Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case G2P1-0-0-1 GA 23+3 wk. by date Elderly Pregnancy & Previous C/S…

- - - - ❗️Elderly Pregnancy
      - ❗️Overweight
      - คัดกรองเบาหวาน :check:
        
        ❗️GDMA2
      - คัดกรองธาลัสซีเมีย :check:
      - คัดกรองดาวน์ซินโดรม :check:
  - - - ปฏิเสธโรคประจำตัว
        
        ประวัติการผ่าตัด : Previous C/S ปี 2554
        ที่รพ.ตำรวจ
        
        ปฏิเสธการแพ้ยา/แพ้อาหาร
        
        ได้รับวัคซีนบาดทะยักครบ 3 เข็มเมือปี 2554 และได้รับเข็มกระตุ้นเมื่อ 9 ก.พ. 2564
        
        ❗️Previous C/S
    - - พี่สาวสามีเป็นแฝด 2 คน
        
        พ่อหญิงตั้งครรภ์เป็นเบาหวาน
- - - - ไตรมาสที่ 1
        (1-13 wk.)
        
        ANC ครั้งแรก 4+3 wk. by date
        ควรเพิ่มขึ้น 0.5-2.0 kg./ไตรมาส
        
        ไตรมาสที่ 1 เพิ่มขึ้นทั้งหมด 2.9 kg.❗️
      - ไตรมาสที่ 2
        (14-28 wk.)
        
        ควรเพิ่มขึ้น 0.23-0.33 kg./wk.
        เฉลี่ย 0.28 kg./wk.
        
        ไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นทั้งหมด 2 kg.
        เฉลี่ย 2/10 ~0.2 kg./wk.
        
        13-18 wk.
        เพิ่มขึ้น 0.5 kg.
        เฉลี่ย 0.5/5 ~0.1 kg./wk.
        
        18-19 wk.
        เพิ่มขึ้น 0.8 kg./wk.
        
        19-23 wk.
        เพิ่มขึ้น 0.7 kg.
        เฉลี่ย 0.7/4 ~0.18 kg./wk.
      - ไตรมาสที่ 3
        (29-42 wk.)
        
        ควรเพิ่มขึ้น 0.23-0.33 kg./wk.
        เฉลี่ย 0.28 kg./wk.
        
        น้ำหนักสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมากที่สุด 6.6 kg.
        หรือสามารถเพิ่มได้ ~0.3 kg./wk.
  - - - ไม่มีภาวะซีด
    - - ไม่มีฟันผุ
    - - ต่อมไทรอยด์ไม่โต กดไม่เจ็บ
    - - เต้านมและหัวปกติ ไม่บอด ไม่บุ๋ม
    - - ไม่มีบวมกดบุ๋ม
  - - - Linea nigra
        
        มีเส้นยาวแนวตรงกลางท้อง สีดำ
      - Striae gravidarum
        
        เห็นชัดเจนเป็นสีเงิน บริเวณผิวหน้าท้อง
      - ทารกอยู่ในแนว Oblique line
    - - ท่าที่ 1 Fundal grip
        
        1/4 มากกว่าสะดือ
        
        วัดขนาดหน้าท้องยาว 23 ซม.
      - ท่าที่ 2 Umbilical grip
        
        Large part อยู่ด้านขวา
        
        ทารกอยู่ในแนว Oblique line
      - ท่าที่ 3 Pawlik's grip
        
        Vertex presentation
        
        Head float
      - ท่าที่ 4 Bilateral inguinal grip
        
        Head float
    - - FHS ด้านขวา = 152 bpm
- - - - 168 mg/dL ⬆️
      - OGTT (3 พ.ย. 2563)
        glucose 100 g.
        
        FBS = 104 mg/dL⬆️
        
        1-hr. = 192 mg/dL⬆️
        
        2-hr. = 126 mg/dL
        
        3-hr. = 74 mg/dL
        
        FBS & 2-hr. (1 ธ.ค. 2563)
        
        FBS = 92 mg/dL⬇️
        
        2-hr. = 91 mg/dL⬇️
        
        ❗️GDMA1
        
        FBS & 2-hr. (29 ธ.ค. 2563)
        
        FBS = 108 mg/dL⬆️
        
        2-hr. = 123 mg/dL⬆️
        
        ❗️GDMA2
  - - - Hb = 10.8 g/dL⬇️
        
        Hct = 33.5 %
        
        MCV = 78.1 fL⬇️ ❗️
        
        MCH = 25.2 pg⬇️
        
        Platelet = 407,000/uL⬆️
      - Hb E screen (27 ต.ค. 2563)
        
        Positive❗️
        
        Hb Typing (5 ต.ค. 2563 : ผลเดิม)
        
        Hb E Trait❗️
        
        %Hb E = 30.1 %❗️
        
        CBC สามี (3 พ.ย. 2563)
        
        MCV = 84.5 ✅
        
        Hb Typing สามี (3 พ.ย. 2563)
        
        A2A
        
        normal non clinically significant thalassemia✅
        
        พ่อแม่ไม่เป็นคู่เสี่ยงโรคธาลัสซีเมียชนิดร้ายแรง✅
  - - - BPD 39.3 mm. = 17w6d
        
        HC 150.9 mm. = 18w3d
        
        AC 141.9 mm. = 19w4d
        
        FL 27.9 mm. = 18w4d
        
        EFW = 266 g. (ปกติ)
      - Heart action
        
        Fetal movement
        
        cephalic presentation
        
        Amniotic fluid : normal
        
        Cord : 3 vessels
        
        Placenta : posterior low, grade 1, structure normal
        
        Face : eye, nose, lip, palate,finger not examined
        
        Heart : 4-charmer view, vessels normal
        
        Appear normal
      - Normal growth
    - - แพทย์แจ้งว่ามีข้อเสียมากจากการที่ทารกนอนเฉียงจึงให้ทำเป็น MFM และ NIFTY
    - - มารดาแจ้งว่า ไม่ต้องการทำเนื่องจากผลออกช้า เกินอายุครรภ์ 20 ปี ทำให้ไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ทันหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น
- - - - สตรีตั้งครรภ์จะอายุ 35 ปีเมื่อถึงวันคลอด
    - - หญิงตั้งครรภ์
        
        อัตราการตายสูงขึ้น
        
        เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซ้อน ได้แก่ ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, แท้งบุตร, รกเกาะต่ำ ลอกก่อนกำหนด, ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด น้ำคร่ำน้อย, ระยะคลอดยาวนาน, ทารกผิดปกติ, ตกเลือดหลังคลอด
        
        หญิงสูงวัยมักมีโรคเรื้อรัง ทำให้ควบคุมยากขึ้น
        
        ปัญหาในระยะคลอด ได้แก่ preterm มีโอกาสผ่าคลอดสูงกว่าหญิงตั้งครรภ์อายุน้อย
      - ทารก
        
        เกิดความผิดปกติทางโครโมโซม โดยเฉพาะกลุ่ม Down syndrome
        
        ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์(IUGR) น้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่า 2,500 g.
        
        คลอดก่อนกำหนด หรือเกินกำหนด
        
        ทารกตัวโต คลอดไหล่ยาก
        
        อัตราการพิการ และตายปริกำเนิดสูงขึ้น
    - - ความดันโลหิตสูง
        
        ประวัติเป็นความดันโลหิตสูงมาก่อน, ประวัติโรคของคนในครอบครัว, ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง ได้แก่ ตั้งครรภ์แรก หญิงตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี เป็นเบาหวาน ครรภ์แฝด
        
        การวัดความดันโลหิต
        
        หญิงตั้งครรภ์และคนในครอบครัวไม่มีโรคความดันโลหิตสูงมาก่อน, เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
        
        หญิงตั้งครรภ์ไม่มีความดันโลหิตสูง
      - เบาหวาน
        
        GDMA2
      - ธาลัสซีเมีย
        
        พ่อแม่ไม่เป็นคู่เสี่ยงโรคธาลัสซีเมียชนิดร้ายแรง
      - ความผิดปกติของโครโมโซม โดยเฉพาะดาวน์ซินโดรม
        
        Invasive methods ได้แก่ การตัดชิ้นเนื้อรก การเจาะเลือดจากสายสะดือ การเจาะน้ำคร่ำ
        
        Non-invasive methods ได้แก่ การเจาะเลือดมารดา ร่วมกับการอัลตราซาวด์ดูอวัยวะสำคัญ
        
        มารดาคัดกรองโดยการทำอัลตราซาวด์(MFM)
  - - - หญิงตั้งครรภ์
        
        เบาหวานขณะตั้งครรภ์
        
        ความดันโลหิตสูง
        
        ลิ่มเลือดอุดตัน
        
        คลอดล่าช้า คลอดยาก
        
        การผ่าตัดทางหน้าท้อง
      - ทารก
        
        ภาวะแท้งบุตร
        
        เสียชีวิตในครรภ์
        
        เกิดความพิการ
        
        ทารกตัวโต
  - - - ผลการตั้งครรภ์ต่อโรคเบาหวาน
        
        ไตรมาสแรก : ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่สร้างจากรก จะกระตุ้นให้มีการสร้างอินซูลินเพิ่มขึ้น รวมทั้งระยะนี้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ทำให้สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานมีโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลต่ำในเลือด
        
        ไตรมาสที่ 2 และ 3 : มีการหลั่งฮอร์โมน HPL, Corisol, Prolactin ทำให้เกิดการดื้อต่ออินซูลิน ลดความทนต่อกลูโคส ทำให้มารดามีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
        
        ภาวะ Acidosis ได้ง่าย จากการคลื่นไส้ อาเจียน ขาดอาหารมากๆ ทำให้เกิด ketosis
        
        เกิดภาวะแทรกซ้อนจากความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น ไตแข็ง กรวยไตอักเสบ จอตาเสื่อมสภาพ
      - ผลของโรคเบาหวานต่อการตั้งครรภ์
        
        หญิงตั้งครรภ์
        
        ภาวะความดันโลหิตสูง
        
        ครรภ์แฝดน้ำ
        
        การติดเชื้อ
        
        น้ำตาลในเลือดต่ำ
        
        น้ำตาลในเลือดสูง
        
        การแท้ง ใน overt DM, GDMA1
        
        คลอดก่อนกำหนด
        
        การคลอดยากเนื่องจากทารกตัวใหญ่
        
        การตกเลือดหลังคลอด
        
        วิตกกังวล กลัวอันตรายต่อตนเองและทารก
        
        อัตราการเสียชีวิตของมารดาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
        
        ทารก
        
        แท้งบุตร
        
        พิการแต่กำเนิด
        
        ทารกตัวโต มากกว่า 4,000 g.
        
        ทารกตัวเล็กตัวเล็กกว่าอายุครรภ์ (IUGR)
        
        ทารกเสียชีวิตในครรภ์
    - - 1.ซักประวัติเพื่อค้นหาความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
        
        คนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน🟡
        
        อายุหญิงตั้งครรภ์มากกว่า 30 ปีขึ้นไป🟡
        
        ค่า BMI สูงกว่าปกติ คือ > 24.9 kg/m2🟡
        
        มีประวัติเคยพบเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในครรภ์ก่อน
        
        ประวัติมีความดันสูงก่อนหรือขณะตั้งครรภ์
        
        เคยคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4,000 g, แท้งบ่อยครั้ง, ทารกเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ
        2.ตรวจพบน้ำตาลกลูโคสในปัสสาวะ เมื่อมาฝาก 2 ครั้งหรือมากกว่า
        
        GCT(เพื่อหาความเสี่ยงเป็นเบาหวาน)
        โดยต้องมีค่า < 140 mg/dL✅
        หากมีค่า >= 140 mg/dL ❌
        นัดมาทำ OGTT อีก 1wk.
        
        OGTT(เพื่อยืนยันว่าเป็นเบาหวาน)
        glucose 100 gm.
        โดยต้องมีค่า < 95, 180, 155, 140 mg/dL✅
        หากมีค่า > 95, 180, 155, 140 mg/dL ❌
        ตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป
        นัดทำ FBS& 2 hr. PP อีก 1 เดือน
        
        104⬆️, 192⬆️, 126, 74 mg/dL
        
        ขั้นตอนการตรวจ
        
        ให้งดน้ำงดอาหาร ก่อนมาเจาะเลือดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
        
        เจาะเลือด 1 เข็ม เพื่อหาระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร FBS
        3.ให้รับประทานกลูโคส 100 gm. ผสมในน้ำอย่างน้อย 300-400 ml. ภายในเวลา 5 นาที
        
        เจาะเลือดอีก 3 เข็ม เพื่อหาระดับน้ำตาลเมื่อครบ 1, 2, 3 ชั่วโมงหลังรับประทานกลูโคส
        
        FBS& 2 hr. PP(เพื่อจำแนกชนิดของเบาหวาน)
        โดยถ้ามีค่า < 95, 120 mg/dL ⏩ GDMA1
        แต่ถ้าหากมีค่า > 95, 120 mg/dL ⏩ GDMA2
        
        1 ธ.ค. 2563 : 92⬇️, 91⬇️ mg/dL
        ✅GDMA1
        
        29 ธ.ค. 2563 : 108⬆️, 123⬆️ mg/dL
        ✅GDMA2
        
        ขั้นตอนการตรวจ
        
        งดน้ำงดอาหารก่อนมาเจาะเลือด 8 ชั่วโมง เจาะเลือด 1 เข็ม เพื่อหาระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร FBS
        3.ให้รับประทานอาหารตามปกติ
        
        เจาะเลือดอีก 1 เข็ม เพื่อหาระดับน้ำตาลเมื่อครบ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร
        
        168 mg/dL ⬆️
        
        ให้กินกลูโคส 50 gm.
    - - GDMA1
        
        ควบคุมอาหาร
      - GDMA2
        
        ควบคุมอาหาร และได้รับยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
        
        มารดาได้ควบคุมอาหารและยาอินซูลิน
        
        ยาอินซูลิน 8 unit ก่อนนอน ตั้งแต่ 13+3 wk.- 19+3 wk.
        
        ยาอินซูลิน 4 unit หลังอาหาร 3 มื้อ และ 12 unit ก่อนนอน ตั้งแต่ 19+3 wk. - 23+3 wk.
        
        ยาอินซูลิน 4 unit หลังอาหาร 3 มื้อ และ 14 unit ก่อนนอน ตั้งแต่ 23+3 wk.
        
        เจาะ DTX หลังอาหาร 3 มื้อ เพื่อติดตามระดับน้ำตาลในเลือด
  - - - เสี่ยงมดลูกแตก
      - มีโอกาสผ่าตัดคลอดซ้ำในครรภ์ต่อไป เมื่ออายุครรภ์ 38 wks.
      - เสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อ
    - - มีโอกาสติดเชื้อสูง
      - เสียชีวิต
      - Apgar score < 7
- - - - โปรตีน : ทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป ใช้วิธีปรุงโดยการต้ม ตุ๋น นึ่ง ลวก อบ ย่าง
      - ผัก : ผักใบชนิดต่างๆ เช่น ผักกาด คะน้า ตำลึง ทานได้มากตามต้องการ มีใยอาหารและวิตามินมาก หลีกเลี่ยงผักหัวและถั่วต่างๆ
      - ผลไม้ : ควรทานผลไม้แทนขนม เลือกทานผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย รสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ส้มเขียวหวาน ส้มโอ มะละกอ แอปเปิ้ล สาลี่ แก้วมังกร ผลไม้ที่ควรงด มีรสหวานและน้ำตาลมาก เช่น เงาะ ทุเรียน ลำไย ขนุน น้อยหน่า ละมุด
      - น้ำนม : เป็นสารอาหารจำเป็น ควรดื่มนมจืด และพร่องมันเนย หรือขาดมันเนย ไม่ควรดื่มนมหวาน นมเปรี้ยว โยเกิร์ต
      - คาร์โบไฮเดรต : เลือกทานข้าวซ้อมมือหรือขนมปังโฮลวีต หลีกเลี่ยงการทานข้าวเหนียว
      - ไขมัน : หลีกเลี่ยงการผัดและทอด หากจำเป็นควรเลือกใช้ไขมันจากพืช หลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์
- - - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        SD : -
        OD :
        
        หญิงตั้งครรภ์เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDMA2)
        
        หญิงตั้งครรภ์มีภาวะ overweight
        
        หญิงตั้งครรภ์เป็น elderly pregnancy
      - วัตถุประสงค์
        
        หญิงตั้งครรภ์ไม่เกิดการแท้งบุตร
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        FHS = 110-160 bpm
        
        ผลตรวจน้ำตาลในปัสสาวะเป็น negative
        
        การตรวจครรภ์ ขนาดท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์
        
        น้ำหนักเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ คือ 0.5-2.0 kg./ไตรมาส
        
        ไม่มีอาการปกติ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือปวดเกร็งมดลูก
        
        U/S พบสุขภาพทารกในครรภ์สมบูรณ์
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        วัดสัญญาณชีพ เพื่อประเมินอาการ และประเมินน้ำหนักตัว
        
        ประเมินอายุครรภ์ รวมทั้งขนาดหน้าท้อง
        
        ประเมิน FHS เพื่อตรวจการมีชีวิตอยู่ของทารกในครรภ์
        
        ประเมินระดับน้ำตาลในปัสสาวะทุกครั้งที่มาฝากครรภ์
        
        แนะนำให้หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือทำงานหนัก งดมีเพศสัมพันธ์ในไตรมาสแรก
        
        แนะนำให้รับประทานอาหารหวานน้อย ลดคาร์โบไฮเดรต เน้นทานโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่
        
        แนะนำอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ทันที เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องอย่างรุนแรง ปวดเกร็งมดลูก
        
        U/S ดูสภาพทารกในครรภ์ตามแผนการรักษา
      - การประเมินผล
        
        FHS = 150 bpm
        
        ผลตรวจน้ำตาลในปัสสาวะเป็น negative
        
        ขนาดหน้าท้องสัมพันธ์กับอายุครรภ์
        
        น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าเกณฑ์ คือ 2.9 kg.
        
        ไม่มีอาการผิดปกติ ไม่มีเลือดออกทางช่องคลอด ไม่มีอาการปวดท้องรุนแรง
        
        U/S ไม่พบความผิดปกติ เจริญเติบโตตามอายุครรภ์
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        SD : -
        OD :
        
        หญิงตั้งครรภ์อายุ 34 ปี
        
        BMI = 29.27 kg/m2
        
        พ่อของหญิงตั้งครรภ์เป็นเบาหวาน
      - วัตถุประสงค์
        
        คัดกรองความเสี่ยงของการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์เพื่อวางแผนการดูแล
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        1.ค่า GCT
        
        มีค่า < 140 mg/dL ไม่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
        
        มีค่า >= 140 mg/dL เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
        
        ค่า OGTT 95, 180, 155, 140 mg/dL
        มีค่าผิดปกติมากกว่า 2 ค่า จะเป็นโรคเบาหวาน
        
        FBS& 2 hr. PP
        
        มีค่า < 95, 120 mg/dL ⏩ GDMA1
        
        มีค่า > 95, 120 mg/dL ⏩ GDMA2
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ซักประวัติเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เช่น อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัว ประวัติการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา
        
        2.ให้ความรู้เกี่ยวกับเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ประเภทของเบาหวาน วิธีการคัดกรองและวินิจฉัย
        
        คัดกรองความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คือ การตรวจ GCT การกินกลูโคส 50 g. จากนั้นวัดระดับค่าน้ำตาลในเลือด ถ้า มีค่า < 140 mg/dL ไม่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน แต่ถ้าหากมีค่า >= 140 mg/dL จะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน และต้องนัดมาตรวจ OGTT ในอีก 1 wk.
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจ OGTT ได้แก่ ให้งดน้ำงดอาหาร ก่อนมาเจาะเลือดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง, จะได้รับการเจาะเลือด 4 เข็ม คือ 1. FBS ขณะอดอาหาร 2. หลังทานน้ำตาล 1 ชั่วโมง 3. หลังทานน้ำตาล 2 ชั่วโมง 4. หลังทานน้ำตาล 3 ชั่วโมง
        
        4.ตรวจ OGTT เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานโดยเจาะเลือด 4 เข็ม
        
        เข็ม1 FBS เจาะเมื่อผู้ป่วยมาถึงขณะอดอาหาร
        จากนั้นให้ทานน้ำตาลกลูโคส 100 gm. ผสมในน้ำอย่างน้อย 300-400 ml. ภายใน 5 นาที
        
        เข็ม2 1-hr. PP เจาะเมื่อทานน้ำตาลกลูโคสครบ 1 ชั่วโมง
        
        เข็ม3 2-hr. PP เจาะเมื่อทานน้ำตาลกลูโคสครบ 2 ชั่วโมง
        
        เข็ม4 3-hr. PP เจาะเมื่อทานน้ำตาลกลูโคสครบ 3 ชั่วโมง
        โดยค่าปกติ คือ 95, 180, 155, 140 mg/dL
        หากค่าที่ได้ผิดปกติน้อยกว่า 1 ค่าแสดงว่าไม่เป็นโรคเบาหวาน
        แต่ถ้าหากค่าที่ได้ผิดปกติมากกว่า 2 ค่าขึ้นไป แสดงว่าเป็นโรคเบาหวาน และนัดอีก 1 เดือนเพื่อตรวจจำแนกประเภทของโรคเบาหวานโดยการตรวจ FBS & 2-hr. PP
        
        ตรวจ FBS & 2-hr. PP
        งดน้ำงดอาหาร และจะได้รับการเจาะเลือด 2 เข็ม
        
        เข็ม1 FBS เจาะเมื่อผู้ป่วยมาถึง
        จากนั้นให้ทานอาหารตามปกติ
        
        เข็ม2 2-hr. PP เจาะเมื่อทานอาหารตามปกติ
        โดยถ้ามีค่า < 95, 120 mg/dL ⏩ GDMA1
        แต่ถ้าหากมีค่า > 95, 120 mg/dL ⏩ GDMA2
        และหากเป็น GDMA1 ต้องนัดมาตรวจ FBS & 2-hr. PP ทุกเดือนจนกว่าจะคลอด เนื่องจากสามารถเปลี่ยนเป็น GDMA2 ได้
        
        ให้คำแนะนำเกี่ยวการรักษาและการดูแลตนเองของโรคเบาหวานแต่ละประเภท
        
        GDMA1 ควบคุมอาหาร
        
        GDMA2 ควบคุมอาหารร่วมกับการให้ยาลดระดับน้ำตาล
      - การประเมินผล
        
        ค่า GCT = 168 mg/dL⬆️ เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
        
        ค่า OGTT = 104⬆️, 192⬆️, 126, 74 mg/dL เป็นโรคเบาหวาน
        
        FBS & 2-hr. PP (1 ธ.ค. 2563) = 92⬇️, 91⬇️ mg/dL⏩GDMA1
        (29 ธ.ค. 2563) = 108⬆️, 123⬆️ mg/dL⏩GDMA2✅
        
        รักษาโดยการให้ควบคุมอาหารและใช้ยาละระดับน้ำตาลในเลือด
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        SD :
        OD :
        
        หญิงตั้งครรภ์อายุ 34 ปี เป็นการตั้งครรภ์ elderly pregnancy ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการส่งผลให้ทารกมีความผิดปกติ
      - วัตถุประสงค์
        
        ป้องกันการเกิดความผิดปกติ หรือยุติตั้งครรภ์ในทารกที่มีความผิดปกติ
      - เกณฑ์การประเมินผล
        
        FHS = 110-160 bpm
        
        U/S ไม่พบความผิดปกติ ไม่พบลักษณะของ Down syndrome
        
        ผลตรวจเลือดของมารดาNIFTY ไม่พบความผิดปกติของทารก
        
        การเจาะน้ำคร่ำ ไม่พบความผิดปกติของโครโมโซม
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์สูงวัย หรือelderly pregnancy ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตัวมารดาและทารก โดยเฉพาะความเสี่ยงที่ทารกจะเป็น Down syndrome
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการตรวจความผิดปกติในทารกรวมทั้งข้อดีข้อเสีย ได้แก่ การตัดชิ้นเนื้อรก การเจาะเลือดจากสายสะดือ การเจาะน้ำคร่ำ การเจาะเลือดมารดาร่วมกับการอัลตราซาวด์ดูอวัยวะ
        
        ประเมิน FHS เพื่อตรวจความผิดปกติของทารกในครรภ์
        
        ให้มารดาเลือกและเข้ารับการตรวจความผิดปกติตามแผนการรักษาของแพทย์และการตัดสินใจของมารดาก่อนอายุครรภ์ 19 wk.
        
        ติดตามผลการตรวจความผิดปกติของทารกในครรภ์
      - การประเมินผล
        
        มารดาได้เลือกทำแค่อัลตราซาวด์ MFM ไม่พบความผิดปกติ การเจริญเติบโตเป็นไปตามอายุครรภ์
        
        มารดาไม่เจาะถุงน้ำคร่ำ
        
        มารดาไม่เจาะเลือดตรวจ NIFTY
  - - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        SD :
        
        มารดาบอกว่า “ลืมฉีดยาอินซูลิน 12 unit ไป 1 dose”
        OD :
        
        ครรภ์ที่ 2 อายุครรภ์ 23+3 สัปดาห์
        
        GCT = 168 mg/dL⬆️
        
        OGTT = 104⬆️, 192⬆️, 126, 74 mg/dL
        
        FBS & 2-hr. PP = 108⬆️, 123⬆️ mg/dL
        
        แพทย์วินิจฉัยเป็น GDMA2
        
        มารดาได้รับอินซูลิน 4 unit หลังอาหาร 3 มื้อ และ 14 unit ก่อนนอน
      - วัตถุประสงค์
        
        เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        ค่าน้ำตาลปลายนิ้ว DTX อยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดไว้ 80-130 mg/dl
        
        มารดาฉีดอินซูลินตามแผนการรักษาของแพทย์ ไม่ลืมฉีดอินซูลิน
        
        มารดาสามารถรับประทานอาหารตามคำแนะนำ ควบคุมอาหารได้
        
        ไม่มีการเหงื่อออก ตัวเย็น หรือผิวหนังแห้ง ตาลึกโบ๋คลื่นไส้อาเจียน ซึมลง หรือหมดสติ
        
        สัญญาณชีพปกติ อัตราการหายใจ 12 – 22 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมอ ชีพจร 60 – 100 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมอ
        ความดันโลหิต 90/60 – 140/90 มิลลิเมตรปรอท อุณหภูมิ 36.5 – 37.4 องศาเซลเซียส
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินสัญญาณชีพ
        
        อัตราการหายใจ 12 – 22 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมอ
        
        ชีพจร 60 – 100 ครั้ง/นาที สมํ่าเสมอ
        
        ความดันโลหิต 90/60 – 140/90 มิลลิเมตรปรอท
        
        อุณหภูมิ 36.5 – 37.4 องศาเซลเซียส
        
        ประเมินอาการแสดงของภาวะน้ำตาลสูง/ต่ำ ได้แก่ ไม่มีการเหงื่อออก ตัวเย็น หรือผิวหนังแห้ง ตาลึกโบ๋คลื่นไส้อาเจียน ซึมลง หรือหมดสติ
        
        แนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดหวาน ลดคาร์โบไฮเดรต เน้นทานโปรตีน เนื้อ นม ไข่ ให้รับประทานตามคำแนะนำ
        
        เน้นย้ำให้ฉีดอินซูลินตรงเวลาและสม่ำเสมอ คือ Novorapid penfill 3 ML. ครั้งละ 4 unit SC หลังอาหาร 3 มื้อ และ Gensulin 100 IU/ML (NPH) ครั้งละ 14 unit INJ. ก่อนนอน ตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        แนะนำให้มารดามาตรวจตามนัดเพื่อติดตามอาการผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด
        
        เน้นย้ำให้เจาะน้ำตาล DTX หลังอาหารทั้ง 3 มื้อ ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - การประเมินผล
        
        มารดารับประทานอาหารตามคำแนะนำ
        
        ค่า DTX บางครั้งที่สูงกว่าเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดไว้
        
        มารดาไม่ลืมฉีด Novorapid penfill 3 ML. ครั้งละ 4 unit SC หลังอาหาร 3 มื้อ และ Gensulin 100 IU/ML (NPH) ครั้งละ 14 unit INJ. ก่อนนอน
        
        สัญญาณชีพปกติ BP = 108/57, PR = 96
        
        ไม่มีการเหงื่อออก ตัวเย็น หรือผิวหนังแห้ง ตาลึกโบ๋คลื่นไส้อาเจียน ซึมลง หรือหมดสติ
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        SD : -
        OD :
        
        มารดามีประวัติเป็นเบาหวาน
        
        มารดาได้รับยาอินซูลิน 4 unit หลังอาหาร 3 มื้อ และ 14 unit ก่อนนอน
      - วัตถุประสงค์
        
        ป้องกันภาวะ IUGR/macrosomia
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        ค่าน้ำตาลปลายนิ้ว DTX อยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดไว้ 80-130 mg/dl
        
        มารดาฉีดอินซูลินตามแผนการรักษาของแพทย์ ไม่ลืมฉีดอินซูลิน
        
        มารดาสามารถรับประทานอาหารตามคำแนะนำ ควบคุมอาหารได้
        
        U/S ไม่พบภาวะ IUGR/macrosomia
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        อธิบายความเสี่ยงจาการที่มารดาเป็นเบาหวาน โดยทารกอาจมีภาวะ IUGR/macrosomia
        
        เน้นย้ำให้ฉีดอินซูลินตรงเวลาและสม่ำเสมอ คือ Novorapid penfill 3 ML. ครั้งละ 4 unit SC หลังอาหาร 3 มื้อ และ Gensulin 100 IU/ML (NPH) ครั้งละ 14 unit INJ. ก่อนนอน ตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        เน้นย้ำให้เจาะน้ำตาล DTX หลังอาหารทั้ง 3 มื้อ ตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        ติดตามผล U/S เพื่อดูภาวะ IUGR/macrosomia
        
        แนะนำให้มารดามาตรวจตามนัดเพื่อติดตามอาการผิดปกติ
      - การประเมินผล
        
        มารดารับประทานอาหารตามคำแนะนำ
        
        ค่า DTX บางครั้งที่สูงกว่าเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดไว้
        
        มารดาไม่ลืมฉีด Novorapid penfill 3 ML. ครั้งละ 4 unit SC หลังอาหาร 3 มื้อ และ Gensulin 100 IU/ML (NPH) ครั้งละ 14 unit INJ. ก่อนนอน
        
        U/S ไม่พบภาวะ IUGR/macrosomia