Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปบทที่ 5.5 การพยาบาลบุคคลที่มีกลุ่มโรควิตกกังวล 5.6…
สรุปบทที่
5.5 การพยาบาลบุคคลที่มีกลุ่มโรควิตกกังวล
5.6 การพยาบาลบุคคลที่มีโรคย้ำคิดย้ำทำ
❖ความหมายความวิตกกังวล (Anxiety)❖
ความรู้สึกไม่สบายใจ หวาดหวั่น ไม่มั่นใจต่อสภาพการณ์ในอนาคตเกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือความเสียหาย
ความวิตกกังวลแตกต่างกับความกลัว โดยความกลัวมีสาเหตุที่แน่ชัดสามารถบอกได้ว่ากลัวอะไร ความกลัวเกี่ยวกับการคิดประเมินสิ่งที่คุกคาม ความวิตกกังวลเป็นอารมณ์ที่ตอบสนองต่อความคิดนั้น
โดยสรุปความวิตกกังวลคือ สภาวะอารมณ์การตอบสนองต่อสิ่งที่ถูกคุกคาม เกิดความรู้สึกหวาดหวั่นไม่สบายใจ กระวนกระวาย ไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การตอบสนองจะมากหรือน้อยขึ้นกับการรับรู้ การคาดการณ์ล่วงหน้าของแต่ละบุคคล ถ้าอยู่ในระดับน้อยหรือปานกลางจะทำให้เกิดแรงกระตุ้นผลักดันให้กระทำสิ่งที่กังวลนั้นสำเร็จ แต่ถ้าความวิตกกังวลมากและไม่สามารถจัดการได้ ทำให้เกิดอาการตื่นตระหนก หวาดระแวงเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจของบุคคลนั้น
❖สาเหตุ (Etiology) และลักษณะอาการของความวิตกกังวล❖
สาเหตุ (Etiology)
ปัจจัยทางชีววิทยา (Biological factors)
กรรมพันธุ์ (genetic)
กายวิภาคของระบบประสาท (neuroanatomical) ถ้ามีความผิดปกติของสมองส่วนนี้ทำให้เกิด Anxiety ได้ และผู้ป่วย panic disorder มีความผิดปกติของ temporal lobes โดยเฉพาะhippocampus
สารชีวเคมี (biochemical)การมี blood lactate สูงผิดปกติทำให้ผู้ป่วยมีอาการ panic disorder หรือบุคคลมีความผิดปกติของ thyroid hormone ทำให้เกิดความวิตกกังวลได้
สารสื่อประสาท (neurochemical)สารสื่อประสาท โดยเฉพาะ serotonin และGABA มีส่วนทำให้เป็นโรคนี้
ภาวะการเจ็บป่วยทางกาย (medical condition)
ปัจจัยทางจิตวิทยา (Psychological factors)
ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์(psychodynamic theory)Freud กล่าวว่า Ego เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพ ไม่สามารถจัดการ conflict ที่เกิดขึ้นกับ Id และ Superego
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลซัลลิแวน เชื่อว่าความวิตกกังวลเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับปัญหาทางอารมณ์ที่เกิดจากการไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างในช่วงต้นของชีวิต
ทฤษฎีการเรียนรู้ (cognitive behavior theory)มีแนวคิดว่าความวิตกกังวลเป็นปฏิกิริยาการเรียนรู้ที่มีต่อสิ่งเร้าอย่างใดอย่างหนึ่งที่คุกคามเข้ามาทำให้หวาดหวั่น เมื่อเผชิญกับสิ่งเร้าในลักษณะเดียวกันก็จะเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นวิตกกังวล
ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (Social and environmental factors)
ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับการเกิดโรควิตกกังวลน้อย แต่อาการของโรควิตกกังวลจะเป็นไปตามสังคมวัฒนธรรมของบุคคล
❖ลักษณะอาการของความวิตกกังวล❖
อาการทางร่างกาย คือ กล้ามเนื้อตึงเครียด เหนื่อย กระสับกระส่าย ปากแห้ง หนาว มือและเท้าเย็นต้องการปัสสาวะ ตาพร่า กล้ามเนื้อสั่นกระตุก หน้าแดง เสียงสั่น กระสับกระส่ายและอาเจียน หายใจลึกและถี่อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
อาการแสดงด้านจิตใจและอารมณ์ ผู้ที่มีอาการวิตกกังวลอาจแสดงออกอาการทางอารมณ์ที่มีความแตกต่างกันไปลักษณะอารมณ์ที่พบ ได้แก่ มีอาการกระสับกระส่าย หงุดหงิด ซึมเศร้าร้องไห้ โกรธ รู้สึกไม่มีสมาธิ
อาการแสดงด้านพฤติกรรม ได้แก่ เดินไปเดินมา ลุกลี้ลุกลน นั่งไม่ติดที่ เอามือม้วนเส้นผม ระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ
❖ระดับของความวิตกกังวล❖
วิตกกังวลระดับปกติ (Normal) เป็นความรู้สึกของบุคคลที่แสดงออกมาให้บุคคลรับรู้ว่า มีความไม่สบายใจ มีความรู้สึกหวาดหวั่น ซึ่งเป็นระดับที่บุคคลจะรู้สึกต้องเตรียมพร้อมในการป้องกันตนเองจากสิ่งที่คุกคาม
วิตกกังวลระดับน้อย (Mild anxiety) ความวิตกกังวลในระดับน้อยสามารถเกิดได้ในชีวิตประจำวันจะมีลักษณะตื่นตัวดี กระตือรือร้น สามารถสังเกตการณ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆได้ดี เรียนรู้ได้ดี มีความคิดริเริ่ม
วิตกกังวลระดับปานกลาง (Moderate anxiety) จะมีการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆทั้งการมองเห็นการฟังมีประสิทธิภาพลดลง ความสนใจและสมาธิลดลง การรับรู้แคบลง
วิตกกังวลระดับสูง (Severe anxiety) บุคคลที่มีความวิตกกังวลระดับสูงจะรับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้น้อยลง ความสนใจจดจ่ออยู่กับแค่บางสิ่งบางอย่าง ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการพูดได้พูดจาไม่รู้เรื่องกระบวนการคิดไม่ดี สับสน อาจจะเกิดช่วงก่อนที่บุคคลจะมองหาความช่วยเหลือ
วิตกกังวลระดับรุนแรง (Panic state) บุคคลที่มีความวิตกกังวลระดับหวาดกลัวรุนแรงความสามารถในการรับรู้จะหยุดชะงัก พูดไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ ความรู้สึกตัว อารมณ์ผิดปกติ การรับรู้ผิดไปจากความเป็นจริง
บุคคลในภาวะปกติ จะมีระดับความวิตกกังวลในระดับ 1 ถึง 3 ถ้าระดับความวิตกกังวลถึงระดับ 4 และ 5 ถือว่าบุคคลนั้นอยู่ในภาวะฉุกเฉินทางจิตเวชต้องได้รับการช่วยเหลือ
❖ลักษณะของความวิตกกังวล❖
Trait –anxiety or A –trait (ความวิตกกังวลประจำตัว)คือ ลักษณะประจำตัวของแต่ละบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้และการประเมินสิ่งเร้า โดยมีแนวโน้มที่จะรับรู้และประเมินหรือคาดคะเนสิ่งเร้าว่าน่าจะเกิดอันตรายหรืออาจคุกคามตนเองทำให้มีความวิตกกังวลเกิดขึ้น
State- anxiety or A-state (ความวิตกกังวลในขณะปัจจุบัน)คือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นกับบุคคลในสถานการณ์เฉพาะหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจหรือจะเกิดอันตรายต่อบุคคลความวิตกกังวลในขณะปัจจุบันนี้ทำให้บุคคลเกิดความตึงเครียด หวาดหวั่น กระวนกระวาย ระบบอัตโนมัติตื่นตัวสูงขึ้น
❖ การบำบัดรักษา❖
การรักษาด้วยยา
ยาต้านอาการวิตกกังวลเป็นยาที่นิยมใช้รักษาผู้ที่มีความผิดปกติด้านความวิตกกังวลทุกรูปแบบ ยาเหล่านี้ได้แก่ Ativan, Xanax, buspar เป็นยาที่นิยมใช้
แต่ยาเหล่านี้มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่างทำให้ติดยาต้องเพิ่มปริมาณยาที่ใช้ และต้องเพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆ
การรักษาทางจิตสังคม
การทำจิตบำบัดเป็นวิธีการรักษาต้นเหตุของอาการความวิตกกังวล วิธีการของจิตบำบัดมีหลายวิธีเช่น จิตบำบัดโดยจิตวิเคราะห์ จิตบำบัดโดยทฤษฎีมนุษย์นิยม ส่วนใหญ่มักจะใช้หลายๆวิธีร่วมกันไปเรียกว่า electric approach
การบำบัดทางเลือก (Alternative therapy)
Visual imagery การสร้างจินตภาพ
Changeof pace or scenery การเปลี่ยนย้ายสถานที่อยู่
Exerciseor massage การออกกำลังกายหรือการนวด
Transcendental meditation การทำสมาธิ
Biofeedback การใช้เครื่องไบโอฟี ดแบคตรวจสอบ
Systematic desensitization วิธีเผชิญภาวะวิตกกังวลอย่างเป็นระบบ
7.relaxation exercise ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
Therapeutictouch or laying on of hands การใช้พลังสัมผัส
Hypnosis การสะกดจิต
❖ชนิดของโรคในกลุ่มของโรควิตกกังวล❖
Generalized Anxiety Disorders (GAD) โรควิตกกังวลทั่วไป
ความหมายผู้ป่วยมีความวิตกกังวลมากผิดปกติต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ได้แก่ การกลัวเกิดเหตุการณ์ร้าย ๆกับบุคคลที่ใกล้ชิด
อาการ Generalized Anxiety Disorder ตาม DSM 5
ความวิตกกังวลมากผิดปกติจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ อย่างน้อย 6เดือนขึ้นไป จะเกี่ยวกับเหตุการณ์ หรือกิจกรรมต่าง ๆ
ผู้ป่วยพบว่า ยากที่จะควบคุมความกังวล
ความกังวลจะเกี่ยวข้องกับอาการอย่างน้อย 3อาการจากทั้งหมด 6 อาการและอย่างน้อยอาการที่เกิดขึ้นได้เกิดมาแล้วไม่น้อยกว่า 6เดือน
ความวิตกกังวล หรืออาการทางกายเป็นสาเหตุให้มีอาการทางคลินิก
การรักษา
จิตบำบัด เช่น วิธี Cognitive behavior therapy (CBT) โดยแก้ไขให้ผู้ป่วยกลับมามองโลกอย่างเหมาะสม ร่วมกับการใช้วิธี Relaxation technique
การรักษาด้วยยา Benzodiazepineเช่น Diazepam ช่วยลดอาการวิตกกังวล และอาการทางกายได้ดี ยากลุ่ม SSRI เช่น Sertraline, Paroxetine Propanolol
ความกังวลจะเกี่ยวข้องกับอาการอย่างน้อย 3อาการจากทั้งหมด 6 อาการและอย่างน้อยอาการที่เกิดขึ้นได้เกิดมาแล้วไม่น้อยกว่า 6เดือน 3.1 กระสับกระส่าย
3.2อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง 3.3 มีปัญหาด้านสมาธิ หรือใจลอย3.4 หงุดหงิดง่าย
3.5 ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตึงเครียดตามกล้ามเนื้อ 3.6 มีปัญหาการนอน
Panic disorder
อาการ Panic attack ตาม DSM 5
เป็น ความรู้สึกกลัว หรือไม่สบายใจอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลารวดเร็วภายในไม่กี่นาทีและถึงระดับสูงสุดในระยะเวลา 10นาที จะต้องมีอาการแสดงเกิดขึ้นอย่างน้อย 4 อาการ
1.1 ใจสั่น หัวใจเต้นแรง หรืออัตราเต้นของหัวใจเร็ว
1.2 เหงื่อออกมาก
1.3 สั่นทั้งตัว
1.4 หายใจเร็วถี่
1.5 รู้สึกอยากอาเจียน
1.6 เจ็บแน่นหน้าอก
1.7 คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง
1.8 รู้สึกวิงเวียน สมองตื้อ โคลงเคลง หรือจะเป็นลม1.9 ร้อน ๆ หนาว ๆ ตามตัว
1.10 รู้สึกตัวชา หรือรู้สึกซู่ซ่ารู้สึกเหมือนไม่อยู่กับความจริง (Derealization)
1.11 กลัวควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือเหมือนจะเป็นบ้า
1.12 กลัวตาย
อาการที่เกิดอย่างน้อยครั้งหนึ่ง จะต้องมีอาการอยู่เป็นเวลาตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป โดยเกิดอาการใดอาการหนึ่ง หรือทั้ง 2 อาการ
2.1 กังวลตลอดเวลาว่าจะเกิดมีอาการขึ้นอีก
2.2 การแสดงพฤติกรรมการปรับตัวที่ไม่มีประสิทธิภาพจะเกี่ยวข้องกับการเกิดอาการ ได้แก่การแสดงพฤติกรรมในการหลีกเลี่ยงการเกิดความกลัวอย่างรุนแรง (Panic attack)
อาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นผลต่อร่างกายจากการใช้สารต่าง ๆ
อาการ panic attack ไม่ได้เกิดจากโรคจิตเวชอื่นๆ
การรักษา
จิตบำบัด
การรักษาด้วยยา ได้แก่ ยากลุ่ม SSRI เช่น Fluoxetine และ Benzodiazepine เช่น Alprazolam
Phobia disorder
ความหมายเป็นความกลัวอย่างรุนแรง ไม่มีเหตุผล กลัวเกินเหตุ และเกิดขึ้นบ่อย โดยไม่สามารถระงับหรือหักห้ามความกลัวนั้นได้
ชนิดของ Phobia disorders แบ่งตาม DSM 5
โรคกลัวสิ่งเฉพาะเจาะจง (Specific phobia)
กลัวอย่างชัดเจน หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับวัตถุหรือสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง
วัตถุหรือสถานการณ์ที่กลัว จะกระตุ้นให้เกิดความกลัว หรือความวิตกกังวล เกือบทุกครั้ง
1 more item...
โรคกลัวสังคม (Social phobia หรือ Social anxiety disorder)
กลัวอย่างชัดเจน หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในสังคม ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึกกำลังถูกเฝ้ามองในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
1 more item...
โรคกลัวอยู่ในที่โล่ง หรือที่ชุมชน (Agoraphobia)
1 more item...
การรักษา
Specific phobia ใช้วิธีExposure therapy มากที่สุด
Social phobia ใช้วิธีการทำจิตบำบัดร่วมกับการใช้ยา ได้แก่ ยากลุ่ม SSRI เช่น Paroxetine ยา Benzodiazepine เช่น Clonazepam และยา Beta-adrenergic antagonist เช่น Propranolol
Obsessive Compulsive Disorders (OCD)
ความหมายเป็นการคิดหรือทำเรื่องหนึ่งเรื่องใดซ้ำๆ โดยไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่คิดหรือทำนั้นไม่สมเหตุสมผล ผู้ป่วยจะแสดงอาการย้ำคิดหรือ ย้ำทำ โดยไม่มีเหตุผล ไม่สามารถขัดขืนได้
เกณฑ์การวินิจฉัยโรค Obsessive-Compulsive Disorders ตาม DSM 5
แสดงอาการย้ำคิด หรืออาการย้ำทำหรือแสดงทั้งอาการย้ำคิดย้ำทำ
การย้ำคิด หรือการย้ำทำ เป็นการกระทำที่ใช้เวลามาก
อาการย้ำคิด-ย้ำทำจะไม่มีอาการทางร่างกายที่เป็นผลจากการได้รับสาร
การรักษา
พฤติกรรมบำบัด จะใช้หลัก Exposure และ Response prevention
การรักษาด้วยยา ยากลุ่ม SSRI เช่น Fluoxetine