การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช
บุคคลที่มีกลุ่มโรคจากเหตุสะเทือนขวัญและความเครียด
- ความหมาย ลักษณะอาการและอาการแสดง
1.1 ความหมาย
กลุ่มโรคจากเหตุสะเทือนขวัญและความเครียด (trauma- and stressor - related disorder) เป็นกลุ่ม
โรคพบที่ได้ภายหลังการประสบเหตุการณ์ในชีวิต แบ่งออกเป็นโรคชนิดต่างๆหลากหลายโรคด้วยกัน ตามระยะเวลา
และความรุนแรงของเหตุการณ์ที่มากระทบ ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment
disorder), โรคเครียดแบบเฉียบพลัน (acute stress disorder : ASD) และโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือน
ขวัญ (post-traumatic stress disorder : PDST
1.2 ลักษณะอาการและอาการแสดง
- ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
- โรคเครียดแบบเฉียบพลัน (acute stress disorder: ASD)
เป็นการตอบสนองภายใน 3 เดือนนับเริ่มต้น
ความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตที่พบได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เลิกกับคนรัก, ปัญหาทางธุรกิจ, ปัญหาในชีวิตสมรส หรือ
ความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตที่เกิดตามพัฒนาการ เช่น การไปโรงเรียน, การแต่งงาน, การคลอดลูก ซึ่งอาจมีด้านเดียว
เป็นโรคที่มีอาการและอาการแสดงตั้งแต่3 วันขึ้นไปจนถึง 1 เดือนหลังเผชิญ
1) มีอาการในรูปแบบต่าง ๆเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามผุดขึ้นมาซ้ำ ๆ(intrusion) ตั้งแต่ 1 ข้อต่อไปนี้ขึ้นไป
2) มีความนึกคิดและอารมณ์เปลี่ยนไปในทางลบหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคาม (negative mood and dissociation) ตั้งแต่ 2 ข้อต่อไปนี้ขึ้นไป
- ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามผุดขึ้นมาซ้ำ ๆโดยไม่ตั้งใจ
และก่อให้เกิดความทุกข์ กรณีเป็นเด็กอาจมีการเล่นซ้ำ ๆในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้น
- มีการฝันถึงเนื้อหาหรืออารมณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูก
คุกคาม กรณีเป็นเด็กอาจมีการฝันร้ายโดยจำเนื้อหาไม่ได้
- มีการกระทำหรือมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้น
กำลังเกิดขึ้นอีก (flashback) อาการเป็นได้ตั้งแต่ระดับน้อยจนถึงรุนแรงมาก เช่น หลุดโลกจนไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่ง
รอบตัวในขณะนั้น กรณีเป็นเด็กอาจมีการแสดงบทบาทเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นออกมาในการเล่น
- มีความทุกข์ใจอย่างหนักและยาวนานในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือ
คล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้น
- มีปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือคล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่
เผชิญหรือถูกคุกคามนั้นทั้งภายในและภายนอกทางร่างกายที่เกิดขึ้นชัดเจน
- ไม่สามารถระลึกถึงส่วนสำคัญของเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
- มีความเชื่อและความคาดหวังกับตัวเอง คนอื่น และโลกภายนอกในแง่ลบอย่างเกินจริงตลอด
- มีความคิดเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นบิดเบือนไปจากความ
เป็นจริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้โทษตัวเองหรือผู้อื่น
- มีสภาวะอารมณ์ทางลบอย่างต่อเนื่อง เช่น กลัว โกรธ อาย รู้ผิด
- ความสนใจหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ลดลงอย่างมาก
- รู้สึกแปลกแยกจากผู้อื่น
- ไม่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ทางบวกได้ เช่น ไม่รู้สึกสุข, พอใจ, รัก
3) มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงเมื่อเจอสิ่งเร้าที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นตั้งแต่ 1 ข้อขึ้นไป
- หลีกเลียงหรือพยายามจะเลี่ยงความทรงจำ ความคิด ความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
- หลีกเลียงสิ่งภายนอกที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น เช่น ผู้คน สถานที่ บทสนทนากิจกรรม วัตถุ หรือสถานการณ
4) มีอาการตื่นตัวเปลี่ยนไปอย่างมากหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป
- หงุดหงิดและโกรธง่าย
- มีพฤติกรรมบ้าบิ่น หรือทำร้ายตัวเอง
- ระแวดระวังมากไป
- ตกใจมากกว่าปกติ
- ปัญหาด้านสมาธิ
- ปัญหาการนอน เช่น หลับยาก, หลับไม่สนิท, นอนไม่เต็มอิ่ม
- โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (post-traumatic stress disorder: PDST) เป็นโรคที่
เป็นโรคที่มีอาการและอาการแสดงตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปบางรายอาจช้าเป็นปีก็ได้
1) มีอาการในรูปแบบต่าง ๆที่เกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามผุดขึ้นมาซ้ำ ๆ(intrusion) ตั้งแต่ 1 ข้อขึ้นไป
- มีความทรงจำซึ่งทำให้เป็นทุกข์เกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามผุด
ขึ้นมาซ้ำ ๆโดยไม่ตั้งใจ กรณีเป็นเด็กอาจมีการเล่นซ้ำ ๆในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญนั้น
- มีการฝันถึงเนื้อหาหรืออารมณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูก
คุกคาม กรณีเป็นเด็กอาจมีการฝันร้ายโดยจำเนื้อหาไม่ได้
- มีการกระทำหรือมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้น
กำลังเกิดขึ้นอีก (flashback) อาการเป็นได้ตั้งแต่ระดับน้อยจนถึงรุนแรงมาก เช่น หลุดโลกจนไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่ง
รอบตัวในขณะนั้น กรณีเป็นเด็กอาจมีการแสดงบทบาทเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นออกมาในการเล่น
- มีความทุกข์ใจอย่างหนักและยาวนานในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือ
คล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้น
- มีปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือคล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่
เผชิญหรือถูกคุกคามนั้นทั้งภายในและภายนอกทางร่างกายที่เกิดขึ้นชัดเจน
2) มีความนึกคิดและอารมณ์เปลี่ยนไปในทางลบหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคาม (negative ood and dissociation) ตั้งแต่ 2 ข้อต่อไปนี้ขึ้นไป
- ไม่สามารถระลึกถึงส่วนสำคัญของเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
- มีความเชื่อและความคาดหวังกับตัวเอง คนอื่น และโลกภายนอกในแง่ลบอย่างเกินจริงตลอด
- มีความคิดเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นบิดเบือนไปจากความ
เป็นจริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้โทษตัวเองหรือผู้อื่น
- มีสภาวะอารมณ์ทางลบอย่างต่อเนื่อง เช่น กลัว โกรธ อาย รู้ผิด
- ความสนใจหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ลดลงอย่างมาก
- รู้สึกแปลกแยกจากผู้อื่น
- ไม่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ทางบวกได้ เช่น ไม่รู้สึกสุข, พอใจ, รัก
3) มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงเมื่อเจอสิ่งเร้าที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นตั้งแต่ 1 ข้อขึ้นไป
- หลีกเลียงหรือพยายามจะเลี่ยงความทรงจำ ความคิด ความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
- หลีกเลียงสิ่งภายนอกที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น เช่น ผู้คน สถานที่ บทสนทนากิจกรรม วัตถุ
4) มีอาการตื่นตัวเปลี่ยนไปอย่างมากหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป
- หงุดหงิดและโกรธง่าย
- มีพฤติกรรมบ้าบิ่น หรือทำร้ายตัวเอง
- ระแวดระวังมากไป
- ตกใจมากกว่าปกติ
- ปัญหาด้านสมาธิ
- ปัญหาการนอน เช่น หลับยาก, หลับไม่สนิท, นอนไม่เต็มอิ่ม
- สาเหตุ การบำบัดรักษาข
2.1 สาเหตุของกลุ่มโรคจากเหตุสะเทือนขวัญ
- ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
- โรคเครียดแบบเฉียบพลัน (acute stress disorder: ASD)
1) ปัจจัยทางด้านชีวภาพ
2) ปัจจัยทางจิตสังคม
พบว่า ผู้ที่มีประวัติความเจ็บป่วยรุนแรง เรื้อรัง ทุพพลภาพ หรือมีความ
ผิดปกติทางด้านสมองมักมีความเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป
- ความสัมพันธ์ร่วมกันของลักษณะภาวะความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตทั้งที่พบได้ในชีวิตประจำวัน
และที่เกิดขึ้นตามพัฒนาการกับสภาวะแวดล้อมของผู้ป่วยในขณะนั้น เช่น ขณะบุคคลตั้งครรภ์ใกล้คลอดแล้วสามีเกิด
ประสบอุบัติเหตุ ความกดดันย่อมรุนแรงมากกว่าขณะที่บุคคลนั้นตั้งครรภ์แล้วใกล้คลอดตามปกติ
- ผู้ที่มีพื้นอารมณ์แต่กำเนินที่มีความวิตกกังวลสูงจะมีโอกาสเกิดปฏิกิริยารุนแรงต่อเหตุการณ์
กดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตและตามมาด้วยภาวะปรับตัวผิดปกติ
- ความเปราะบางทางจิตใจของบุคคล พบว่า ผู้ที่มีประวัติสูญเสียพ่อหรือแม่ หรือมีประสบการณ์
เลวร้ายจากการเลี้ยงดู, ไม่ได้รับความใส่ใจ, ถูกทำร้ายในวัยเด็ก เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้บุคคลเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคนี้
1) ปัจจัยทางด้านชีวภาพ
2) ปัจจัยทางจิตสังคม
- มีความผิดปกติของสารสื่อประสาทได้แก่ norepinephrine และdopamine
- มีการใช้สารเสพติดหรือความผิดปกติด้านระบบประสาทอัตโนมัติที่ไวเกินไป
- มีการหลั่ง glucocorticoid ออกมามากจากการทำลายเซลล์บริเวณ hippocampus
receptor ของ glucocorticoid ที่เป็นผลมาจากการอยู่ในเหตุการณ์ที่มีความเครียดในระยะเวลายาวนาน ๆ ซึ่งเมื่อ
ตรวจด้วย MRI จะพบว่าผู้ป่วยโรคเครียดแบบเฉียบพลันจะมีขนาดของ hippocampus ที่เล็กลง
- ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ มองว่า อาการและอาการแสดงของโรคที่เกิดขึ้นเมื่อความขัดแย้งในจิตไร้
สำนึกถูกกระตุ้นโดยเหตุการณ์ที่รุนแรง ทำให้ผู้ป่วยเกิดพฤติกรรมถดถอยและหันไปใช้กลไกป้องกันตนที่ไม่เหมาะสม
จนก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ
- ทฤษฎีทางความคิดและพฤติกรรม มองว่า อาการและอาการแสดงของโรคที่เกิดขึ้นมีความ
เชื่อมโยงกับการเผชิญหรือถูกคุกคามจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในชีวิตกับสิ่งที่เตือนให้นึกถึงการเผชิญหรือ
ถูกคุกคามจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้น เช่น ภาพ เสียง กลิ่น ทำให้พอเจอสิ่งเตือนให้นึกถึงการ
เผชิญหรือถูกคุกคามจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้นก็จะมีอาการ หวาดกลัวราวกับเจอเหตุการณ์
สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้นจริง ๆ
- โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (post-traumatic stress disorder: PDST) มีสาเหตุ
เหมือนผู้ป่วยโรคเครียดแบบเฉียบพลันดังกล่าวไปแล้วข้างต้น
2.2 การบำบัดรักษาของกลุ่มโรคจากเหตุสะเทือนขวัญและความเครียด
- ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
1) การบำบัดด้วยยา
2) การบำบัดทางจิตใจ
- โรคเครียดแบบเฉียบพลัน (acute stress disorder: ASD)
1) การบำบัดด้วยยา
2) การบำบัดทางจิตใจ
- โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (post-traumatic stress disorder: PDST)
นอกจากการบำบัดจะเหมือนผู้ป่วยโรคเครียดแบบเฉียบพลันดังกล่าวไปแล้วข้างต้น การบำบัดทางจิตใจในผู้ป่วยโรคเครียดหลังผ่าน
เหตุการณ์สะเทือนขวัญ จะมีการบำบัดด้วยจิตบำบัดหลายรูปแบบ เช่น ให้ผู้ป่วยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ
อีกครั้งผ่านการจินตนาการ (exposure therapy) หรือการสอนวิธีการปรับตัวกับภาวะเครียด ( stressmanagement)
- การพยาบาลบุคคลที่มีกลุ่มโรคจากเหตุสะเทือนขวัญและความเครียด
2) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (nursing diagnosis)
3) การวางแผนและการปฏิบัติทางการพยาบาล (planning and implementation)
1) การประเมินสภาพ (assessment)
ควรที่จะครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และความคิดแล้ว ควรที่ต้องหาสาเหตุ ผลกระทบ วิธีการ
ตอบสนองของผู้ป่วยต่อของความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตหรือเหตุสะเทือนขวัญและความเครียดที่เผชิญหรือถูกคุกคาม
ให้ชัดเจน รวมทั้งระดับความรุนแรง ระยะเวลาความผิดปกติที่เกิดขึ้น
- การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันบกพร่อง
- หวาดกลัวจนไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวัน บทบาทและหน้าที่ของตนเองได้ตามปกติ
- ขาดความมั่นใจในตนเอง
- แยกตัวจากสังคม กลัวการเข้าสังคม
- การเผชิญปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ใช้สารเสพติดหรือใช้ยาระงับประสาท
- มีอารมณ์ซึมเศร้าหรือพยายามทำร้ายตนเอง
- การรับรู้ ความคิด และสมาธิบกพร่อง
มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดอาการและช่วยเหลือให้ผู้ป่วยมีการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างน้อยก็เท่าเดิมก่อนที่จะเกิด
ปัญหา ซึ่งในระยะยาวหากสามารถทำได้ก็เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิธีการต่อสู่ปัญหาของผู้ป่วย พยาบาลจึง
ควรช่วยให้ผู้ป่วยในสิ่งต่าง ๆ
4) การประเมินผลทางการพยาบาล (evaluation)
จะประเมินตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสามารถประเมินได้จากการบอกกล่าวของผู้ป่วยเอง
ครอบครัวผู้ป่วย หรือจากการสังเกตจากพยาบาล