Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3.2 การพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาจิตสังคมบุคคลที่มีความโกรธและความก้าวร้า…
บทที่ 3.2 การพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาจิตสังคมบุคคลที่มีความโกรธและความก้าวร้าว
ความหมาย
ความโกรธ (anger) เป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางด้านจิตใจและอารมณ์ของบุคคล เป็นประสบการณ์ของความรู้สึกทางอารมณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อารมณ์โกรธเป็นอารมณ์ที่ต่อเนื่องกันจากความรู้สึกขุ่นเคืองใจ ไปจนถึงความรู้สึกไม่พอใจที่รุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เกิดขึ้นเมื่อบุคคลรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคาม ไม่ปลอดภัย ถูกทำให้ผิดหวังจากสิ่งที่ตั้งใจ หรือตั้งเป้าหมายไว้
ลักษณะอาการและอาการแสดง
1) ด้านร่างกาย ระบบประสาทซิมพาทิติก (sympathetic) จะได้รับการกระตุ้นทำให้อัตราการเต้นหัวใจและความดันโลหิตสูงขึ้น หน้าแดง มือสั่น หายใจเร็วแรง ระดับสารอีพิเนฟริน (epinephrine), นอร์อีพิเนฟริน (norepinephrine) และระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ปวดศีรษะแบบไมแกรน หรืออาจมีผลกับระบบทางเดินอาหาร เช่น มีแผลในกระเพาะอาหาร หรือเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
2) ด้านจิตใจและอารมณ์ เกิดความขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ สูญเสียคุณค่า และศักดิ์ศรีในตนเอง คับข้องใจ วิตกกังวล หากบุคคลเก็บกดความรู้สึกเหล่านี้ที่เกิดจากความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่มีการระบายออกอย่างเหมาะสมก็จะทำให้เกิดความแปรปรวนของพฤติกรรมตามมา ได้แก่
ความไม่เป็นมิตร (hostility) เป็นปฏิกิริยาที่แสดงความเป็นปรปักษ์ และมีความประสงค์ร้าย เกิดขึ้นเมื่อบุคคลรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคามหรือขาดพลังอำนาจ
ความก้าวร้าว (aggression) เป็นปฏิกิริยาทางคำพูดหรือการกระทำที่โต้ตอบความรู้สึกโกรธหรือผิดหวังอย่างรุนแรง มุ่งที่จะให้เกิดผลต่อบุคคลและสิ่งอื่นๆรอบตัว
การกระทำที่รุนแรง (violence) เป็นปฏิริยาของพฤติกรรมก้าวร้าวที่แสดงออกด้วยการลงมือกระทำการทำร้ายหรือทำลายโดยตรง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อตนเอง ผู้อื่นหรือทรัพย์สินได้
แยกตัว (withdrawal) ออกจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์โกรธ เป็นการแสดงอารมณ์แบบไม่ตรงไปตรงมา (passive expression of anger) เกิดจากการที่บุคคลเก็บกดอารมณ์โกรธไว้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และเพิ่มความกดดันเรื่อยๆจนต้องแยกตัวออกจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์ มักจะใช้กลไกทางจิตแบบปฏิเสธความจริง (denial of reality) แบบถดถอย (regression)
ซึมเศร้า (depression) เป็นการเก็บกดอารมณ์โกรธไว้กับตนเอง ไม่กล้าแสดงออก เนื่องจากกลัวถูกสังคมประณาม กลัวอันตราย และผู้อื่นจะไม่รัก จึงหันความโกรธเข้าสู่ตนเอง (directed toward the sell) และใช้กลไกทางจิตแบบโทษตนเอง (introjection) แบบเก็บกต (repression) และแบบฝืนทำให้ตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริง (reaction formation)
สาเหตุการเกิดของความความโกรธ เกิดจากปัจจัย 3 ปัจจัย
1) ปัจจัยด้านชีวภาพ (biological factors)
สารสื่อประสารในสมอง เช่น สารซีโรโทนิน (serotonin) สารโดปามีน (dopamine) สารอีพิฟริน (epinephrine) และนอร์อีพิเนฟริน (norepinephrine) อยู่ในระดับผิดปกติ
การได้รับบาดเจ็บหรือความกระทบกระเทือนที่สมอง การมีเนื้องอกที่สมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือโรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น
การเจ็บป่วยทางกายอื่นๆ เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือการเจ็บป่วยทั้งแบบฉับพลันและเรื้อรังที่ส่งผลต่อความทุกข์ทรมาน และความมีคุณค่าในตนเอง หรือกระทบต่อความเป็นตัวตน อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะโกรธได้ง่าย
2) ปัจจัยด้านจิตใจ (psychological factors)
ด้านจิตวิเคราะห์ (psychoanalytic theory) ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ได้อธิบายถึงสัญชาติญาณของมนุษย์ ได้แก่ สัญชาติญาณแห่งการมีชีวิตและสัญชาติญาณแห่งการตายหรือความก้าวร้าว ซึ่งการแสดงความโกรธถือว่าเป็นสัญชาติญาณแห่งการตายของมนุษย์ มนุษย์จะแสดงความก้าวร้าวออกมาเพื่อดิ้นร้นต่อสู้ชีวิต ซึ่งเป็นการทำงานของจิตใต้สำนึกในการตอบสนองต่อแรงขับของความก้าวร้าว ในบางรายที่บุคคลเลือกที่ใช้กลไกทางจิตแบบโทษตนเอง (introjections) เพื่อจัดการกับความวิตกกังวลหรือความขัดแย้งภายใน ซึ่งภาวะตัวตน (ego) ไม่เข้มแข็งเพียงพอที่สามารถจัดการได้ก็จะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและทำร้ายตนเองในที่สุด
ด้านพฤติกรรมและการรู้คิด (cognitive-behavioral theory) กลุ่มแนวคิดนี้ได้อธิบายว่า พฤติกรรมที่แสดงออกของอารมณ์โกรธนั้น เป็นผลมาจากการเรียนรู้ต่อสิ่งเร้าที่ไม่ได้ดังใจที่ตนเองคาดหวังหรือกำหนดไว้ และแสดงความโกรธออกมาแล้วส่งผลให้บุคคลนั้นได้รับการตอบสนองเป็นผลลัพธ์ ทั้งการกระทำและความรู้สึกจากบุคคลรอบข้าง บุคคลนั้นจึงเรียนรู้กลวิธีเหล่านี้ไว้ใช้ในการตอบสนองสถานการณ์เช่นนี้อีก นอกจากนี้บุคคลที่มีความคิดความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น “ฉันต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากบุคคลที่ฉันให้ความสำคัญ” หรือ “เมื่อฉันทำดีกับใครฉันจะได้รับการตอบสนองกลับคืนมาเช่นกัน” อาจทำให้เกิดอารมณ์โกรธได้ง่ายกว่าบุคคลที่มีความคิดความเชื่อสมเหตุสมผล ซึ่งการเรียนรู้และความคิดความเชื่อเหล่านี้จะส่งผลกระทบให้บุคลลแสดงพฤติกรรมต่อบุคคลอื่นอย่างไม่สร้างสรรค์ส่งผลต่อสัมพันธภาพระหว่างกันได้
3) ปัจจัยด้านสังคม (psychosocial factors)
แนวคิดทางด้านสังคมวิทยา (sociocultural theory) อธิบายว่า เด็กที่ถูกทอดทิ้ง ถูกทำร้าย หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ มักมีภาวะเก็บกดและมักแสดงออกถึงพฤติกรรมไม่เป็นมิตรก้าวร้าว และอารมณ์รุนแรงได้
เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่มีพฤติกรรมรุนแรง ก็มักจะเลียนแบบพฤติกรรมของบิดา มารดา ผู้เลี้ยงดู หรือบุคคลใกล้ชิดได้
การพยาบาลบุคคลที่มีความโกรธ
1) การประเมินบุคคลที่มีภาวะโกรธ ควรประเมิน ดังนี้
ประเมินความเสี่ยงในการทำร้ายตนเอง และผู้อื่น
ประเมินบุคคลดังกล่าวว่ามีความขัดแย้งในจิตใจว่ามีสูงมาก หรือน้อยเพียงใด
ประเมินอาการทางร่างกาย ที่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อความโกรธ
ประเมินการใช้กลไกทางจิต ที่อาจจะเป็นผลเสียต่อการดำเนินชีวิต
ประเมินพื้นฐานอารมณ์ดั้งเดิมของผู้ป่วยและระดับความอดทนของผู้ป่วยแต่ละคน รวมทั้งระดับของการแสดงอารมณ์โกรธต่อสิ่งที่มากระตุ้นให้เกิดความโกรธ
ประเมินสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ หรือมีความเชื่อ หรือปรัชญาของชีวิตที่ยึดถืออย่างไร เพื่อจะช่วยเหลือตนเอง เมื่อเผชิญกับอารมณ์โกรธ
ประเมินระดับความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น
ประเมินความเข้าใจตนเองของผู้ป่วย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับบุคลิกภาพและอารมณ์โกรธของตนที่เกิดขึ้น
2) การวินิจฉัยทางการพยาบาล
เป้าหมายระยะสั้น
เพื่อลดภาวะเสี่ยงในการเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
เพื่อให้ระบายอารมณ์โกรธอย่างสร้างสรรค์
เพื่อป้องกันอันตรายจากโรคทางร่างกายที่มีความเชื่อมโยงจากอารมณ์โกรธ
เป้าหมายระยะยาว
เพื่อปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพและรูปแบบการเผชิญปัญหาที่สร้างสรรค์เมื่อมีความโกรธ
เพื่อพัฒนาทักษะในการปรับตัวและสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นเมื่อมีความโกรธ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเนื่องมาจากมีอารมณ์โกรธและไม่สามารถระบายอารมณ์โกรธได้อย่างสร้างสรรค์
การแสดงอารมณ์โกรธไม่เหมาะสมเนื่องจากขาดทักษะในการเผชิญปัญหาอย่างสร้างสรรค์
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนทางร่างกาย เนื่องจากมีภาววะความดันโลหิตสูงที่มีความสัมพันธ์กับอารมณ์โกรธ
ขาดทักษะในการสร้างสัมพันธภาพเนื่องจากอารมณ์โกรธ
รู้สึกผิดและคิดว่าตนเองด้อยค่าเมื่อมีอารมณ์โกรธ
3) กิจกรรมทางการพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดตามแบบแผนการสร้างสัมพันธภาพ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจในตัวพยาบาล
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึก เรื่องราวต่างๆ
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเรียนรู้และเข้าใจบุคลิกภาพและอารมณ์โกรธของตนเมื่อความโกรธของผู้ป่วยลดลง เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจธรรมชาติของอารมณ์โกรธและเชื่อมโยงอารมณ์โกรธต่อภาวะสุขภาพทางร่างกายตนเอง
ประเมินรูปแบบการเผชิญปัญหาของผู้ป่วยว่ามุ่งเน้นการแก้ไขปัญหา หรือมุ่งเน้นการการตอบสนองทางอารมณ์เพียงอย่างเดียว
จัดให้ผู้ป่วยเข้ากลุ่มกิจกรรมนันทนาการบำบัด ดนตรีบำบัด กลุ่มวาดภาพเพื่อระบายอารมณ์โกรธออกไปหรือจัดให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมผ่อนคลายอื่นๆ เช่น โยคะ ฝึกการหายใจ ทั้งนี้ขึ้นกับความเหมาะสมของแต่ละผู้ป่วย
ส่งเสริมและฝึกให้ผู้ป่วยใช้ทักษะการเผชิญอารมณ์โกรธอย่างสร้างสรรค์ เมื่อผู้ป่วยมีอารมณ์โกรธลดลงและยอมรับว่ามีวิธีการระบายอารมณ์โกรธอย่างสร้างสรรค์กว่าที่ผู้ป่วยเคยใช้มาก่อน เช่น การพูดระบายความรู้โกรธกับบุคคลที่ไว้วางใจ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลัง การนับเลข 1-100 การเล่นโยคะ การฝึกการหายใจ การใช้หลักศาสนาในการให้อภัย เป็นต้น
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้ากลุ่มกิจกรรมบำบัดร่วมกับเพื่อนผู้ป่วยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมคิดวิธีการแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์กว่าที่เคยใช้ หรือส่งเสริมให้ผู้ป่วยวางแผนในการปรับตัวใช้ทักษะการเผชิญอารมณ์โกรธอย่างสร้างสรรค์อย่างเป็นลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน โดยให้ผู้ป่วยเป็นผู้เลือกกิจกรรมที่ตนเองสนใจหรือคิดว่าเหมาะสอดคล้องกับบุคลิกของตนเอง วางแผนที่จะใช้กิจกรรมที่ตนเองสนใจอย่างเป็นลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์โกรธ และฝึกให้ผู้ป่วยทดลองดำเนินตามแผนที่วางจากสถานการณ์สมมติ
4) การประเมินผลทางการพยาบาล
ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการเผชิญความโกรธที่สร้างสรรค์ได้มากกว่าเดิม
ผู้ป่วยมีวิธีการระบายความรู้สึกโกรธที่สร้างสรรค์มากขึ้น โดยไม่ใช้วิธีการที่รุนแรงในการเผชิญความโกรธ
ผู้ป่วยและผู้อื่นปลอดภัยจากพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของผู้ป่วย
ผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงทางร่างกายที่เป็นผลจากอารมณ์โกรธลดลง
ผู้ป่วยมีวิธีการเผชิญปัญหาที่สร้างสรรค์มากขึ้น
ผู้ป่วยสามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นได้มากขึ้น หรือสามารสื่อสารกับผู้อื่นได้ตามความต้องการของตนได้อย่างเหมาะสม
ผู้ป่วยสามารถแสวงหาแหล่งประโยชน์ที่สนับสนุน ช่วยเหลือ เมื่อผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธ หรือพฤติกรรมก้าวร้าวไม่ได้