Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 5
ผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงต่อการมีการเจริญเติบโตที่ไม…
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 5
ผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงต่อการมีการเจริญเติบโตที่ไม่สมวัยหรือต่ำกว่าเกณฑ์เนื่องจากดูดนม / รับประทานอาหารได้น้อย
กิจกรรมการพยาบาล
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนช่วงสั้น ๆ ก่อนมื้อนม / อาหารเพื่อสะสมพลังให้เพียงพอที่จะใช้การดูดนม / เดี๋ยวกลืนอาหารและจัดให้อยู่ในบรรยากาศที่สงบเพราะจะช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายจะกระตุ้นให้รับประทานอาหารได้ดีขึ้น
- ในเด็กโตควรได้รับอาหารให้ครบ 5 หมู่และมีจำนวนแคลอรีสูงกว่าปกติ (100-120 แคลอรี่กิโลกรัม / วัน) คือประมาณ 130-180 แคลอรี / กิโลกรัม / วันเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอกับการเผาผลาญพลังงานของร่างกายที่สูงขึ้นจากที่มีอาการหายใจเร็วและหัวใจเต้นเร็วและทดแทนปริมาณอาหารต่อมื้อที่รับประทานได้น้อยกว่าเด็กปกติ
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารวันละ 3 มื้อและควรจัดหาเครื่องปรุงรสที่ไม่ขัดต่อแผนการรักษาเพื่อกระตุ้นความอยากอาหารบางรายอาจมีอาหารว่างระหว่างมื้อรวมทั้งส่งเสริมให้บิดามารดาร่วมรับประทานอาหารกับผู้ป่วยด้วย
- ดูแลให้นมแก่ผู้ป่วยตามแผนการรักษาโดยให้มื้อละปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งอาจให้นมประมาณ 5-6 มื้อต่อวัน
- ในเด็กเล็กควรป้อนอาหารอ่อนให้แก่ผู้ป่วยทีละน้อยให้มีช่วงพักไม่ควรให้ปริมาณอาหารมากเกินไปในแต่ละมื้อและควรจัดให้นอนท่าศีรษะสูง (semi-Fowler's position) จะช่วยส่งเสริมการกลืนของเด็กซึ่งแรงโน้มถ่วงของโลกจะช่วยลดแรงดันที่บริเวณหัวใจและปอดลง
- สังเกตและบันทึกปริมาณอาหารที่ผู้ป่วยรับประทานหรือนมในแต่ละมื้อวันอย่างละเอียดจะช่วยประเมินปริมาณอาหาร / นมที่ได้รับว่าเพียงพอหรือไม่และคำนวณจำนวนแคลอรีที่ได้รับ
- ในรายที่ผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหารคลื่นไส้อาเจียนรับประทานอาหารได้น้อยหรือดูดนมได้ไม่หมดบ่อยครั้งควรรายงานแพทย์ทราบแพทย์อาจปรับแผนการรักษาให้อาหารอ่อนย่อยง่ายในเด็กโตส่วนในเด็กเล็กอาจลดปริมาณนมแต่ละมื้อลงและเพิ่มจำนวนมื้อนมในแต่ละวัน
- ติดตามชั่งน้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพื่อประเมินภาวะโภชนาการ
- แนะนำให้มารดากระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวและช่วยเหลือตนเองในการรับประทานอาหารเองถ้าสภาพร่างกายพร้อม
- ในรายที่จำเป็นต้องรับการผ่าตัดควรแนะนำบิดามารดาเกี่ยวกับการส่งเสริมโภชนาการแก่บุตรในระยะก่อนการผ่าตัดหลังการผ่าตัดรวมทั้งเมื่อกลับไปดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องที่บ้าน
เกณฑ์ประเมินผล
- ผู้ป่วยมีน้ำหนักและส่วนสูงใกล้เคียงกับเกณฑ์ปกติตามวัยหรือเป็นไปตามเกณฑ์
- ปริมาณนม / อาหารที่ได้รับในแต่ละมื้อเพียงพอ
- จำนวนแคลอรีที่ได้รับในแต่ละวันเพียงพอ
-
-
Analysis
VSD ความผิดปกติของผนังกั้นหัวใจห้องล่าง (Ventricular Septal Defect) เป็นความพิการของหัวใจที่มีทางเปิดติดต่อถึงกันระหว่างหัวใจห้องว่างซ้ายและขวา สาเหตุเกิดจากการไหลเวียนโลหิตของทารกในครรภ์ไม่ทำให้เด็กที่มีความพิการมีรูรั่วติดต่อระหว่างหัวใจห้องว่างซ้ายและขวาเกิดอันตรายแม้จะมีขนาดใหญ่ทั้งนี้เพราะมีแรงต้านทานของเส้นเลือดที่ไปปอดสูงทำให้ จำกัดการไหลลัดวงจรของเลือดจากซ้ายไปขวาเมื่อเด็กเกิดแล้ว ความสำคัญของเลือดไหลลัดวงจรจากซ้ายไปขวาขึ้นอยู่กับขนาดความผิดปกติและอัตราส่วนของแรงต้านทานของหลอดเลือดทั่วร่างกายกับหลอดเลือดในปอด ความดันในหัวใจห้องล่างซ้ายมากกว่าด้านขวาเลือดจึงผ่านรูรั่วที่เปิดจากซ้ายไปขวาเมื่อเลือดลัดวงจรจากซ้ายไปขวานาน ๆ เข้า ถ้าแรงต้านทานของหลอดเลือด Pulmonary สูงกว่าแรงต้านทานของหลอดเลือดทั่วร่างกายจะทำให้มีการไหลกลับของเลือด (Reversal of Flow) คือ แทนที่เลือดจะไปสู่ปอดเลือดจะลัดวงจรไหลย้อนผ่านช่องเปิดจากหัวใจห้องล่างขวาไปสู่หัวใจห้องล่างซ้าย (Right to Left Shunt) ปรากฎการณ์นี้เรียกว่า Eisenmenger's Syndrome ทำให้เด็กมีตัวเขียว อาการทางคลินิกขึ้นอยู่กับอายุน้ำหนักและขนาดของรูรั่วพวกที่มีความพิการเล็ก เลือดจากซ้ายไปขวาไม่มาก ความดันในเส้นเลือดแดงที่ไปปอดปกติ เด็กอาจจะไม่แสดงอาการผิดปกติ ตลอดจนมีการเจริญเติบโตตามปกติ รูรั่วอาจปิดได้เองเมื่อเด็กมีอายุมากขึ้น ส่วนเด็กที่มีความพิการขนาดกลางหรือใหญ่ ระหว่างวัยแรกเกิดถึงทารก อาจทำให้มีเลือดคั่งในปอดมาก เกิดอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย พัฒนาการทางกายช้า ดูดนมลำบาก ต้องพักเหนื่อย เกิดการติดเชื้อที่ปอดบ่อย ตัวเล็กกว่าเด็กปกติ
-