Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช (Part 3) -…
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช (Part 3)
กลุ่มโรควิตกกังวล
(Generalized anxiety disorder, Panic disorder, Specific phobia)
ความวิตกกังวล (Anxiety) ความรู้สึกไม่สบายใจ หวาดหวั่น ไม่มั่นใจต่อสภาพการณ์ในอนาคตเกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือความเสียหาย เนื่องจากมีสิ่งคุกคามความมั่นคงของบุคคล ขณะเดียวกันจะมีความไม่สุขสบายทางร่างกายร่วมด้วย
สาเหตุ (Etiology)
ปัจจัยทางชีววิทยา (Biological factors)
กรรมพันธุ์ (genetic)
กายวิภาคของระบบประสาท (neuroanatomical)
สารชีวเคมี (biochemical)
สารสื่อประสาท (neurochemical)
ภาวะการเจ็บป่วยทางกาย (medical condition)
ปัจจัยทางจิตวิทยา (Psychological factors)
ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (psychodynamic theory) Freud
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ซัลลิแวน
ทฤษฎีการเรียนรู้ (cognitive behavior theory)
ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (Social and environmental factors) เช่นภาวะ Panic attack ของคนละตินอเมริกันหรือคนยุโรปทางเหนือ จะมีอาการ หายใจขัด หายใจไม่เต็มปอด เจ็บแน่นหน้าอก กลัวตาย
ลักษณะอาการของความวิตกกังวล
อาการทางร่างกาย
กล้ามเนื้อตึงเครียด เหนื่อย กระสับกระส่าย ปากแห้ง หนาว มือและเท้าเย็นหายใจลึกและถี่ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
อาการแสดงด้านจิตใจและอารมณ์
มีอาการกระสับกระส่าย หงุดหงิด ซึมเศร้าร้องไห้ โกรธ รู้สึกไม่มีสมาธิ
อาการแสดงด้านพฤติกรรม
เดินไปเดินมา ลุกลี้ลุกลน นั่งไม่ติดที่ เอามือม้วนเส้นผม ระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ
อาการแสดงด้านความคิด ความจำ
สนใจสิ่งแวดล้อมลดลง ไม่มีสมาธิ ไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัว
ระดับของความวิตกกังวล
วิตกกังวลระดับปกติ (Normal)
แสดงออกมาให้บุคคลรับรู้ว่า มีความไม่สบายใจ มีความรู้สึกหวาดหวั่น ซึ่งเป็นระดับที่บุคคลจะรู้สึกต้องเตรียมพร้อมในการป้องกันตนเองจากสิ่งที่คุกคาม
วิตกกังวลระดับน้อย (Mild anxiety)
เกิดได้ในชีวิตประจาวัน จะมีลักษณะตื่นตัวดี กระตือรือร้น สามารถสังเกตการณ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆได้ดี เรียนรู้ที่จะหาวิธีในการแก้ไขปัญหา และอาจมีการแก้ไขปัญหาได้ดี
วิตกกังวลระดับปานกลาง (Moderate anxiety)
มีการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆทั้งการมองเห็นการฟังมีประสิทธิภาพลดลง ความสนใจและสมาธิลดลง มีอาการพูดเสียงสั่นๆ พูดเร็วขึ้น เริ่มมีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
วิตกกังวลระดับสูง (Severe anxiety)
จะรับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้น้อยลง ความสนใจจดจ่ออยู่กับแค่บางสิ่งบางอย่าง ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการพูดได้ พูดจาไม่รู้เรื่อง กระบวนการคิดไม่ดี สับสน อาจจะเกิดช่วงก่อนที่บุคคลจะมองหาความช่วยเหลือ
วิตกกังวลระดับรุนแรง (Panic state)
หวาดกลัวรุนแรงความสามารถในการรับรู้จะหยุดชะงัก พูดไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีความสามารถในการทาสิ่งต่างๆ ความรู้สึกตัว อารมณ์ผิดปกติ การรับรู้ผิดไปจากความเป็นจริง
ลักษณะของความวิตกกังวล
Trait – anxiety or A –trait (ความวิตกกังวลประจำตัว)
มีแนวโน้มที่จะรับรู้และประเมินหรือคาดคะเนสิ่งเร้าว่าน่าจะเกิดอันตรายหรืออาจคุกคามตนเองทาให้มีความวิตกกังวลเกิดขึ้น
State- anxiety or A- state (ความวิตกกังวลในขณะปัจจุบัน)
บุคคลเกิดความตึงเครียด หวาดหวั่น กระวนกระวาย ระบบอัตโนมัติตื่นตัวสูงขึ้น ความรุนแรงและระยะเวลาที่เกิดความวิตกกังวลในขณะปัจจุบันจะแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล
การบำบัดรักษา
การรักษาด้วยยา
Ativan, Xanax, buspar เป็นยาที่นิยมใช้
การรักษาทางจิตสังคม
การทำจิตบำบัด
จิตบำบัดโดยจิตวิเคราะห์
จิตบำบัดโดยทฤษฎีมนุษย์นิยม
การบำบัดทางเลือก (Alternative therapy)
Visual imagery
Change of pace or scenery
Exercise or massage
Transcendental meditation
Biofeedback
Systematic desensitization
relaxation exercise
Therapeutic touch or laying on of hands
Hypnosis
บุคคลที่มีกลุ่มโรคจากเหตุสะเทือนขวัญและความเครียด
กลุ่มโรคจากเหตุสะเทือนขวัญและความเครียด (trauma- and stressor - related disorder)
ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
โรคเครียดแบบเฉียบพลัน (acute stress disorder : ASD)
โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (post-traumatic stress disorder : PTSD)
ลักษณะอาการและอาการแสดง
ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
เป็นการตอบสนองภายใน 3 เดือนนับเริ่มต้นความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตที่พบได้ในชีวิตประจำวัน อาจเกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วจบ เกิดขึ้นซ้ำๆ หรือเกิดขึ้นต่อเนื่องก็ได้ มีพฤติกรรมที่ชัดเจนรุนแรงมากกว่าความรุนแรงของความกดดันที่เกิดขึ้น
สาเหตุ
ปัจจัยทางด้านชีวภาพ พบว่า ผู้ที่มีประวัติความเจ็บป่วยรุนแรง เรื้อรัง ทุพพลภาพ
ปัจจัยทางจิตสังคม พบว่าความสัมพันธ์ร่วมกันของลักษณะภาวะความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตทั้งที่พบได้ในชีวิตประจำวันและที่เกิดขึ้นตามพัฒนาการกับสภาวะแวดล้อมของผู้ป่วยในขณะนั้น
โรคเครียดแบบเฉียบพลัน (acute stress disorder : ASD)
โรคที่มีอาการและอาการแสดงตั้งแต่ 3 วันขึ้นไปจนถึง 1 เดือนหลังเผชิญหรือถูกคุกคามจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เช่น ถูกทำร้ายร่างกายรุนแรง ประสบอุบัติเหตุรุนแรง การถูกล่วงละเมิดทางใดทางหนึ่ง,การรับทราบว่าเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญหรืออุบัติเหตุกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท
ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามผุดขึ้นมาซ้ำ ๆโดยไม่ตั้งใจและก่อให้เกิดความทุกข์
มีการฝันถึงเนื้อหาหรืออารมณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคาม
มีการกระทำหรือมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้นกำลังเกิดขึ้นอีก (flashback)
มีความทุกข์ใจอย่างหนักและยาวนานในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือคล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้น
มีปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือคล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้นทั้งภายในและภายนอกทางร่างกายที่เกิดขึ้นชัดเจน
มีความนึกคิดและอารมณ์เปลี่ยนไปในทางลบหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคาม (negative mood and dissociation)
ไม่สามารถระลึกถึงส่วนสำคัญของเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
มีความเชื่อและความคาดหวังกับตัวเอง คนอื่น และโลกภายนอกในแง่ลบอย่างเกินจริงตลอด
มีความคิดเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นบิดเบือนไปจากความเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้โทษตัวเองหรือผู้อื่น
มีสภาวะอารมณ์ทางลบอย่างต่อเนื่อง เช่น กลัว โกรธ อาย รู้ผิด
รู้สึกแปลกแยกจากผู้อื่น
ความสนใจหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ลดลงอย่างมาก
ไม่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ทางบวกได้ เช่น ไม่รู้สึกสุข, พอใจ, รัก
มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงเมื่อเจอสิ่งเร้าที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
มีอาการตื่นตัวเปลี่ยนไปอย่างมากหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
สาเหตุ
ปัจจัยทางด้านชีวภาพ พบว่ามีความผิดปกติของสารสื่อประสาทได้แก่ norepinephrine และdopamine มีการใช้สารเสพติดหรือความผิดปกติด้านระบบประสาทอัตโนมัติที่ไวเกินไป มีการหลั่ง glucocorticoid
ปัจจัยทางจิตสังคม ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ มองว่า อาการและอาการแสดงของโรคที่เกิดขึ้นเมื่อความขัดแย้งในจิตไร้สำนึกถูกกระตุ้นโดยเหตุการณ์ที่รุนแรง ทำให้ผู้ป่วยเกิดพฤติกรรมถดถอยและหันไปใช้กลไกป้องกันตนที่ไม่เหมาะสมจนก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ
โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (post-traumatic stress disorder : PTSD)
โรคที่มีอาการและอาการแสดงตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปบางรายอาจช้าเป็นปีก็ได้
มีความทรงจำซึ่งทำให้เป็นทุกข์เกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามผุดขึ้นมาซ้ำ ๆโดยไม่ตั้งใจ
มีการฝันถึงเนื้อหาหรืออารมณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคาม
มีการกระทำหรือมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้นกำลังเกิดขึ้นอีก (flashback)
มีความทุกข์ใจอย่างหนักและยาวนานในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือคล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้น
มีปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นสัญลักษณ์หรือคล้ายเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคามนั้นทั้งภายในและภายนอกทางร่างกายที่เกิดขึ้นชัดเจน
มีความนึกคิดและอารมณ์เปลี่ยนไปในทางลบหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เผชิญหรือถูกคุกคาม (negative mood and dissociation)
มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงเมื่อเจอสิ่งเร้าที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้น
มีอาการตื่นตัวเปลี่ยนไปอย่างมากหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนขวัญ
หงุดหงิดและโกรธง่าย
มีพฤติกรรมบ้าบิ่น หรือทำร้ายตัวเอง
ระแวดระวังมากไป
ตกใจมากกว่าปกติ
ปัญหาด้านสมาธิ
ปัญหาการนอน เช่น หลับยาก, หลับไม่สนิท, นอนไม่เต็มอิ่ม
การบำบัดรักษา
ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
การบำบัดด้วยยา
การบำบัดทางจิตใจ
โรคเครียดแบบเฉียบพลัน (acute stress disorder: ASD)
การบำบัดด้วยยา ซึ่งยาหลักที่ใช้ในการบำบัด คือ ยาในกลุ่ม SSRIs เช่น sertraline, paroxetine ส่วนยาในกลุ่ม TCAs เช่น amitriptyline, imipramine ก็สามารถใช้ในการบำบัดได้เช่นกัน
การบำบัดทางจิตใจ สิ่งสำคัญคือการให้กำลังใจ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความคิด ความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เผชิญมาเท่าที่ผู้ป่วยต้องการ
โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (post-traumatic stress disorder: PTSD)
การบำบัดทางจิตใจในผู้ป่วยโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ จะมีการบำบัดด้วยจิตบำบัดหลายรูปแบบ เช่น ให้ผู้ป่วยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สะเทือนขวัญอีกครั้งผ่านการจินตนาการ (exposure therapy) หรือการสอนวิธีการปรับตัวกับภาวะเครียด (stress management) และการให้ผู้ป่วยนึกภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญไปพร้อมกับมองตามนิ้วมือของผู้บำบัดที่เคลื่อนไหวไปมาตามขวาง (eye movement desensitization and reprocessing : EMDR)
การพยาบาล
การประเมินสภาพ (assessment)
ควรที่จะครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และความคิดแล้ว ควรที่ต้องหาสาเหตุ ผลกระทบ วิธีการตอบสนองของผู้ป่วยต่อของความกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตหรือเหตุสะเทือนขวัญและความเครียดที่เผชิญหรือถูกคุกคามให้ชัดเจน รวมทั้งระดับความรุนแรง ระยะเวลาความผิดปกติที่เกิดขึ้น
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (nursing diagnosis)
หลังรวบรวมข้อมูล อาจพบว่าผู้ป่วยโรคโรคจากเหตุสะเทือนขวัญและความเครียดนั้นอาจมีปัญหาต่าง ๆที่ต้องการการช่วยเหลือให้การพยาบาล
การวางแผนและการปฏิบัติทางการพยาบาล (planning and implementation)
มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดอาการและช่วยเหลือให้ผู้ป่วยมีการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างน้อยก็เท่าเดิมก่อนที่จะเกิดปัญหา ซึ่งในระยะยาวหากสามารถทำได้ก็เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิธีการต่อสู่ปัญหาของผู้ป่วย พยาบาลจึงควรช่วยให้ผู้ป่วยในสิ่งต่าง ๆเหล่านี้
การประเมินผลทางการพยาบาล (evaluation)
จะประเมินตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสามารถประเมินได้จากการบอกกล่าวของผู้ป่วยเอง ครอบครัวผู้ป่วย หรือจากการสังเกตจากพยาบาล
สามารถบอกวิธีในการเผชิญหรือแก้ปัญหาของตนเองได้
สีหน้าสดชื่นแจ่มใส
นอนหลับพักผ่อนได้
ประกอบกิจวัตรประจำวัน บทบาทและหน้าที่ของตนเองได้
Generalized Anxiety Disorders (GAD)
ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลมากผิดปกติต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต
อาการ
กระสับกระส่าย
อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง
มีปัญหาด้านสมาธิ หรือใจลอย
หงุดหงิดง่าย
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตึงเครียดตามกล้ามเนื้อ
มีปัญหาการนอน (หลับยาก นอนหลับตลอดเวลา หลับ ๆ ตื่น ๆ นอนหลับไม่สนิท)
การรักษา
จิตบำบัด เช่น วิธี Cognitive behavior therapy (CBT)
การรักษาด้วยยา Benzodiazepine เช่น Diazepam ยากลุ่ม SSRI เช่น Sertraline, Paroxetine Propanolol ใช้เพื่อลดอาการใจสั่น มือสั่น
การพยาบาล
การประเมินผู้ป่วย
ด้านร่างกาย
หายใจไม่เต็มอิ่ม ใจสั่น ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ
ด้านอารมณ์
มีความวิตกกังวล ทุกข์ใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชีวิตหลายๆเรื่อง กระสับกระส่าย
ด้านความคิด
ผู้ป่วยอาจจะมีความคิดฆ่าตัวตายเพราะต้องการหนีความทุกข์ใจ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
วิตกกังวล เนื่องจากการใช้วิธีเผชิญความเครียด ไม่มีประสิทธิภาพ
การปฏิบัติการพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบาบัด โดยมีเป้าหมายการพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีการปรับตัวที่เหมาะสม โดยระยะแรกจาเป็นต้องให้กาลังใจและสนับสนุนช่วยเหลือให้ผู้ป่วยจัดการเพื่อลดระดับความวิตกกังวล ในระยะต่อมาจึงช่วยผู้ป่วยให้แก้ไขปัญหาต่อไป
Panic disorder
อาการ Panic attack
ใจสั่น หัวใจเต้นแรง หรืออัตราเต้นของหัวใจเร็ว
เหงื่อออกมาก
สั่นทั้งตัว
หายใจเร็วถี่
รู้สึกอยากอาเจียน
เจ็บแน่นหน้าอก
คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง
รู้สึกวิงเวียน สมองตื้อ โคลงเคลง หรือจะเป็นลม
ร้อน ๆ หนาว ๆ ตามตัว
รู้สึกตัวชา หรือรู้สึกซู่ซ่ารู้สึกเหมือนไม่อยู่กับความจริง (Derealization) หรือ ไม่ใช่ตัวของตัวเอง (Depersonalization)
กลัวควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือเหมือนจะเป็นบ้า
กลัวตาย
การรักษา
จิตบำบัด เช่น Cognitive behavior therapy (CBT)
การรักษาด้วยยา ได้แก่ ยากลุ่ม SSRI เช่น Fluoxetine และ Benzodiazepine เช่น Alprazolam
การพยาบาล
การประเมินผู้ป่วย
ด้านร่างกาย ผู้ป่วยจะบอกว่ามีอาการใจสั่น หรือเจ็บหน้าอก หายใจติดขัด นอนไม่ค่อยหลับ
ด้านอารมณ์ ผู้ป่วยแสดงให้เห็นว่าวิตกกังวล หรือแสดงออกว่าโกรธตนเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ กลัวว่าตนเองจะเสียชีวิต หรือกาลังจะเป็นบ้า
ด้านความคิดผู้ป่วยอาจจะมีความคิดฆ่าตัวตาย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
วิตกกังวลอย่างรุนแรง เนื่องจากรับรู้ว่ามีการคุกคามต่อชีวิต อัตมโนทัศน์ ภาพลักษณ์
การปฏิบัติการพยาบาล
พยาบาลแสดงท่าทีสงบ ไม่คุกคามผู้ป่วย ความวิตกกังวลสามารถถ่ายเทความรู้สึกจากพยาบาลมายังผู้ป่วย
ตระหนักถึงความรู้สึกกลัวของผู้ป่วย
สื่อสารกับผู้ป่วย ด้ายคำพูดที่เข้าใจง่าย สั้น ชัดเจน
จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ไม่มีสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการ panic
สอนและให้การปรึกษาเกี่ยวกับหลักการการบาบัดด้านความคิด (cognitive therapy)
Phobia disorder
เป็นความกลัวอย่างรุนแรง ไม่มีเหตุผล กลัวเกินเหตุ และเกิดขึ้นบ่อย โดยไม่สามารถระงับหรือหักห้ามความกลัวนั้นได้
อาการเด่น
กลัวการใช้ขนส่งมวลชน เช่น รถยนต์โดยสาร รถโดยสารประจำทาง รถไฟ เรือ เครื่องบิน
กลัวอยู่ในที่โล่ง หรือที่ชุมชน
กลัวสถานที่ที่มีผู้คนมาก เช่น ร้านค้า โรงภาพยนตร์ โรงละคร
กลัวการเข้าคิวในแถว หรือสถานที่ที่มีคนหนาแน่น
กลัวการอยู่นอกบ้านคนเดียวตามลาพัง
โรคกลัวสังคม (Social phobia หรือ Social anxiety disorder)
กลัวอย่างชัดเจน หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในสังคม ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึกกาลังถูกเฝ้ามองในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น การพบปะสนทนา การประชุมกับบุคคลที่ไม่คุ้นเคย การกาลังถูกมองเป็นเป้าสายตา การอยู่ต่อหน้าบุคคลอื่น
โรคกลัวสิ่งเฉพาะเจาะจง (Specific phobia)
กลัวอย่างชัดเจน หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับวัตถุหรือสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง เช่น กลัวแมลงที่มีปีกบิน กลัวความสูง สัตว์ กลัวเข็มฉีดยา กลัวเลือด
การรักษา
Specific phobia ใช้วิธีExposure therapy มากที่สุด
Social phobia ใช้วิธีการทาจิตบาบัดร่วมกับการใช้ยา ได้แก่ ยากลุ่ม SSRI เช่น Paroxetine
ยา Benzodiazepine เช่น Clonazepam และยา Beta-adrenergic antagonist เช่น Propranolol
การพยาบาล
การประเมินผู้ป่วย
ด้านร่างกาย ถ้าความกลัวรุนแรงมากควรประเมินอาการทางกายจาก panic attack
ด้านอารมณ์ ความกลัวต่อสิ่งต่างๆ มีผลต่อการดาเนินชีวิตของผู้ป่วยอย่างไร
ด้านความคิด ประเมินการรับรู้สิ่งคุกคามที่ทาให้ผู้ป่วยกลัว และผลกระทบต่อการดาเนินชีวิต
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
รู้สึกกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากอยู่ในสถานที่ที่บุคคลรู้สึกว่าไม่สามารถหนีได้ หรืออาจทาให้เกิดอันตรายได้
แยกตัวจากสังคม เนื่องจากกลัวอยู่ในสถานที่ซึ่งบุคคลไม่สามารถจะหนีได้
การปฏิบัติการพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบาบัด ยอมรับความกลัวของผู้ป่วย โดยพูดคุยด้วยกิริยาสงบท่าทางที่เชื่อมั่น
อยู่เป็นเพื่อนขณะที่ผู้ป่วยมีความกลัว และให้กาลังใจว่าเขาปลอดภัย
พูดคุย ถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงและให้ตระหนักว่าพฤติกรรมของเขาเป็นวิธีแก้ไขความวิตกกังวล
Obsessive Compulsive Disorders (OCD)
การคิดหรือทาเรื่องหนึ่งเรื่องใดซ้าๆ โดยไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่คิดหรือทานั้นไม่สมเหตุสมผล
ย้ำคิด (Obsessions)
ย้ำทำ(Compulsive)
การรักษา
พฤติกรรมบำบัด จะใช้หลัก Exposure และ Response prevention ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยมาก
การรักษาด้วยยา ยากลุ่ม SSRI เช่น Fluoxetine
การพยาบาล
การประเมินผู้ป่วย
ทางร่างกาย อาจจะมีผิวหนังแห้งเนื่องจากทาความสะอาดบ่อยหรือนาน
ทางอารมณ์ ผู้ป่วยบอกว่ารู้สึกกังวลมากที่มีอาการย้าคิดทั้งๆ ที่ไม่ต้องการจะคิดผู้ป่วยอาจมีอารมณ์เศร้า
ทางความคิด มีอาการย้ำคิด ผู้ป่วยบอกว่าพยายามจะหยุดคิดแต่ยิ่งทำให้ตึงเครียดมากขึ้น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
การทำหน้าที่ที่รับผิดชอบตามบทบาทที่มีอยู่ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีพฤติกรรมกระทำซ้ำ
การปฏิบัติการพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบาบัด ให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกไว้วางใจ
ช่วยให้ผู้ป่วยลดการทาพฤติกรรมซ้ำ
ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน เช่น อาหาร การพักผ่อน และการแต่งตัว เพราะผู้ป่วยหมกมุ่นอยู่กับการย้าคิดย้าทา