ง/นาที เหงื่อออกมากทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย
        
        การวินิจฉัยโรค
        1.ซักประวัติอาการและอาการแสดงและสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ
        2.อาการไอเรื้อรัง
        3.ประวัติโรคภูมิแพ้ ประวัติการเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว
        4.ตรวจร่างกายจะได้ยินเสี่ยงหวีดที่ปอดทั้ง 2 ข้าง
        5.ตรวจเสมหะย้อมเชื้อ ตรวจเอกซ์เรย์ปอด
        6.ตรวจครรภ์อาจพบความสูงของยอดมดลูกไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์
        
        ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรค
        
        ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เมื่อน้ำหนักตัว ปริมาณน้ำในร่างกาย ปริมาณของเลือด เกลือโซเดียมในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานมากขึ้น จะพบว่าสตรีตั้งครรภ์มีอาการหายใจลำบาก ที่เรียกว่า physiologic dyspnea ได้โดยเฉพาะเวลานอน แต่ไม่พบอาการไอหรือหอบร่วมด้วย
        
        ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ จะพบว่าปริมาตรของอาการที่เหลือค้างอยู่ในปอดจากการหายใจออกตามปกติลดลง ทำให้เนื้อที่ในปอดบางส่วนไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้สมบูรณ์ และร่างกายของสตรีตั้งครรภ์มีการสร้างสารที่มีผลต่อการหดและขยายของหลอดลม ซึ่งเป็นผลทำให้อาการของโรคหอบหืดเป็นมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันต่อมหมวกไตจะสร้างสเตียรอยด์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงเดือนสุดท้ายและช่วงคลอด ซึ่งจะทำให้อาการของโรคหอบหืดดีขึ้นแต่ร่างกายจะตอบสนองต่อสเตียรอยด์น้อยลง
        
        ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น ทำให้เส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกเกิดการคั่ง ทำให้แน่นจมูกโดยเฉพาะช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ทำให้เกิดการหายใจไม่อิ่มได้
        
        ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
        สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหอบหืด ถ้าด้รับการรักษาและควบคุมโรคได้อย่างดีแล้ว จะไม่ต้องใช้ยาเพื่อรักษา ผลของโรคที่จะกระทบต่อการตั้งครรภ์มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับสตรีตั้งครรภ์ที่มีอาการหอบหืดรุนแรงหรือมีประวัติเป็นโรคหอบหืดเรื้อรัง การควบคุมโรคไม่ดี โอกาสเสี่ยงของโรคที่ะมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์สูงขึ้น โอาการที่ทารกในครรภ์จะได้รับออกซิเจนลดลงและมีผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้
        
        ผลต่อมารดา
        
        Preeclampsia
        
        Hypertension
        
        Uterine hemorrhage
        
        มารดาเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการจับหืด (Asthmatic attack)
        
        1 more item...
        
        หญิงตั้งครรภ์ให้ประวัติการเป็นโรคหอบหืด เป็นเมื่อตั้งครรภ์ลูกคนแรกตอนอายุครรภ์ประมาณ 7-8 เดือน ตอนปี 2558 อาการครั้งแรกที่หญิงตั้งครรภ์เป็นบอกว่ามีอาการแน่นหน้าอก หอบ หายใจไม่ออก รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลสำโรง รับประทานยาสม่ำเสมอ เมื่อมีอาการรุนแรงขึ้นจะไปพบแพทย์ทุกครั้ง การตั้งครรภ์ในครั้งนี้หญิงตั้งครรภ์บอกว่าตอนลูกดิ้นจะมีอาการแน่นหน้าอก
- - - - การจำแนกชนิดของเบาหวาน
        
        GDMA1
        Beta cell ของตับอ่อนถูกทำลายจากปฏิกิริยาภูมิต้านทานในร่างกาย
        
        การรักษา
        ควบคุมอาหาร
        
        GDMA2
        Beta cell ของตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอ
        
        การรักษา
        ควบคุมอาหารและได้รับอินซูลิน
        
        ปัจจัยเสี่ยง :!!:
        
        กลุ่มความเสี่ยงอายุ 30 ปี ขึ้นไป
        
        BMI > 27 kg/m2
        
        ญาติสายตรงเป็นเบาหวาน
        
        ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ +1
        
        ตรวจพบมีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์และความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
        
        ทารกตายคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
        
        ทารกพิการโดยกำเนิด
        
        ทารกเสียชีวิตในครรภ์
        
        มีประวัติคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม
        
        พบภาวะตั้งครรภ์แฝดน้ำ
        
        การตรวจคัดกรอง :pencil2:
        
        การตรวจคัดกรองจะตรวจครั้งแรกที่สตรีตั้งครรภ์มากฝากครรภ์ครั้งแรกเมื่ออายุครรภ์ยังน้อย และตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์อยู่ระหว่าง 24-28 สัปดาห์
        
        หากสตรีตั้งครรภ์มีปัจจัยเสี่ยง จะคัดกรองด้วยวิธี glucose challenge test ตรวจได้โดยไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร โดยให้ดื่มน้ำตาลกลูโคส 50 กรัม หลังจากนั้นจะเจาะเลือดตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด
        
        หากค่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 140 mg/dL แสดงว่าผลการตรวจอยู่ในเกณฑ์ปกติ และแนะนำให้มาตรวจซ้ำอีกครั้ง เมื่ออายุครรภ์อยู่ระหว่าง 24-28 สัปดาห์
        
        หากค่าระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 140 mm/dL แสดงว่า ผิกปกติและจะนัดตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคเบาหวานต่อไปในอีก 1 สัปดาห์โดยการใช้น้ำตาลกลูโคส 100 กรัม แบบวิธี OGGT โดยจะให้สตรีตั้งครรภ์งดน้ำงดอาหาร 8 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล เพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือดก่อนและหลังดื่มสารละลายกลูโคส ซึ่งกำหนดค่าปกติของน้ำตาลกลูโคสที่เวลา 0,1,2 และ 3 ชั่วโมงหลังดื่ม ต้องไม่เกิน 95,180,155 และ 140 mg/dL หากค่าระดับน้ำตาลปกติทุกค่าหรือผิดปกติ 1 ค่า แสดงว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ และจะให้ฝากครรภ์ต่อไปตามปกติ และนัดตรวจหาเบาหวานขณะตั้งครรภ์ครั้งต่อไปโดยวิธี OGGT ซ้ำอีกครั้งในอีก 1 เดือนหรืออายุครรภ์ 32 สัปดาห์ แต่หากค่าผิดปกติตั้งแต่ 2ค่าขึ้นไป จะพิจารณาค่าของ FBS หากปกติ จะวินิจฉัยว่าเป็น GDMA1 ดดยจะรักษาโดยการให้คำแนะนำควบคุมอาหารและนัดตรวจเลือดหลังรับประทานอาหารแล้ว 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมง ในอีก 1 สัปดาห์ ถ้าปกติก็จะวินิจฉัยเป็น GDMA1 เหมือนเดิมและนัดตรวจ FBS+2hr pp แต่หากผิดปกติ จะวินิจฉัยเป็น GDMA2 ส่งปรึกษาโภชนาการและอายุรแพทย์ และนัดตรวจ FBS+2hr pp ทุก 1-2 สัปดาห์
        
        ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์ :!?:
        
        ผลต่อสตรีตั้งครรภ์
        
        Spontaneous abortion
        
        Gestational hypertension/preeclampsia
        
        Polyhydarmnios
        
        DKA
        -Hypo-Hyperglycemia
        
        Infection
        
        Dystocia
        
        Preterm
        -PPH
        
        ผลต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด
        
        ความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ท่อประสาทไขสันหลังบกพร่อง
        
        ทรกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
        
        บาดเจ็บจากการคลอด
        
        กลุ่มอาการหายใจลำบาก
        
        Hypoglycemia
        
        Hypocalcemia
        
        Hyperbilirubunemia
        
        ภาวะเลือดข้น
        
        สรุปข้อมูลผู้ป่วยเปรียบเทียบกับทฤษฎี
        
        หญิงตั้งครรภ์มีปัจจัยเสี่ยงจากอายุ 30 ปีขึ้น มารดาอายุ 33 ปี
        
        คัดกรองโดย BS 50 gm.
        
        วินิจฉัยเป็น GDMA1 โดยผล OGGT = 75-183-168-101 ตอนอายุครรภ์ 15+6 สัปดาห์ รักษาด้วยการควบคุมอาหารมาโดยตลอด หญิงตั้งครรภ์ควบคุมได้ดี